ตอนที่ 265 : การต่อสู้ดำเนินต่อไป
ทุกคนต่างก็เงียบไป การถ่ายทอดสดแมวไล่จับหนูยังคงดำเนิดต่อไปอีก 10 นาทีจนคนดูก็ทนไม่ไหวก่อนจะส่งเสียงโห่ออกมา
“เสร็จเมื่อไหร่บอกแล้วกัน ฉันขอนอนก่อน” บางคนก็เริ่มเบื่อและเอาโทรศัพท์ออกมาเล่น
“นี่ใช่การต่อสู้จริง ๆ รึเปล่า ฉันเล่นกับพวกเธอยังสนุกกว่าอีก” หวังเย่าหยอกจ้าวเมิ่งซีและฟ่านฉิงเหมย
“รีบบอกให้พวกนั้นจบการต่อสู้สักที มันยังมีการต่อสู้อีกทั้งหลายคู่”
“ผู้อาวุโส รีบไปจัดการได้แล้ว”
ถ้าไม่ใช่เพราะชายแก่ดูแลการวิ่งไล่จับนี้อยู่ งั้นหวังเย่าคงขึ้นไปจัดการสองคนนั้นแล้ว พวกเขาดูการต่อสู้ของคู่นี้มากว่า 20 นาทีแล้ว
หวังเย่าอดไม่ได้ที่จะบ่นให้กับชายแก่ ชายแก่คนนี้ช่างเฉยเมยต่อทุกสิ่ง
แน่นอนว่าชายแก่คนนั้นคงไม่ได้ยินที่หวังเย่าพูดออกมา เขายังคงแสดงสีหน้าเฉยเมยอยู่
“เฮ้อ สุดท้ายก็ไม่มีหวัง..”
แขกพิเศษต่าง ๆ พากันเงียบ บางคนมองไปยังผู้อาวุโสของสำนักสองคนนั้นจนทำให้ผู้อาวุโสพวกนั้นรู้สึกอับอายขึ้นมา
ไม่คิดเลยว่าสองคนนี้จะมาเล่นวิ่งไล่จับกันแบบนี้
“เรียกเด็กของพวกนายกลับมาได้แล้ว สองคนนี้เล่นบ้าอะไรกัน ? ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา
แม้ว่าหลี่ฟางและหลิวหมิงจะไม่ได้คิดแบบนั้นแต่ในสายตาคนนอกแล้วพวกเขาเหมือนเล่นแมวไล่จับหนูกันอยู่จริง ๆ ถ้าพวกนั้นรู้ความคิดคนอื่น ๆ พวกนั้นคงตะโกนออกมาว่า “แล้วจะให้เราทำยังไง พวกเราน่ะทำอะไรกันไม่ได้ เพื่อจะชนะการต่อสู้นี้ เราต้องทำทุกวิถีทางไม่ใช่หรือ”
แม้แต่เฉี่ยนเจินเฉียนและผู้ตรวจสอบ 4 ดาวคนอื่น ๆ ก็ได้แต่หัวเราะแห้ง ๆ ออกมา
ฟางฉิงหัวเองก็เหมือนกัน
แต่เมื่อมองไปยังชายแก่ที่ดูแลการต่อสู้อยู่ ในเมื่อเขายังไม่ได้พูดอะไรออกมา คนอื่น ๆ ก็ได้แต่ต้องอดทนและดูการวิ่งไล่จับนี้ต่อ
ผ่านไปอีก 10 นาที ในที่สุดการต่อสู้ก็มาถึงจุดจบ ไม่งั้นแล้ว คนดูคงทนต่อไปไม่ไหวแน่เพราะนี่เป็นการต่อสู้ที่น่าเบื่อ พวกเขาอยากเห็นการประลองทักษะการต่อสู้ที่ถึงน้ำถึงเนื้อ มันควรจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
กลับกันแล้วพวกเขาได้มาดูการวิ่งไล่จับกัน คนส่วนใหญ่นั้นคิดว่ามันเป็นการแสดงไม่ใช่การต่อสู้แล้ว
แม้แต่ผู้ดูแลการถ่ายทอดสดก็ยังทนดูไม่ไหว
ตอนนี้เมื่อการต่อสู้เกือบจะจบลง ทุกคนก็พากันโล่งอกกันขึ้นมา
นี่เป็นครั้งแรกที่ดูการต่อสู้แล้วเหนื่อยแทนคนดู ที่ต้องมานั่งดูอะไรแบบนี้
“ถ้ามีการต่อสู้แบบสองคนนี้อีก ฉันคงไม่เสียเวลาดู” บางคนอดบ่นออกมาไม่ได้
หลี่ฟางและหลิวหมิงนั้นไม่มีฝ่ายไหนชนะ ทั้งสองนอนราบอยู่บนเวทีและหอบหายใจ ตัวของพวกเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ
เพราะทั้งสองวิ่งไล่กันมา 30 นาทีจนหมดแรงแล้ว ตอนนี้พวกเขาไม่ต่างจากหมูใกล้ตายเลย พวกเขาไม่สามารถขยับตัวได้อีกแล้ว
“นะ…นาย…ยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ ? ”
“นายคิดว่า…ฉันจะยอมแพ้รึไง…”
“แต่…นายไม่มีแรงแล้ว…ไม่ใช่รึไง”
“โอ้ …ก็ได้ งั้นฉันจะไล่จับนายเอง…รออีกสักหน่อย…”
“ได้ ฉันจะรออยู่นี่….มาสิ”
“ ….”
“…”
ทั้งสองคนแทบไม่มีแรงจะขยับปากแล้วแต่ก็ไม่มีใครคิดจะยอมแพ้ มันทำให้คนอื่น ๆ ต่างก็พูดไม่ออก
ตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว แต่ยังไม่มีใครคิดจะยอมแพ้อีกรึ ?
“พวกนายหมดแรงแล้วไม่ใช่รึไง ใครก็ได้รีบยอมแพ้ทีเถอะ ถึงพวกนายสองคนจะตกรอบก็ไม่เป็นไร แค่ไม่ทำให้เราเสียเวลา เราก็พอใจแล้ว” นี่คือความคิดของคนดูส่วนมาก
ตอนนั้นเองชายแก่ก็ได้ขึ้นไปบนเวทีและยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งสองคน
“ถึงจะไม่อยากพูดแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายแก่คนนี้เป็นคนทำให้เราต้องดูการต่อสู้ที่น่าเบื่อนี่” หวังเย่ารู้สึกว่าวันนี้เขาเป็นผู้ชมที่แย่ ด้วยการที่เป็นผู้ชมจึงทำให้เขาอดคิดแบบนี้ไม่ได้
เมื่อชายแก่มายืนอยู่ตรงหน้าเด็กทั้งสองคน เขาก็ได้ตบมือและพูดขึ้น “ดูพวกนายสิ พวกนายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องสู้กันยังไง บอกมาใครจะยอมแพ้ ? ”
“ผมยังไหว !”
“ผมก็ยังไหว !”
เมื่อได้ยินคำถามของชายแก่ หลี่ฟางและหลิวหมิงก็ได้ตะโกนออกมา
“ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ข้อสรุปแต่ยังไงซะก็ต้องมีผลลัพธ์ของการแข่งนี้” ชายแก่มองไปที่ทั้งสองและพูดขึ้น
ทั้งสองคนต่างก็แสดงท่าทีไม่ยอมแพ้ออกมา
ทุกคนต่างก็แปลกใจกับสองคนนี้และพากันตะโกนความคิดเห็นของตัวเองออกมา
“ให้ผ่านทั้งสองคนหรือไม่ก็ตกรอบทั้งสองคนเลย”
“ใช่ ใช่ เอาแบบนั้นแหละ”
“ถ้าพวกเขายังสู้กันต่อ มันก็ไม่ใช่การต่อสู้หรอก”
เมื่อมีคนพูดขึ้นก็มีคนออกความเห็นตาม สุดท้ายแทบทุกคนก็ได้รับข้อสรุปเดียวกัน
พวกเขาไม่อยากดูการต่อสู้ที่น่าเบื่อแบบนี้อีก
แค่การต่อสู้รอบแรกก็ทำให้พวกเขาเบื่อกันแทบตายแล้ว หากต้องสู้กันอีกพวกเขาเดาได้ว่าไม่ใช่สองคนนี้หรอกที่จะบ้า พวกเขานี่แหละที่จะบ้าไปก่อน
ดังนั้นทุกคนจึงเสนอว่าให้ทั้งสองคนตกรอบไป พวกเขาไม่อยากดูสองคนนี้สู้กันอีก
“ฉันจะตัดสินอย่างยุติธรรมก็แล้วกัน ในเมื่อพวกนายไม่อาจจะสู้ต่อได้และไม่อาจจะตัดสินผู้แพ้ชนะได้ งั้นฉันก็จะให้โอกาสพวกนายทั้งสองคนผ่านเข้ารอบต่อไป” ชายแก่พูดขึ้น
ทันทีที่ชายแก่พูดจบ บนจอภาพก็มีชื่อของทั้งสองคนที่ผ่านเข้ารอบต่อไปได้
“หลี่ฟาง”
“หลิวหมิง”