ตอนที่ 55 : ไร้ยางอาย
ครูประจำชั้นอึ้ง นิ่งงันจนพูดอะไรไม่ออก เขานิ่งไปสักพักกว่าจะได้สติกลับมา นี่มันผ่านไปแค่ไม่กี่วัน แต่แมวของหวังเย่ากลับทะลวงผ่านได้ง่ายดายราวกับดื่มน้ำอย่างงั้นหรือ
“หวังเย่า นายแน่ใจว่าจะทำแบบนี้หรือ ? ” ครูประจำชั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะมองไปที่หวังเย่า
“แน่นอน พวกเราไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว เมื่อพูดไปแล้วเราก็ต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง เหลิ่งจื่อมู่กับจ้าวซื่อเองก็มีฐานะ แม้ผมจะไม่คิดเอาเรื่อง แต่พวกนี้ก็ไม่เห็นค่าในสิ่งที่ผมทำ นอกจากนี้ถ้าผมแพ้ ครูคิดว่าพวกนี้จะปล่อยผมรึเปล่า ผมคิดว่าไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่” หวังเย่าพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เหลิ่งจื่อมู่และจ้าวซื่อก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้ มันก็จริงอย่างที่หวังเย่าบอกมา มันไม่มีโอกาสที่ทั้งสองจะยอมให้หวังเย่าอย่างแน่นอน
ครูประจำชั้นพยักหน้าและมองไปที่เหลิ่งจื่อมู่กับจ้าวซื่อ ก่อนจะพูดขึ้น “พวกนายว่ายังไง ? ”
เรื่องนี้มาถึงจุดที่ต้องตัดสินกันแล้ว แม้ว่าทั้งสองคนจะไม่เต็มใจ แม้ว่าในใจจะมีความคิดมากมาย แต่ต่อหน้าความจริงตอนนี้แล้ว พวกเขาก็ได้แต่ต้องยอมรับมันกับมัน
“ครู มันก็พูดไม่ผิดหรอก แต่ว่าหวังเย่าแกอย่าได้ใจไปนัก ฉันมีเป็นร้อยวิธีที่จะฆ่าแก ฉันจะปล่อยให้แกตายใจไปก่อน” เหลิ่งจื่อมู่ขู่ขึ้นมา
ครูประจำชั้นสีหน้าบิดเบี้ยวไป เขาอยากจะพูดบางอย่างแต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้และได้แต่เงียบไป
จ้าวเมิ่งซียักคิ้วและอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “เหลิ่งจื่อมู่ ฉันรู้สึกว่านายพูดเลอะเทอะไปนะ”
“เธอยังคิดจะปกป้องมันอีกหรือ ? มันมีอะไรดีนักหนา เธอน่ะแต่งงานกับฉันยังดีกว่าแต่งกับมันเป็นร้อยเป็นพันเท่า“ เหลิ่งจื่อมู่ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้
“ เหอะ ฉันว่านายน่ะดูเป็นคนไร้สมอง นายจะมีอะไรดี ? ถึงฉันจะแต่งงานกับหมู แต่ก็ดีกว่าแต่งกับนายเป็นหมื่นเท่า” จ้าวเมิ่งซี พูดเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
เป็นเพราะว่าเธอโกรธจริง ๆ
สุดท้ายเหลิ่งจื่อมู่ก็ทำให้เธอได้เห็นว่าเขาเป็นแค่คนหลงตัวเอง ถึงพอจะมีหน้าตาในสังคมแต่ตัวตนที่แท้จริงนั้นกลับต่ำตม
“จ้าวเมิ่งซี เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ สามคนนี้ตกลงกันเอง ฉันถือว่าเป็นคนกลางที่คอยจัดการเรื่องนี้ให้ เธอต้องเชื่อใจครู” ครูประจำชั้นโบกมือและมองไปที่จ้าวซื่อ “นายว่ายังไง ? ”
จ้าวซื่อกัดฟันแน่น แม้ว่าบ้านของเขาจะมีอำนาจแต่ยังไงซะก็ยังด้อยกว่าบ้านของเหลิ่งจื่อมู่ เหลิ่งจื่อมู่น่ะจ่ายเงิน 5 ล้านเครดิตได้ง่าย ๆ แต่เขาน่ะแม้แต่ล้านเดียวก็ยังหาได้ยาก
ยังไงซะตระกูลเหลิ่งก็เหนือกว่าตระกูลจ้าว แม้ว่าจะมีสมบัติมากมายแต่ก็เพิ่งมีอำนาจไม่นาน พวกเขามีพี่น้องกันสามคน และยังต้องแย่งชิงมรดกกันอีก ถึงแม้ว่าจะพอมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่มันก็มีไม่ถึง 1 ล้านเครดิต
แต่เขาแพ้พนัน เขาต้องจ่ายให้กับหวังเย่า 4 ล้านเครดิต ต่อให้ขายตัวเอง แต่ก็ไม่อาจจะแลกกับเงินมากแบบนั้นได้
มันคงไม่เข้าท่าถ้าพูดเรื่องนี้กับครอบครัว ถ้าพูดไป มันไม่ใช่ว่าจะไม่ได้เงิน แต่นั้นจะทำให้คุณสมบัติของเขาในฐานะผู้สืบทอดตกต่ำลงไปอีก
เขาไม่อาจจะยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ เขาไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน บางทีหวังเย่าอาจจะไม่ยอมยกหนี้ให้กับเขา
สุดท้ายจ้าวซื่อก็พูดขึ้น “ ผมแพ้พนัน ผมไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนี้แต่ผมไม่อาจจะจ่ายเงินจำนวนมากแบบนี้ได้ ผมจ่ายได้แค่ 1 ล้านเครดิต”
“หวังเย่า ถ้านายยืนยันว่าจะเอาเงินเต็มจำนวน งั้นนายก็ไปฟ้องศาล ยังไงซะเราก็รับปากกันแค่คำพูด โอกาสชนะของนายมีไม่ถึง 10% อีกอย่างตระกูลจ้าวก็มีอำนาจมาหลายปี เรายังรู้จักคนในศาลอีกด้วย”
คำพูดนี้ทำให้คนอื่น ๆ พากันฮือฮากันขึ้นมา พวกเขาไม่คิดว่าจ้าวซื่อจะพูดแบบนี้ออกมา เขาช่างไร้ยางอายจริง ๆ
แต่ใครจะทำอะไรได้ถ้าเขาจะพูดแบบนี้ออกไป ?
หวังเย่าคงหมดหนทาง ยังไงซะมันก็ไม่มีสัญญาตั้งแต่แรก ดูเหมือนว่าหวังเย่าได้แต่ต้องทำตามที่อีกฝ่ายบอก
หวังเย่าครุ่นคิดตามคำพูดของจ้าวซื่อ อยู่ ๆ เขาก็ได้สติขึ้นมา การตกลงทางวาจานั้นอาจจะถือว่าเป็นสัญญาไม่ได้
เขาไม่อาจจะทำอะไรอีกฝ่ายได้ !
นับว่าครั้งนี้เขาได้บทเรียนมาแล้ว
“ไม่เอาน่า ได้ 1 ล้านเครดิตก็ถือว่าดีแล้ว ถ้าแกยังดื้อด้าน แกอาจจะต้องตาย”
หวังเย่าครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าและพูดขึ้น “จ้าวซื่อ ฉันเห็นว่าเราเรียนอยู่ชั้นเดียวกัน ฉันจะไม่ทำให้แกอับอาย ครั้งนี้ฉันจะยอมแก ตราบใดที่แกจ่ายให้ฉัน 1 ล้านเครดิตและค่าจัดการของครู 1 แสนเครดิต ฉันว่ามันคงไม่มากเกินไปหรอกนะ ?”
จ้าวซื่อพยักหน้าด้วยท่าทีไม่พอใจ “ ก็ได้ ฉันจะจ่าย 1 ล้านเครดิตให้แกและให้ครูอีก 1 แสนเครดิต “
ครูประจำชั้นขัดขึ้นมาทันที “นายอย่ามองฉันเป็นคนเห็นแต่ได้แบบนั้น เงินของนายน่ะฉันไม่ต้องการหรอก ถ้าฉันรับเงินนี้ไว้ ภาพลักษณ์ของครูที่สร้างมาเป็นสิบปีคงเสียหาย นายคิดจะทำลายภาพลักษณ์ของฉันรึไง ? ”
หวังเย่าชะงักไปเมื่อได้ยินแบบนั้น
ใช่ เขาไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้ การกระทำของเขาอาจจะส่งผลเสียต่อครูได้
เขาจึงได้พูดขึ้น “ ครู ผมคิดน้อยไปเอง ผมไม่คิดให้ดีพอ จ้าวซื่อ 1 แสนเครดิตนั้นเป็นอันยกเลิก “
เมื่อฟังเช่นนั้นจ้าวซื่อดีใจขึ้นมาทันที ในฐานะนักเรียนแล้ว 1 แสนเครดิตนี้ก็ไม่ใช่จำนวนเงินน้อย ๆ การไม่เสียมันไปก็ถือว่าดีที่สุดแล้ว
แต่เมื่อเหลิ่งจื่อมู่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม เขาได้พูดขึ้นมาทันที “ เมื่อจ้าวซื่อจ่ายแค่ 1 ล้านเครดิต ฉันเองก็ควรจะจ่ายแค่ 1 ล้านเครดิตเหมือนกัน ถ้าแกไม่ยอม งั้นก็ไปฟ้องศาลเอา ฉันจะยอมสู้จนถึงที่สุด”
“หัวหน้านี่สุดยอดไปเลย”
“ฮ่าฮ่า หัวหน้านี่เจ้าเล่ห์จริง ๆ ”
“หัวหน้า นี่คุณยังถือว่าใจดีน่ะให้มันตั้ง 1 ล้านเครดิต ถ้าเป็นผม ผมคงไม่ให้มันแม้แต่เครดิตเดียว”
“พวกแกจะไปรู้อะไร หัวหน้าเหลิ่งน่ะเป็นคนแบบไหน ถ้าจ้าวซื่อไม่ใช้ลูกไม้นี้ หัวหน้าคงไม่มีทางทำแบบนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงของตัวเองหรอก การให้มัน 1 ล้านเครดิตก็ถือว่าดีแล้ว”
กลุ่มลูกน้องของเหลิ่งจื่อมู่พากันประจบทันที
หวังเย่ากุมขมับ แม้ว่าจะไม่พอใจแต่ก็ควรจะเอาเงินจากพวกนี้ก่อนแล้วค่อยไปแก้แค้นทีหลัง
“ก็ได้ ฉัน หวังเย่า ใจกว้างพอ ฉันจะเอาเงินจากพวกแกคนละ 1 ล้านเครดิต ในสายตาของฉันแล้ว เงินจำนวนนี้นี้คงไม่มากสำหรับพวกแกนัก ฉันขอบอกว่าความอดทนของฉันมีจำกัด พวกแกต้องโอนเงินมาให้ฉันภายใน 1 อาทิตย์” หวังเย่าแสดงท่าทีหนักแน่นออกมา แม้ว่าท่าทีของเขาจะไม่พอใจแต่ในใจของเขากลับตื่นเต้นอย่างมากที่พวกนี้หลงกลเขา
เหลิ่งจื่อมู่ฮึดฮัดออกมาและไม่ได้เถียงอะไรต่ออีก
Related