ทุกคนได้ไปรวมตัวกันที่ทางออกในตอนบ่าย
ตอนนั้นทุกคนต่างก็เผยสีหน้ายินดีออกมาเพราะพวกเขาจะได้กลับบ้านกันแล้ว
ทางออกในวันนี้ไม่อาจจะปิดกั้นความสามารถของหวังเย่าได้อีก เขาใช้สกิลไต่เมฆาเพื่อเดินทางขึ้นไป ส่วนคนอื่น ๆ นั้นพากันขึ้นหลังเทอร์โรซอร์ไฟ
เมื่อหันกลับไปมองมิติดวงจันทร์ที่ด้านหลัง เขาก็พบว่ามันเป็นที่ที่ดี มันคล้ายกับหัวเซี่ยและมีภูมิประเทศที่ไม่แย่นัก นับว่าภูมิศาสตร์ค่อนข้างดี อาจจะเรียกได้ว่ามีที่ราบกว้างใหญ่ไพศาล
หวังเย่ามองดูผิวที่แขนของเขา มันมีสีแดงจาง ๆ และรู้สึกร้อนแต่ไม่ได้หนักหนาอะไร นอกจากความร้อนแล้วมันก็ยังเป็นเครื่องหมายของการที่ร่างกายพร้อมจะสืบพันธุ์
หากอยู่ที่นี่ต่ออีก 2 วัน เขาอาจจะทนต่อไปไม่ไหว เพราะสุดท้ายฮอร์โมนในร่างกายก็จะปั่นป่วน จนอาจจะถูกเผาทั้งเป็นก็ได้
แน่นอนว่าหวังเย่าเองก็คาดหวังอยู่บ้าง แฟนของเขา 2 คนอยู่ข้างกายเขา พวกเธอผ่านเกณฑ์ผู้เยาว์กันหมดแล้ว การที่จะทำเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่โอกาสตั้งท้องในมิติดวงจันทร์แห่งนี้สูงมาก ถ้าพวกเขาแต่งงานกันและมีลูกก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร จ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมยถือว่าเป็นสาววัยแรกรุ่น การแต่งงานยังเร็วเกินไปสำหรับพวกเธอ นี่ไม่ต้องนับการมีลูกเลย
หวังเย่าส่ายหน้าแต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังฟ่านฉิงเหมยและจ้าวเมิ่งซี ก่อนจะพบว่าหน้าของพวกเธอก็แดงก่ำเช่นกัน พวกเธอเองก็อยากแสดงความรักออกมาแต่ก็ทำไม่ได้เพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย
“ไปกันเถอะ” หวังเย่าไปรวมตัวกับทุกคนก่อนจะเดินเข้าไปในทางออก
6 วันต่อมาทุกคนก็กลับมาที่เมืองหัวเซี่ย เมื่อเข้ามาในประตูทิศใต้และผ่านการตรวจสอบ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่ที่พักของตนเองทันที
หวังเย่าได้แยกกับพวกนั้นไปพร้อมกับแฟนของเขา และเลือกไปพักที่โรงแรม 5 ดาวใกล้ ๆ เขตมังกร อย่างไรก็ตามหวังเย่าก็ไม่ได้หน้าหนานัก สุดท้ายเขาจึงเลือกที่จะเช่าห้องแยกให้กับทุกคน
วันต่อมา จ้าวเมิ่งซีก็ได้รับการติดต่อจากหยางเสี่ยวหยวนเพื่อให้มาดูเรื่องการตกแต่งบ้าน
1 เดือนก่อน หวังเย่าได้ซื้อวิลล่าในเขตมังกรไปแล้วโดยให้หยางเสี่ยวหยวนเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้
ก่อนที่จะไปยังมิติดวงจันทร์ เธอได้ทำข้อตกลงกับทีมตกแต่งว่าจะทำการตกแต่งบ้านใหม่ ตอนนี้ผ่านมากว่า 1 เดือนแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องไปดูความก้าวหน้า
ของใช้ต่าง ๆ ของจ้าวเมิ่งซีและหวังเย่าถูกเก็บไว้ในกระเป๋ามิติ ก่อนที่บ้านใหม่จะทำการตกแต่งเสร็จ ทั้งสองจึงได้แต่ต้องพักอยู่ที่โรงแรมไปก่อน
หลังจากที่มาถึงวิลล่า จ้าวเมิ่งซีก็เข้าไปตรวจดูการตกแต่งบ้านและรู้ถึงความก้าวหน้า เงินนั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร ดังนั้นเรื่องการตกแต่งจึงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว แต่เป็นเพราะกลิ่นของสีเคลือบเงาเฟอนิเจอร์บางอย่างมันรุนแรงจึงทำให้พวกเขาต้องรอไปอีก 1 เดือน ก่อนจะเข้ามาอยู่ได้
หลังจากสำรวจดูความเรียบร้อยของบ้านถึงบ่ายแล้ว จ้าวเมิ่งซีก็ได้ออกไปกินข้าวกับหยางเสี่ยวหยวน เธอเข้าใจสถานการณ์ของบริษัท เมื่อเห็นว่าหยางเสี่ยวหยวนเอาเอกสารสรุปผลติดตัวกลับมาด้วย จ้าวเมิ่งซีจึงให้เธอกลับไปที่บริษัท ส่วนจ้าวเมิ่งซีนั้นกลับไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัย เพราะมันเปิดเรียนมา 2-3 วันแล้ว แต่เธอกลับกำลังออกมาจากมิติดวงจันทร์
แม้ว่าการมาเรียนจะไม่ได้ต่างอะไรจากการไม่มาเรียน แต่เธอไม่ได้รีบเรียนจบแบบหวังเย่า ชีวิตมหาวิทยาลัยนั้นค่อนข้างสนุก เธอไม่อยากเสียช่วงเวลานี้ไป เพราะเธอยังอยากสัมผัสถึงชีวิตในมหาวิทยาลัย การมีเพื่อนฝูงและการเที่ยวเล่นอยู่
…
ฟ่านฉิงเหมยตื่นขึ้นมาและเห็นโน้ตที่จ้าวเมิ่งซีทิ้งเอาไว้ เมื่อวานเธอกับจ้าวเมิ่งซีได้พูดคุยกัน ทั้งสองยอมรับกันมากขึ้น เพียงแต่ว่าผู้หญิงสองคนจะแต่งงานกับผู้ชายคนเดียวกันนั้นมันยังเป็นเรื่องยาก เรื่องแบบนี้ไม่สามารถทำกันอย่างโจ่งแจ้งได้ พวกเธอจึงเลือกไม่พูดถึงมัน
“เธอคงไม่ได้เอาอาหารเช้ามาให้ฉันหรอกนะ” ฟ่านฉิงเหมยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นที่หน้าประตู
“ฉิงเหมย ฉันเอง” คนที่อยู่หน้าประตูก็คือหวังเย่า เขาดูกระปรี้กระเปร่าราวกับพักผ่อนมาอย่างเต็มอิ่ม
“แล้วเมิ่งเอ๋อร์อยู่ไหน ? ” หวังเย่าถามขึ้นมาเมื่อเข้ามาในห้อง
“เธอออกไปนานแล้ว ยังไม่กลับมาเลย ” ฟ่านฉิงเหมยหดตัวอยู่บนเตียงด้วยความกังวล ใบหน้าของเธอแดงขึ้นมานิด ๆ
หวังเย่าพยักหน้าและเดินเข้าไปหาเธอที่เตียงก่อนจะมองไปที่หน้าเธอ
“นายมองอะไร ? ” ฟ่านฉิงเหมยเห็นว่าเขาจ้องเธอจึงได้ถามขึ้นมา แก้มของเธอเริ่มแดงขึ้นมาเรื่อย ๆ
หวังเย่ายิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ท้องน้อยของเขาเริ่มร้อนผ่าว เมื่อคืนเขาพักผ่อนมาอย่างเต็มอิ่ม เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าน้องชายของเขาผงาดขึ้นมาแข็งอย่างกับหิน เขาเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ยิ่งเห็นสาวสวยตรงหน้า ใครกันจะอดใจได้ไหว
แต่เขาไม่ได้รีบนัก เขาค่อย ๆ วางมือลงไปบนเตียงก่อนจะลูบไล้ตามเนื้อตัวเธอให้เธอรับรู้ได้ถึงความร้อนจากฝ่ามือเขา
ร่างของฟ่านฉิงเหมยสั่นไหว หวังเย่ารับรู้ได้ว่าตัวของเธอนั้นสั่นเทาเล็กน้อย เขาจึงยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
หลังจากนั้นสักพัก หวังเย่าก็ถอดรองเท้าและเสื้อผ้าออกก่อนจะนอนลงไปบนเตียง เขาอยากมุดเข้าไปในผ้าห่มและให้ฟ่านฉิงเหมยรับรู้ถึงความต้องการของเขา แต่ฟ่านฉิงเหมยกับพันผ้าห่มเอาไว้แน่นไม่ยอมให้เขาเข้ามาในผ้าห่มได้
“ฉิงเหมย เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ ฉันแค่อยากกอดเธอเฉย ๆ ” หวังเย่าพูดขึ้นมา
ฟ่านฉิงเหมยไม่ได้ตอบอะไรกลับแต่ก็ไม่ได้ทำตามที่เขาบอก
หวังเย่ายังพูดต่อ “ เธอดูนี่สิ ฟันฉันหายไปจริง ๆ นะ”
“ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าฟันของนายจะหายไปจริง ๆ ”
หวังเย่าหมดหนทางจนได้แต่ต้องยัดตัวเองเข้าไปในผ้าห่มจนฟ่านฉิงเหมยรับรู้ได้ถึงความร้อนจากร่างกายเขา
ตอนแรกเธอคิดว่าเธอเป็นของหวังเย่า เธอจะทำตามที่เขาต้องการ แต่เมื่อจ้าวเมิ่งซียังรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้ หากเธอเอาเปรียบจ้าวเมิ่งซีและนอนกับหวังเย่าอีกครั้ง งั้นจ้าวเมิ่งซีจะคิดยังไง ?
เธอไม่อาจจะตัดสินใจได้ แต่เมื่อหวังเย่าเข้ามาใกล้เธอขนาดนี้รวมถึงน้องชายของเขาที่ผงาดชูคอเช่นนี้ หากไม่จัดการกับมัน งั้นเขาก็คงทนไม่ไหวแน่
เมื่อคิดแบบนั้นเธอก็หาทางประนีประนอม เธอหน้าแดงขึ้นมา นี่เธอต้องทำจริง ๆ งั้นหรือ ?
งั้นก็ต้องลองดู
เธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมุดหน้าลงไปในผ้าห่มแล้วพูดขึ้น “ หวังเย่า นายอย่าขยับ ฉันจะช่วยนายเอง”
หลังจากที่พูดจบเธอก็ยื่นมือลงไปปลดกางเกงของเขาออกแล้วจับน้องชายของเขา ใจของเธอเต้นรัวขึ้นมาเรื่อย ๆ พร้อมกับคิดว่าปากเธอจะใส่ไอ้นี่เข้าไปได้ยังไง
หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักเธอก็ก้มหน้าลง ก่อนจะใช้ปากของเธอกับไอ้นั่น มันแทบจะเต็มปากของเธอจนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดนิด ๆ