ตอนที่ 87 : ออกจากเมืองเพียงลำพัง
การต่อสู้ของเย่ฉิวเกาและฮวงจินเทียนนั้นต้องพิเศษอยู่แล้ว ความแข็งแกร่งของอสูรทั้งสองคนไม่ได้แตกต่างกันมากนัก แต่ร่างกายและทักษะการต่อสู้ของฮวงจินเทียนนั้นเหนือกว่าเย่ฉิวเกาอยู่มาก
10 นาทีต่อมา เย่ฉิวเกาก็พ่ายแพ้ไป เขาแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา
ฟ่านฉิงเหมยมองไปที่อีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร
เย่ฉิวเกาได้แต่สีหน้าหม่นลง
….
การประชุมพยับเมฆสิ้นสุดลงตามกำหนดการ อันดับพยับเมฆได้ถูกประกาศออกมา หวังเย่าอยู่อันดับที่ 95 เขาคือคนที่โดดเด่นที่สุดในการประชุมครั้งนี้
จ้าวเมิ่งซีเองก็โดดเด่นเช่นกัน ความแข็งแกร่งที่เธอมีไม่ได้ก้าวหน้ามากมายแบบหวังเย่า แต่ด้วยความช่วยเหลือจากหวังเย่า โดยตั้งใจรึไม่ตั้งใจก็ตามก็ทำให้เธอก้าวหน้าขึ้นมาไม่ใช่น้อย ตอนนี้เธออยู่อันดับ 666
หยู๋เจิ้งเฟิงเพื่อนร่วมชั้นของหวังเย่านั้น หวังเย่าก็คอยช่วยเหลืออีกฝ่าย ดังนั้นความแข็งแกร่งของหยู๋เจิ้งเฟิงจึงพัฒนาขึ้นมาบ้าง เขาอยู่อันดับที่ 1,300
“เทอมนี้จบแล้ว”
งานประชุมจบลงก็หมายถึงเทอมนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว จี้กวงเฮ่อได้พาเด็กห้อง A กลับไปที่ห้องเพื่อประชุมกันต่อ
การพบปะครั้งนี้กินเวลาไม่นาน หลัก ๆ แล้วก็สรุปสิ่งที่เรียนรู้มาในเทอมนี้,ถามความเห็นของทุกคน, ความก้าวหน้าของทุกคน ซึ่งคนที่โดดเด่นที่สุดในห้องคงจะหนีไม่พ้นหวังเย่า
นอกจากนี้เขาก็ได้เกริ่นถึงสิ่งที่ทุกคนจะได้เรียนรู้ในเทอมหน้า เขาหวังว่าเด็กทุกคนในสาขาตรวจสอบจะเริ่มฝึกทักษะต่อสู้ด้วย
“ฉันรู้ว่าทุกคนหวังจะได้ออกไปนอกเมืองเพื่อต่อสู้และได้สิทธิ์ในการเป็นผู้ตรวจสอบ แต่ตามกฎของมหาวิทยาลัยแล้ว พวกนายจะออกไปนอกเมืองได้ก็ต่อเมื่อจบปีแรกไปแล้ว” จี้กวงเฮ่อประกาศออกมา “พวกนายพยายามฝึกฝนเข้าไว้และเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเอง ฉันจะให้รางวัล 6 คนแรกคนที่ทำได้ดีที่สุดในปีนี้เดินทางออกไปนอกเมืองในช่วงปิดเทอม เพื่อหาประสบการณ์”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันโห่ร้องออกมา หวังเย่าเองก็คาดหวังขึ้นมาเช่นกัน แต่เขาคิดว่าเขาคงไม่พลาดโอกาสแบบนี้อยู่แล้ว
ความสามารถในการต่อสู้ 300 หน่วยก็มีสิทธิ์ออกไปนอกเมืองได้ แต่ความสามารถ 300 หน่วยนี้จะไปได้แค่เขตชานเมือง แต่ตอนนี้เขาน่าจะมีความสามารถ 2,000 หน่วยแล้ว มันเพียงพอที่จะเดินทางไปพื้นที่อื่นต่อได้
ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรอจนถึงปิดเทอมหน้าร้อน ในช่วงปิดเทอมฤดูหนาวนี้ตอนที่ทุกคนกลับบ้านเพื่อฉลองปีใหม่ เขาตัดสินใจที่จะออกทางเดินเพียงลำพัง เขาเชื่อว่าตราบใดที่ไม่โชคร้ายและระวังตัวมากพอ งั้นมันก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
เมื่อการประชุมจบลง ทุกคนก็พากันเก็บของและเพื่อเตรียมเดินทางกลับ
เด็กส่วนมากเลือกที่จะกลับบ้าน ยังไงซะการที่พวกเขาได้เข้ามหาวิทยาลัยหัวเซี่ยได้ก็ทำให้ครอบครัวนั้นภูมิใจ ตระกูลและญาติรวมถึงเพื่อนก็ได้หน้าไปด้วย
“นายมั่นใจหรือว่าจะไม่กลับ ? อันที่จริงนายไปอยู่บ้านฉันตอนปีใหม่ก็ได้ ฉันเองก็อยากให้นายไป พ่อฉันเองก็รู้สึกดีกับนายด้วย” จ้าวเมิ่งซียังไม่ยอมแพ้ที่จะชักชวนหวังเย่า
“ฉันจะใช้โอกาสนี้พัฒนาตัวเอง” หวังเย่าลูบผมเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะจูบเธอแล้วหัวเราะออกมา “เมิ่งเอ๋อร์ ฉันเข้าใจความคิดของเธอ แต่ฉันอยากแข็งแกร่งขึ้นเร็ว ๆ ”
จ้าวเมิ่งซีมองไปที่หวังเย่า ก่อนจะพยักหน้าตกลง
หลังจากที่พาจ้าวเมิ่งซีไปที่สนามบินแล้ว หวังเย่าก็ได้พูดขึ้น “ระหว่างที่เธอไม่อยู่ ฉันจะคิดถึงเธอตลอด”
“หวังเย่า จำไว้ว่าให้โทรหาฉันด้วยถ้านายว่าง”
“ได้”
เมื่อส่งจ้าวเมิ่งซีเสร็จ หวังเย่าก็กลับมาที่โรงแรมเพียงลำพัง หลังจากเตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็ขึ้นรถบัสมุ่งหน้าไปประตูทางเหนือ เพื่อไปยังฝ่ายลงทะเบียน
ถ้าอยากออกจากเมืองเขาก็ต้องไปทดสอบที่ฝ่ายลงทะเบียนก่อน หลังจากที่ผ่านการทดสอบแล้ว เขาถึงจะได้รับใบอนุญาต
ในโลกนี้คนที่มีสัตว์อสูรนั้นถูกเรียกว่าผู้ใช้อสูร แต่ผู้ใช้อสูรส่วนมากมีแค่สัตว์อสูรระดับต่ำ ความแข็งแกร่งนั้นไม่ได้มากมายนัก พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะออกไปนอกเมืองตลอดชีวิต การออกไปข้างนอกก็เท่ากับรนหาที่ตาย
ดังนั้นจึงมีทหารรับจ้างกำเนิดขึ้นมา หลายคนได้จับกลุ่มกันและก่อตั้งกองกำลังขึ้นมา แต่ก็มีคนส่วนหนึ่งที่เลือกจะเดินทางเพียงลำพัง
1 ชั่วโมงต่อมา หวังเย่าก็ได้รับการรับรอง เขาได้กลายเป็นทหารอสูรอย่างเป็นทางการ แต่แค่ระดับ 1 ดาวเท่านั้น
การเพิ่มดาวก็ง่าย ๆ ทุกคนจะเริ่มต้นที่ระดับ 1 ดาว เพื่อเพิ่มดาวแล้วก็ต้องล่าวัตถุดิบจากสัตว์อสูร หรือไม่ก็จ่ายเงินส่วนหนึ่ง
การเลื่อนระดับดาวนั้น นอกจากจะเป็นแรงกดดันแล้ว ในขณะเดียวกันก็จะได้รับสิทธิพิเศษบางอย่าง เช่น ประกาศภารกิจ, จัดตั้งทีมชั่วคราวหรือก่อตั้งกองกำลังทหารรับจ้างได้
หวังเย่าไม่ต้องการของพวกนั้นในตอนนี้ ดังนั้นหลังจากที่ได้ใบรับรอบแล้ว เขาก็ตรงไปที่ประตูก่อนจะจ่ายเงิน 100 เครดิตแล้วออกจากเมืองไป
“นายอยากให้คนไปส่งมั้ย ? ” ทหารที่ดูแลประตูรู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นว่าหวังเย่าไม่มีอะไรติดตัวไปด้วยและดูไม่เหมือนลูกเศรษฐีเลยด้วยซ้ำ
“วันนี้หิมะตกหนัก มันไม่เหมาะที่จะออกจากเมือง ฉันคิดว่าเด็กน้อยแบบนายคงจะออกจากเมืองเป็นครั้งแรก นายคงไม่คิดจะเดินไปหรอกนะ ถ้านายมีเงิน ฉันแนะนำคนที่ไปส่งนายได้ เขามีรถไถหิมะ”
สำหรับคำแนะนำนี้ หวังเย่าแค่ยิ้มให้กับอีกฝ่ายเท่านั้น
“ไม่เป็นไร ผมจะขี่อสูรไป” หวังเย่าเรียกการ์ฟิลด์ออกมา การ์ฟิลด์นั้นตัวยาวกว่า 4 เมตร มันตัวใหญ่อย่างกับเสือ หวังเย่าได้ขึ้นไปบนหลังของการ์ฟิลด์ ก่อนที่การ์ฟิลด์จะวิ่งออกไป
ทหารคนนั้นได้แต่มองดูเขาเดินทางออกไปและพึมพำออกมา “เด็กนี่ไม่เหมือนกับทหารรับจ้างหน้าใหม่ทั่วไป แม้จะเด็กอยู่ แต่ก็ยังยืนกรานว่าจะออกจากเมือง อสูรของเขาก็ดูเหมือนจะไม่ธรรมดา…ฉันหวังว่าเขาจะโชคดี”
การ์ฟิลด์นั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายเช่นนี้ มันเดินทางได้อย่างราบรื่นและเร็วกว่าพาหนะอื่น ๆ
แม้หิมะตกหนักพร้อมกับลมที่พัดแรง แต่หวังเย่าก็ยังมองเห็นด้านหน้าไกลออกไปอย่างชัดเจน
“แม้ว่าสัตว์อสูรจะต้านทานความหนาวเย็นได้ดี แต่ก็มีสัตว์อสูรไม่กี่ชนิดที่กล้าออกมาในสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้”
หวังเย่าใส่ชุดเกาะระดับ B มาด้วย เขาได้เดินทางไปทางเหนือกว่า 30 ไมล์ สุดท้ายเขาก็ได้เจอกับสัตว์อสูรตัวหนึ่ง
มันคือแมงปอน้ำแข็ง มันดูแข็งแกร่งแต่เพราะการขาดอาหารจึงทำให้มันดูหิวโหย สายตาของมันถึงกับเหม่อลอย
ตอนที่การ์ฟิลด์ปรากฏตัวขึ้นมา แมงปอน้ำแข็งก็ได้ทิ้งบ้านของมันออกมาด้วยท่าทีตื่นเต้น มันได้มองมาที่เหยื่อและพร้อมที่จะเข้าโจมตี
หวังเย่าระวังตัวอยู่ตลอด ตอนนั้นเองการ์ฟิลด์ก็หยุดและมองไปข้างหน้า
หวังเย่าตื่นตัวทันที เขารู้ว่าการ์ฟิลด์นั้นเป็นแมวและไวต่ออันตราย การที่มันหยุดนั้นก็หมายความว่ามีอันตรายรออยู่
ตอนที่หวังเย่าสื่อสารกับการ์ฟิลด์ เขาก็ได้รับคำตอบกลับมา เขาเริ่มมั่นใจกับความคิดของตัวเองมากกว่าเดิม
“มีสัตว์อสูรคิดจะล่าฉันอย่างนั้นสินะ” หวังเย่าหรี่ตามองก่อนจะพบแสงสีทองที่ส่องประกายออกมาท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายนี้ เขาใช้สกิลเนตรอัคคีทันที แต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ สกิลเนตรอัคคีนั้นสามารถมองการเคลื่อนไหวในช่วง 10 นาทีได้ แสดงว่าสัตว์อสูรนั่นซ่อนตัวอยู่แถวนี้มาได้สักพักแล้ว
“น่าสนใจดีนี่” หวังเย่าสั่งการ์ฟิลด์เข้าไปใกล้อย่างช้า ๆ เขาเอาธนูออกมา และตั้งใจจะเข้าไปในระยะ 1 กิโลเมตรเพื่อยิงธนู
ตอนนี้ทักษะการยิงธนูของเขาพอที่จะยิงทะลุกำแพงได้
Related