บทที่ 108 จะทันรี
เจียงฮ่าวนิ่งอึ้งพูดไม่ออกในทันที
เป็นตอนนั้นที่เสียงที่ท่าทางโอหังได้ดังขึ้นมาจากฝั่งหลิวเปียว
“หลิวเปียว แกพร้อมรึยังเนี่ย แกขอเวลานอกมานานแล้วนะเว้ย”
“โอ๊ะ หรือแกจะกลัวจนอยากจะเป็นเต่าหดหัวไปแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลิวเปียวก็หันไปตะคอกกลับด้วยความโกรธ
“ใครกลัวแกกันวะ หยางชวนเว่ย แกจะรีบไปไหน เวลายังไม่หมดสักหน่อย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เออ ก็ดี ฉันจะรอแกอีกสักสองนาทีก็แล้วกัน”
เมื่อหลิวเปียวได้เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันจองหยางชวนเว่ยในตอนนี้แทบจะอยากพุ่งไปตบหน้าลงเสียเดี่ยวนั้นเลยทีเดียว
แต่เขาก็นึกได้ว่ากําลังคุยกับเจียงฮ่าวอยู่จึงได้รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
“อาจารย์…”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียงฮ่าวทําไมจะไม่รู้ว่าหลิวเปียวนั้นคิดอะไรอยู่ นี่น่าจะเป็นเพราะว่าเขาโดนยั่วโมโหจนโกรธจนเผลอตบปากรับคําไปมากกว่า และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าเขาไม่อยากจะรบกวนเจียงฮ่าว
“ก็ได้ หยุดทําเสียงอย่างนั้นได้แล้ว นายอยู่ไหน”
เมื่อหลิวเปียวได้ยินคํานี้ ความรู้สึกห่อเหี่ยวก่อนหน้านี้ราวกับได้เห็นแสงนําทางอีกครั้ง เขาแสดงออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข ก่อนที่จะเปิดปากพูดออกมาอีกครั้ง
“อาจารย์ พวกเราอยู่ที่สนามที่สองครับ”
เจียงฮ่าวจึงได้พูดออกมาในขณะที่เขากําลังจะเดินไปสนาม
“ตกลง รอฉันแป็บนึง เดี๋ยวฉันจะรีบไป”
เมื่อพูดจบ เขาได้วางสายและพุ่งไปยังสนามที่สองในทันที
อีกฝากฝั่งหนึ่งนั้น เมื่อหลิวเปียวได้ยินว่าเจียงฮ่าวจะมาก็ได้แสดงออกมาด้วยสีหน้าแห่งความสุข เขารีบฝ่าคนดูออกไปมองที่ข้างนอกในทันที
ในตอนนี้เอง ไม่ไกลจากตัวหลิวเปียวมากนัก กลุ่มคนที่ใส่เสื้อพละสีเหลืองที่มีตราเลขสามบนเสื้อ รีบเปิดปากเอ่ยถามออกมาเมื่อได้เห็น
“หลิวเปียว นี่แกจะหนีเหรอ”
เมื่อหลิวเปียวนั้นได้ยินว่าเจียงฮ่าวกําลังมา เขานั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจและไม่แยแสต่อคําพูดดูแคลนของหยางชวนเว่ยแม้แต่น้อย
เขาทําเพียงหันไปมองบางคนและแสดงรอยยิ้มของผู้ชนะออกมา
“หึหึ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน หยางชวนเว่ย ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ไม่ว่ายังไงฉันหนีไปก็เท่านั้นนี่นา”
“กลัวแต่ว่าแกจะรับไม่ได้แล้ววิ่งหนีไปมากกว่านะ”
เมื่อพูดจบ เขาก็หันกลับไปมองข้างนอกอีกครั้ง และเมื่อเขาได้เห็นเจียงฮ่าวที่ในตอนนี้ยังคงใส่เสื้อนักเรียนอยู่และวิ่งตรงมาที่นี่ เขาได้ยิ้มแป้นออกมาในทันที
ท่าทางที่ผิดปกติของหลิวเปียวนี้ทําให้หัวใจของหยางชวนเวียนั้นเต้นไปเป็น สึกถึงรางร้ายในทันทีพร้อมความรู้
อย่างไรก็ตาม เมื่อมันได้หันไปยังนักกีฬาหมายเลขแปดที่นั่งพักอยู่ที่ฝั่งมันอย่างผ่อนคลาย มันก็ได้ยิ้มอีกครั้งเมื่อได้นึกถึงตัวตนของชายตนนี้
และนี่ทําให้มันคิดออกมาว่าเป็นมันที่คิดมากเกินไปเอง
ไม่นานนัก เจียงฮ่าวก็ได้ปรากฏตัว หลิวเปียวและพวกรีบเข้าไปต้อนรับขับสู้อย่างออกนอกหน้า นี่ทําให้ทุกคนนั้นสังเกตได้ในทันที
“ว่าววว เจียงฮ่าวก็มาล่ะ”
“ไม่จริงน่า ฉิบ…เจียงฮ่าวจริงๆด้วย พวกเรามีหวังแล้ว”
“ใครคือเจียงฮ่าว ทําไมเขาถึงดังล่ะ”
“ ห้ะ ไอ้… นี่แกไม่รู้จักเจียงฮ่าวเหรอ นี่แกเป็นนักเรียนของพวกเราอยู่อีกรึเปล่า”
“…”
เจียงฮ่าวก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเขานั้นจะเป็นที่รู้จักเกือบจะทุกคนขนาดนี้
ในตอนนี้เอง ไม่ไกลนัก หยางชวนเว่ยและคนอื่นๆในทีมที่เห็นเจียงฮ่าวที่ตอนนี้กําลังถูกหลิวเปียวและพวกเข้ามาคอยกันคนดูไม่ให้เข้าหาไว้ นี่ทําให้มันนั้นจ้องมองไปด้วยสายตาแห่งความสงสัย
เขาได้หันไปหานักเรียนคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ
“เฮ้ย ไอ้คนนั้นน่ะ นายรู้จักรึเปล่า”
คนที่อยู่ข้างๆเขาได้จ้องมองไปยังเจียงฮ่าวอยู่พักหนึ่งก่อนจะส่ายหัวออกมา
“ไม่รู้นะ/ไม่รู้จักเหมือนกัน”
หนึ่งในนั้นเมื่อเห็นเจียงฮ่าวก็ได้พูดออกมาอย่างอิดออด
“…ได้ยินมาจากคนตรงนั้นคุยกันว่าชื่อของมันคือเจียงฮ่าว อยู่ปีสามโรงเรียนเทียนเหอที่สองเนี่ยแหล่ะ การสอบร่วมครั้งก่อนนั้นมันสอบได้ที่หนึ่งจนได้ชื่อว่าสุดยอดนักเรียนหัวกระทิ”
“ถ้าได้ยินไม่ผิดเหมือนจะได้ 747 คะแนน”
เมื่อได้ยินดังนั้น หยางชวนเว่ยเองก็อดที่จะจ้องมองเจียงฮ่าวด้วยสายตาอิจฉาตาร้อนไม่ได้
แต่เมื่อมันได้เห็นท่าทางที่สุดแสนจะเคารพของหลิวเปียวที่มีต่อเจียงฮ่าวแล้ว มันอดที่จะนึกหัวเราะเยาะไม่ได้
“ไอ้ฉิบหาย หลิวเปียวเสียสติไปแล้วรึไง มองยังไงก็แพ้อยู่แล้วแล้วจะไปเอาตัวพวกหัวกระทิมาทําซากอะไร อย่าบอกในว่าจะให้ไอ้ตัวหัวหมอนั่นลงมาแก้เกมน่ะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
คําพูดของหยางชวนเว่ยทําให้ทุกคนที่ได้ยินบังเกิดเสียงหัวเราะ