ตอนที่ 226 : ซากปิศาจ
ต้นไม้เลือดที่อยู่มาหลายร้อยปีกลับต้องโดนโค่นลงในวันนี้
หวังเย่าไม่ได้คิดอะไรมากกับการโค่นต้นไม้นี้ เขากับจ้าวเมิ่งซีลอยอยู่เหนือส่วนลำต้นที่เหลือ
ต้นไม้นี้ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง แต่ไม้ส่วนที่เหลือนั้นก็ยังแข็งไม่ต่างอะไรจากหิน
“หัวใจแห่งพฤกษาอยู่ด้านล่างไม่กี่เมตร” จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้น
หวังเย่าพยักหน้าและเอามีดทมิฬออกมา เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตัดมัน เขาไม่เคยเห็นหัวใจแห่งพฤกษามาก่อน ไม่รู้ว่ามันหน้าตาเป็นแบบไหน เพื่อที่จะไม่สร้างเสียหายให้กับมัน เขาจึงต้องระวัง
แม้ว่าไม้จะแข็ง แต่มีดทมิฬก็คมอย่างมาก มันทำขึ้นมาจากเหล็กทองทมิฬ มันทั้งหนักและแข็ง
แน่นอนว่าการตัดต้นไม้แบบนี้หวังเย่าไม่ได้ทำด้วยตัวเอง เขาได้สั่งให้หงอคงจัดการแทนเขา
หงอคงจับมีดทมิฬไว้แน่น ผ่านไปไม่กี่นาทีมันก็ตัดไม้ไปถึงตำแหน่งที่ใกล้กับหัวใจแห่งพฤกษ์ได้
“หงอคง พอแล้ว” หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีเดินเข้ามาดูและพบว่าใจกลางลำต้นนี้มีก้อนที่คล้ายกับรังไหมอยู่ ผิวของมันราบเรียบและเปล่งแสงสีแดงอ่อน ๆ ออกมา
หวังเย่าแผ่จิตเข้าไปสำรวจด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา เขารู้สึกได้ถึงพลังที่แปลกประหลาด มันอาจจะอธิบายได้ว่า…มันคือพลังชีวิต
เขาหยิบหัวใจแห่งพฤกษาขึ้นมา เมื่อสัมผัสกับมันแล้ว เขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นราวกับเลือดอุ่น ๆ ที่ไหลผ่านมือเขา
“มันเป็นยังไงบ้าง ? ” จ้าวเมิ่งซีแสดงสีหน้าแปลกใจออกมา แม้ว่าเธอจะไม่มีการรับรู้ทางจิต แต่หัวใจแห่งพฤกษาก็ยังแผ่พลังชีวิตออกมาให้เธอรับรู้ได้ แต่แค่ว่าเธอไม่อาจจะดูดซับมันได้
หวังเย่าไม่ได้ตอบกลับ เขารีบใช้ระบบเพื่อตรวจสอบมันทันที
ตาของเขาส่องประกายแสงสีทองออกมา ก่อนที่จะมีข้อมูลปรากฏขึ้นในหัวของเขา
แจ้งเตือน : ค้นพบหัวใจแห่งพฤกษาของต้นไม้กินเลือด มันอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น มีพลังชีวิตมหาศาล มันสามารถยกระดับธาตุไม้ของสิ่งมีชีวิตขึ้นมาได้
การตรวจสอบของระบบนั้นมีข้อจำกัด มันต้องตรวจสอบคลื่นพลังของสิ่งมีชีวิตเท่านั้น อัญมณีความทรงจำ, หินที่หงอคงอยู่ รวมไปถึงหัวใจแห่งพฤกษาตรงหน้านี้ล้วนแต่มีคลื่นพลังชีวิต ดังนั้นมันจึงสามารถตรวจสอบได้
“หัวใจแห่งพฤกษามีพลังชีวิตที่สามารถเพิ่มระดับธาตุไม้ของสิ่งมีชีวิตได้ มันก็เหมือนกับบัวหิมะน้ำแข็งที่ฉันเคยให้เธอ มันอยู่ระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วย ซึ่งมันเป็นระดับเดียวกันกับบัวหิมะน้ำแข็ง สรุป มันคือของดีแต่เราไม่อาจจะใช้มันได้”
หวังเย่าส่งหัวใจแห่งพฤกษาให้กับจ้าวเมิ่งซี ตอนนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับเขา เขาควรยกมันให้เธอจะดีกว่า อย่างน้อยมันก็ช่วยในการดูแลสวนได้บ้าง
จ้าวเมิ่งซีรับมันมาด้วยความแปลกใจ จากนั้นเธอก็ยิ้มออกมาอย่างพอใจราวกับสาวน้อยที่ได้รับของขวัญ
เมื่อได้หัวใจแห่งพฤกษามาแล้ว หวังเย่าก็มองไปที่รากของต้นไม้และพบว่าลึกลงไปนั้นรากของต้นไม้กำลังปกป้องอะไรบางอย่างอยู่
หวังเย่าพุ่งลงไปที่พื้นก่อนจะใช้ลูกแก้ววิญญาณดินขุดดินใกล้ ๆ กับรากของมันออก
10 เมตร
50 เมตร
เมื่อขุดลงมาได้ถึง 100 เมตร หวังเย่าก็พบกับลูกบอลขนาดใหญ่ มันเป็นรากนับไม่ถ้วนพันรวมกันจนกลายเป็นลูกบอล
ที่น่าแปลกใจที่สุดคือรากพวกนี้เหมือนจะยังขยับอยู่
หวังเย่าและจ้าวเมิ่งซีอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน จิตของต้นไม้กินเลือดนั้นถูกทำลายไปแล้ว ต้นไม้เองก็ถูกโค่น แต่รากของมันยังขยับได้อยู่ มันมีวิญญาณของตัวเองหรือว่าต้นไม้นี่ยังไม่ตาย มันอาจจะเหมือนกับต้นไม้อื่น ๆ ที่แม้ว่าจะโดนตัดแต่ก็ยังมีพลังชีวิตอยู่ หากปล่อยให้ต้นไม้นั้นอยู่ต่ออีกไม่กี่ปี มันก็อาจจะงอกกลับมาได้ดังเดิม
หวังเย่าไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านใน แต่เพื่อความปลอดภัยเขาจึงถอยห่างออกมาก่อนจะใช้ใบมีดลมตัดรากไม้ออก แต่เขาก็พบว่ารากพวกนี้กลับแข็งอย่างมาก เขาต้องใช้พลังอย่างมากกว่าจะตัดมันออกได้…
รากที่ถูกตัดขาดออกไปนั้นถูกลมพัดออกไปจนเผยให้เห็นสิ่งของด้านใน มันเหมือนกับที่จ้าวเมิ่งซีบอกมาจริง ๆ มันคือซากศพที่คล้ายกับผลึกขนาดเท่ากับกำปั้นเด็กทารก ผิวของมันเป็นสีขาวแต่มีบางอย่างที่เหมือนกับเส้นเลือดปูดปนออกมา หากมองดูใกล้ ๆ แล้วจะพบว่าเส้นเลือดนั้นเลื้อยไปมาอย่างช้า ๆ ราวกับงู
หวังเย่าใจสั่นขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เขาอดไม่ได้ที่จะถอยกลับออกมา ก่อนจะแผ่การรับรู้ทางจิตออกไป
เมื่อจิตปะทะกับผลึกนั่น หวังเย่าก็รู้สึกได้ถึงเสียงคำรามและตัวตนที่ราวกับปิศาจกำลังกลืนกินจิตของเขาเข้าไป
เสียงที่ดังขึ้นมานั้นไม่ได้ดังขึ้นมาจากดิน เสียงนี้ฟังดูแปลกประหลาดไม่รู้ว่ามาจากไหนแต่มันกลับดังขึ้นมาในใจเขาแทน
จ้าวเมิ่งซีกรี๊ดออกมาเมื่อเธอจ้องดูมันชัด ๆ ใบหน้าของเธอซีดเผือดไปทันที เพราะรู้สึกกลัวขึ้นมา
“ หวังเย่า สิ่งนี่มันน่ากลัวเกินไป เราทำลายมันจะดีกว่า ” จ้าวเมิ่งซีพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ
หวังเย่าเองก็สีหน้าไม่สู้ดีนัก ซากศพที่คล้ายผลึกนี่กล้ากลืนพลังจิตของเขา มันเป็นตัวตนที่แปลกประหลาดจริง ๆ
ดูเหมือนว่ามันมีเหตุผลที่ต้นไม้กินเลือดจะใช้รากห่อสิ่งนี่เอาไว้ บางทีมันอาจจะไม่ใช่เพื่อปกป้องซากศพนี้ แต่เพื่อปกป้องตัวมันเองไม่ให้มันบาดเจ็บเพราะซากศพ
ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่ เพราะแม้แต่ต้นไม้กินเลือดก็ไม่อาจจะทำอะไรมันได้ เดาว่ามันคงไม่ง่ายดายอย่างแน่นอน
หวังเย่ากัดฟันแน่นและลองใช้ระบบตรวจสอบดู แต่ก็พบว่าระบบไม่ตอบสนอง ชัดแล้วว่าซากศพนี่ไม่มีพลังชีวิตอยู่
ไม่มีคลื่นพลังชีวิตแต่เป็นเหมือนสิ่งมีชีวิต ?
หวังเย่าสับสนยิ่งกว่าเก่า จากนั้นของตาเขาก็ได้ส่องประกายแสงสีทองออกมา เขาได้ใช้สกิลเนตรอัคคีมาตรวจสอบแทน
ตาของเขาจับจ้องไปที่ผลึกนั่น เขาไม่ใช่แค่เห็นร่างของมันแต่ยังเห็นเงาเลือดที่ไหลเวียนอย่างต่อเนื่อง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าอันน่ากลัว
“เมิ่งเอ๋อร์ บางทีมันอาจจะเป็นซากปิศาจ”
หวังเย่าไม่รู้ว่าจะเรียกมันยังไง ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อมันว่าซากปิศาจแทน
ซากคือสิ่งที่ตายไปแล้ว มันไม่มีคลื่นพลังชีวิต แต่มันยังทำให้ผู้คนเกิดความกลัวและคอยสูบจิตของผู้คน
และซากปิศาจคือสิ่งชั่วร้ายที่ปิศาจให้กำเนิดขึ้นมา มันน่ากลัวอย่างมาก ซากศพนี่ดูเหมือนจะเป็นตัวตนแบบนั้น
สีหน้าของจ้าวเมิ่งซีเปลี่ยนไปทันที แม้เธอจะไม่เข้าใจว่าซากปิศาจนี้หมายถึงอะไร แต่ตอนนั้นเองซากศพกลับลอยขึ้นพร้อมกับมีเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจดังขึ้นมา
สายตาของหวังเย่าเย็นชาขึ้นมาทันที ซากปิศาจนี่กล้าที่จะสร้างปัญหาต่อหน้าเขา งั้นมาลองดูกันว่าใครจะแกร่งกว่ากัน