ตอนที่ 243 : ผู้บ่มเพาะปรากฏตัว
นอกจากจะกลับมาฉลองวันชาติแล้ว ยังรวมไปถึงทำให้กลุ่มทหารรับจ้างโลกาขึ้นมาเป็นระดับ 2 ก่อนวันชาติให้ได้
การเดินทางกลับมาในครั้งนี้ก็เพื่อตรวจสอบผลลัพธ์
แต่ตอนที่เขาเดินมาถึงชานเมือง เขาก็พบว่ามีคนอยู่ในป่ามากกว่าเดิม
“ฉิงเหมย ทำไมถึงมีคนเยอะแยะแบบนี้ พวกนี้มาเพื่อการประมูลงั้นหรือ ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“ น่าจะ ยังไงซะการประมูลครั้งนี้ก็เป็นการประมูลระดับชาติ คนจากเมืองทั้ง 36 เมืองก็คงจะเดินทางกันมา ” ฟ่านฉิงเหมยเองก็แปลกใจ เพราะเธอยังเห็นคนพิเศษบางคนอยู่ด้วย พวกนั้นแต่งตัวดูโดดเด่นกันมาก
ไม่ใช่ว่าคนพวกนั้นสวมชุดหรูหราอลังการณ์ พวกเขากลับสวมชุดธรรมดา ๆ เพียงแต่ค่อนข้างที่จะหายาก
หวังเย่าเห็นแมลงปอหลากสีขนาดใหญ่ร่อนลงมาจากท้องฟ้า เมื่อใกล้ถึงเมืองมันก็ลงจอดทันที แมลงปอตัวยาวกว่า 20 เมตร เมื่อหวังเย่าตรวจสอบมันดูก็พบว่ามันคือสัตว์อสูรเลเวล 70 ที่เรียกว่าแมลงปอนภาคราม
บนหลังของมันมีพระนั่งอยู่ ที่หัวพวกเขามีหมายเลขเขียนเอาไว้ ชายที่อยู่ด้านหน้าสุดนั้นดูดีและสวมลูกประคำสีขาวไว้ที่คอ
ถัดไปก็มีพระอีก 7-8 รูป แต่ละคนมีมือและเท้าที่ยาว พวกนั้นนั่งขัดสมาธิหลังตรง
หวังเย่ารู้สึกแปลกใจ พระพวกนี้มาจากไหนกัน มันยังมีวัดในโลกนี้อยู่อีกหรือ ?
เมื่อลองคิดดูดี ๆ แล้ว เขาก็ยังไม่ได้คำตอบ เขาตัดสินใจว่าเมื่อกลับไปที่เมืองจะถามว่าเรื่องมันเป็นยังไง
เขาหันกลับไปมองอีกทาง หากเขามองไม่ผิดอีกฝ่ายคงจะเป็นกลุ่มลัทธิเต๋า พวกเขามีกันประมาณ 10 คนพวกเขาสวมชุดสีขาวดำพร้อมกับมีดาบยาว แต่ละคนขี่นกมา นกแต่ละตัวคือกระเรียนหิมะเลเวล 75 มีไม่กี่คนที่ขี่หงส์หิมะมาแต่ก็ถือว่าดูดี
“แม้แต่พระกับนักพรตก็มา” หวังเย่ารู้สึกว่าการประมูลครั้งนี้แม้แต่ผู้บ่มเพาะที่ซ่อนตัวอยู่ก็ยังเข้าร่วมการประมูล มันคิดภาพออกได้ว่าคนใหญ่โตจะเข้าร่วมการประมูลนี้มากแค่ไหน
หวังเย่ายังหาสัตว์อสูรบินได้ที่เหมาะกับเขาไม่เจอ การเดินทางกลับเมืองครั้งนี้เขาจึงใช้เฮลิคอปเตอร์ ด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นมา เขาก็ไม่ต้องกลัวพวกนกอสูรอีกต่อไป แต่หากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องบินสูงจนเกินไป
เมื่อลงจอดที่หน้าประตูเมืองและลงจากเครื่องพร้อมกับเก็บเครื่องใส่ในกระเป๋ามิติ หวังเย่าก็เดินไปต่อแถวเพื่อที่จะเข้าเมือง
การประมูลนี้จัดขึ้นในวันที่ 10 ตุลาคมแต่วันนี้ยังเป็นวันที่ 30 กันยายนอยู่เลย ก็มีผู้คนมากมายแห่กันมาล่วงหน้า พวกเขามาฉลองวันชาติกันรึไง ?
วันชาติคือวันแห่งการเฉลิมฉลอง ซึ่งไม่ใช่แค่เมืองหัวเซี่ยเท่านั้นที่ฉลอง เมืองอื่น ๆ เองก็จัดงานฉลองเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องถ่อมาถึงเมืองหัวเซี่ยเพื่อทำการฉลองในวันชาติ
แล้ววันชาติเกี่ยวข้องอะไรกับยอดฝีมือพวกนี้ ?
นี่คืองานฉลองของพลเมืองเพื่อเพิ่มความรักแก่ประเทศชาติ เพิ่มกำลังใจและลบความกลัวของผู้คนในการใช้ชีวิต ทำให้พวกเขามองเห็นความหวังของอนาคต
ในตอนที่ต่อคิวนั้นหวังเย่าก็มองไปรอบ ๆ ก่อนจะพบว่าคนของเมืองแต่ละเมืองนั้นมักจะมีไกด์คอยดูแล แต่พวกพระและนักพรตลัทธิเต๋านั้นกลับไม่มี
ดังนั้นที่ประตูเมืองในวันนี้จึงดูคึกคักอย่างมาก แม้แต่ฝ่ายดูแลเมืองก็ยังส่งคนมาต้อนรับทุกคน
“ทำไมพระกับนักพรตพวกนี้ถึงไม่ยอมทิ้งลัทธิของตัวเองหลังจากที่โลกเปลี่ยนแปลงไป พวกเขาไม่คิดจะเข้าไปในเมืองแต่กลับจะอยู่นอกเมืองเพื่อทำการฝึกฝนต่อ ? ”
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะคาดเดา คนสองกลุ่มนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก แต่อย่างน้อยก็ถือว่ามีฝีมืออยู่บ้าง
ต่อแถวได้ไม่นานก็ถึงตาของหวังเย่า เขาเดินเข้ารับการตรวจสอบผ่านทางสายรัดข้อมือ
เมื่อเข้ามาในเมือง หวังเย่าก็พบว่าพื้นที่ว่างตรงหน้าตอนนี้เต็มไปด้วยพาหนะ มันมีรถพร้อมคนขับจอดเรียงรายราวกับหาลูกค้ากันอยู่
เขาสับสนมากกว่าเดิม เขาอดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกเมือง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบกับกลุ่มคนแปลก ๆ ที่สวมหมวกประหลาดรวมถึงใส่เขาสัตว์บนหัว สายตาของพวกเขาดูดุดัน ที่เอวก็ยังมีมีดเหน็บไว้ด้วย
“ดูเหมือนว่าการประมูลครั้งนี้คงจะดึงดูดพวกเสือสิงห์กระทิงแรดทั้งหมด” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แม้แต่คนแปลก ๆ ก็ยังโผล่มาที่นี่ คงไม่ใช่ว่าพวกต่างชาติจะมาด้วยหรอกหรือ ?
ไม่กี่วันก่อนคนญี่ปุ่นส่วนหนึ่งได้หนีมาที่หัวเซี่ย มีทั้งพวกนินจา, นิกายบางแห่งรวมไปถึงพวกตระกูลเก่าแก่อีกด้วย
หวังเย่าไม่เข้าใจ ภายใต้เงื่อนไขการใช้พลังของสัตว์อสูรคู่สัญญา พลังของซามูไร, นินจาและอื่น ๆ จะมีประโยชน์อะไร
ก่อนที่เขาจะเข้าใจมันจริง ๆ เขาก็ไม่กล้าดูถูกเรื่องเหล่านี้ ยังไงซะคนพวกนี้ก็มีตัวตนอยู่จริง บางทีรูปแบบการต่อสู้ของพวกนี้อาจจะผิดกับที่เขาคิดเอาไว้ แม้ว่าวิธีการฝึกฝนนั้นจะไม่เหมาะสม แต่การที่ยังคงอยู่มาจากอดีตจนถึงปัจจุบันได้นั้นก็ต้องได้รับการปรับปรุงและยกระดับขึ้นมาแล้ว
หวังเย่าไม่เข้าใจการฝึกฝนของ คนต่างชาติพวกนี้ แต่เขาเข้าใจว่าอีกฝ่ายน่ะเก่งในเรื่องการทำความเข้าใจโลกและความลึกลับ
“ไปกันเถอะ”
หวังเย่าและฟ่านฉิงเหมยมองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัยโดยที่ไม่ได้คิดจะพูดคุยกับใคร พวกเขาแค่มองดูฉากรอบตัวด้วยความสับสน
จากนั้นทั้งสองก็ได้ขับรถออกไป พวกเขาเดินทางไปยังเขตที่พักที่อยู่ไม่ไกลนัก เมื่อลงมาจากรถ พวกเขาก็ได้ขึ้นไปยังสำนักงานของกลุ่มทหารทันที
ทันทีที่หวังเย่าปรากฏตัวขึ้น เขาก็พบว่ามีหลายคนอยู่ด้านใน หลังจากที่เห็นเขาเดินเข้ามา ทุกคนต่างก็พากันลุกขึ้นพร้อมกับใช้มีดชี้มาที่เขา
“หยุด หลีกทางให้ฉันที” ลัวจ้าวฮว่าตะโกนขึ้นมาจากด้านหลังพร้อมกับเดินฝ่าทุกคนมา “ พวกนายทำอะไร ที่นี่ไม่ใช่ป่า นี่มันในเมือง ไม่ต้องกังวลมากนัก พวกนายดูดี ๆ นี่คือหัวหน้าของเรา หัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างโลกา”
พวกเขามองหน้ากันก่อนจะลดอาวุธลงแล้วเงยหน้ามองหวังเย่าด้วยความกังวล
“คนอื่นล่ะ ? ” หวังเย่าถามขึ้นมา
“หัวหน้า พวกนั้นออกไปซื้ออาหาร พรุ่งนี้เป็นวันชาติ อีกทั้งกลุ่มทหารของพวกเราเพิ่งจะเลื่อนระดับและรับสมาชิกใหม่มา เราจึงอยากจะใช้โอกาสนี้ฉลองกัน” ลัวจ้าวฮว่าพูดขึ้นมา
หวังเย่าเองก็เห็นด้วย นี่ถือว่าเป็นโอกาสดีในการเลี้ยงฉลอง พรุ่งนี้เป็นวันชาติอีกทั้งยังเป็นการต้อนรับสมาชิกใหม่ด้วย
“พวกนายถูกรับเข้ามาใหม่งั้นหรือ ? ” หวังเย่าเห็นว่ามีกว่า 60-70 คนที่เขาไม่คุ้นหน้า กลุ่มทหารรับจ้างระดับ 2 นั้นรับคนได้อย่างมาก 100 คน
“ใช่ หัวหน้า พวกเราเพิ่งเข้ามาได้ 2 วัน ” เด็กหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นยืนและตอบกลับ ใบหน้าเหลี่ยมเช่นนี้ มันคงยากที่คนจะมองข้ามเขาได้
“นายชื่ออะไร ? ความแข็งแกร่งอยู่ระดับไหน ? ” หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา
“อันตงจ๋า ระดับ B” ชายหนุ่มตอบกลับทันที