บทที่ 105 เจ้าของร้านออกโรง ผลคือ…
เมื่อฟางเจี้ยนได้ยินคําพูดของเซียฉินแล้วทําให้มันนั้นรีบรับโทรศัพท์ในทันที ท่าทางของมันในตอนนี้ราวกับสุนัขที่ได้เจอเจ้าของ
“สวัสดีครับ ชื่อเจ้”
เป็นตอนนี้ที่เสียงอันเย็นชาเด็ดขาด และไม่ได้แฝงไว้ด้วยความลังเลสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น พูดออกมาจากปลายสาย
“ฟานเจี้ยน ด้วยการที่แกนั้นได้ทําลายภาพลักษณ์ของภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้า นอกจากนี้ แกยังได้ก่ออาชญกรรมด้วยการทุจริตใช้เงินกองกลางของร้านไปหาประโยชน์ส่วนตัว ฉันได้คุยกับผู้บริหารทุกคนแล้วเห็นพ้องต้องกันว่าจะปลดแกออกจากตําแหน่งผู้จัดการภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าที่1”
“ความจริงแล้วฉันนั้นควรจะส่งแกส่งเข้าคุกไป เห็นแก่ว่าแกเองก็เคยสร้างประโยชน์ให้กับภัตตาคารอยู่บ้าง เรื่องในครั้งนี้ฉันจะยกเว้นให้แกไปแล้วกัน”
“แต่นี่ก็ขึ้นอยู่กับว่าแกจะใช้เงินที่ได้ไปนั้นสร้างประโยชน์ให้สาธารณะรึเปล่า หากแกทําอย่างนั้น ภัตตาคารก็จะไม่เอาเรื่องแกและถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
“แล้วก็ เรื่องทั้งหมดนี้แกก็รีบทําให้มันจบไปโดยเร็วซะ”
ปลายสายพูดออกมาในขณะที่มีเสียงข้อความเข้าระรัว
แล้วเธอก็วางสายไป
ฟานเจี้ยนในตอนนี้หน้าซีดเซียวและเหม่อลอย
“เป็น…ไป..มะไม่ได้”
และเป็นตอนนี้ที่โทรศัพท์ของเซียฉินได้ดังขึ้นมา
เซียฉินได้จ้องมองไปยังฟานเจี้ยนก่อนที่จะรับโทรศัพท์
“เฮ้ ที่ร้ากกกกกก ขอบคุณมากนะที่ส่งวิดีโอมาให้”
เป็นเสียงผู้หญิงที่อยู่ปลายสายของฟานเจี้ยนเมื่อครู่นี้ได้โทรมาหาเซียฉิน
แต่น้ําเสียงตอนนี้ไม่ได้ดูเด็ดขาดเหมือนก่อนหน้านี้ น้ําเสียงของเธอนั้นทั้งนุ่มนวลและออดอ้อนออกมาอย่างหมดใจ
“แหม่ ขนาดฉินเอ่อของฉันยังบอกว่าไอ้หมอนี่เป็นนักเลงเลยนี่นา ว่าแต่วันนี้ฉันช่วยเธอได้มากเลยสิน้า… เธอจะตอบแทนด้วยอะไรดี…”
“หากราชาของช้านนนนต้องการล่ะก็ แม้แต่ร่างกายยยย…ฉันก็ยินดีพลีให้น้า…”
ในตอนนี้เซียฉินได้ลอบมองไปยังเจียงฮ่าวและพ่อแม่ของเขาในทันทีเพราะๆทุกๆคนได้ยินประโยคนี้ชนิดที่ดังชัดประทับใจ และนี่เองทําให้เธอเห็นว่าทุกคนมองเธอด้วยท่าทีแปลกๆ
โดยเฉพาะเจียงฮาวที่ตอนนี้คิดไปไกลเสียยิ่งกว่าไกล
“ดูเหมือนว่าเซียฉินคนนี้กับเจ้าของภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเลย
แหะๆ
เมื่อเห็นท่าทางของทุกคนทําให้เซียฉินในตอนนี้ทั้งอายและโกรธเคือง ในตอนนี้เธอได้หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเอาปากไปจ่อราวกับว่าเธอได้เปิดลําโพงออกมา
“ซิ่วไจ๋ยี เงียบปากไปเลยนะ มีคนอยู่กับฉันตั้งเยอะแยะ
เสียงของเซียฉินนี้ทําให้ทั้งสามคนต้องแกล้งมองไปทางอื่นในทันที
ส่วนเจียฮ่าวนั้นแกล้งมองออกไปนอกร้านราวกับไม่ได้ยินอะไร
นี่ทําให้น้ําเสียงของปลายสายนั้นเปลี่ยนไปในบุคคล จากเสียงที่อ่อนหวานยั่วเย้า กลายเป็นน้ําเสียงที่เด็ดขาด …….น้ําเสียงของราชินีที่สูงศักดิ์
“อะแฮ่มมมม เซียฉิน ฉันได้ยินว่ามีใครบางคนในวิดีโอพูดว่าภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าของฉันเป็นแหล่งรวมกลีใช่รึเปล่า”
“รอที่นั่นก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปหา ฉันละอยากเห็นจริงๆว่าใครกันที่กล้าพูดออกมาแบบ
เมื่อเซียฉินได้ยินดังนั้นเธอแอบลอบมองไปยังเจียงฮวอย่างรนราน
แต่เธอนั้นกลับพบว่าเขานั้นไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด
เมื่อเห็นดังนั้น เซียฉินเองก็ได้รีบพูดออกไปเพื่อจะหยุดอีกฝ่ายในทันที
“ที่รัก เธอเองยุ่งอยู่ไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องมากหรอกนะ”
“มันเป็นคําพูดของน้องชายคนนึงที่เหลืออดกับการกระทําของผู้จัดการ…อดีตผู้จัดการของเธอเลยพูดออกมาน่ะ เป็นฉันเห็นยังคิดเลย เพราะฉะนั้นอย่าเก็บไปใส่ใจดีกว่า”
หลังจากเชียฉินได้หมดความอดทนจนยื่นคําขาด นี่ทําให้ราชินีที่อยู่ปลายสายนั้นทําได้เพียงยอมแพ้ไป
หลังจากเซียฉินได้วางสายไปแล้ว เธอได้ถอนลมหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
ในตอนนี้ ฟางเจี้ยนเองมีตกใจจนใบหน้ารู้สึกด้านชาเมื่อได้ยินบทสนทนาของเซียฉินกับอดีตเจ้าของร้านผู้ว่าจ้างมัน
มันรีบเปิดประตูเข้ามาในภัตตาคารตระกูลเจียงในทันที
มันได้คุกเข่าก้มหัวอยู่แทบเท้าของเชียฉินและกล่าวขอร้องพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ําตาอย่างหน้าสังเวช
“คุณเซียครับ…ได้โปรด..ผมขอให้คุณช่วยพูดกับเจ้าของภัตตาคารที.อี้ก…เถอะครับผมไม่กล้าที่จะทําอีกแล้ว ฮัก…ไม่กล้าแล้ว”
เซียฉินที่เห็นฉากนี้ถึงกับต้องถลึงตามองในทันที
“นายขอโทษผิดคนแล้วล่ะนะ คนที่นายควรจะขอโทษคือคนนั้นนุ่น ถ้าคุณเจียงนั้นยอมยกโทษให้นายล่ะก็ฉินก็พอจะมีความกล้าช่วยนายอยู่บ้าง”
เซียฉินเองนั้นในตอนนี้ก็อยากใช้เรื่องนี้สร้างความดีความชอบกับเจียงย่าวอยู่บ้าง
โดยเฉพาะ เขาคนนี้คือคนที่ทําให้ลูกสาวเธอนั้นอยากกินอาหารขึ้นมาได้
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟานเจียได้หันไปทางเจียงฮ่าวและคลานไปหาในทันทีอย่างไม่อิดออดแม้แต่น้อย น้ําเสียงของมันยังคงไว้ซึ่งความหน้าสังเวช
“คุณเจียง…ท่านปู้เจียง เป็นผมเองที่โตแต่ตัวแต่ทําตัวดั่งเด็กน้อย ครอบครัวของผมนั้นหวังพึ่งผม ยกโทษให้ผมเถิดนะ ผมยอมให้คุณเยียบย่ําตามใจได้เลย”