บทที่ 114 ซิ่วไจยี่ตกตะลึง
หลังจากแม้ของเจียงฮ่าวได้แนะนําเจียงฮ่าวไป เธอเองในตอนนี้ก็อยากจะแนะนําเจียงฮ่าวให้รู้จักหญิงสาวสวยที่อยู่ข้างเซียฉินรู้จักด้วยเช่นเดียวกัน
เป็นตอนนี้ สาวสวยได้จ้องมองไปยังเจียงฮ่าวอย่างตกตะลึงในขณะกแนะนําตัว
“คนนี้คือซิ่วไจยี่ที่เป็นเจ้าของภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าที่เคยได้ยินมาก่อนหน้านี้น่ะ”
ในขณะเดียวกัน ซิ่วไจยี่เมื่อได้ถูกแนะนําแล้วก็ได้ยื่นมือพลางหันไปหาเจียงฮ่าวราวกับต้องการทักทายตามธรรมเนียม
แต่การกระทําของเธอนั้นกับทําให้สถานการณ์นั้นดูน่าอึดอัดใจอย่างน่าประหลาด
นี่ทําให้เซียฉินลอบมองไปยังซิ่วไจซี่ไปปราดหนึ่งก่อนจะเขกหัวไปหนึ่งที่
ซิ่วไจยี่เองในตอนนี้ก็ยังคงไม่ไหวติง นี่แม่ของเจียงฮ่าวเองที่เห็นก็รู้สึกอึดอัดแทนเพราะเจียงฮ่าวไม่ได้แยแสเลยสักนิด เธอจึงรีบพูดออกไปยังเจียงฮ่าวเพื่อทําลายความเงียบงัน
“เอ่อ ฮ่าวเอ้ย มาขอบคุณคุณซิ่วซะสิ เมื่อวันก่อนคุณจิ๋วก็ช่วยพวกเราไว้ไม่น้อยเลยนะ”
ถึงแม้ว่าคําพูดของแม่เจียงฮ่าวนั้นแค่จะต้องการเปลี่ยนเรื่องพูดก็ตาม แต่นั่นยิ่งกลับทําให้บรรยากาศแย่กว่าเดิมเพราะมันเหมือนกับแม่ของเธอกําลังกล่าวโทษซิ่วไจยียังไงก็ไม่รู้
อย่างไรก็ตาม เจียงฮ่าวนั้นเพียงแค่มองมืองามระหงที่ยื่นออกมาเฉยๆ เขาไม่ได้สนใจและเดินเข้าไปพร้อมกับอุ้มซินเอ๋ออยู่ในมือ
ตอนที่เขาเดินผ่านนั้น เขาก็ได้พูดลอยๆออกมาเบาๆประดุจขนนก
“ก็แค่พูดความจริง”
“แล้วทําไมผมต้องขอบุคณล่ะ ต่อให้ไม่มีเธอผมก็ยังแก้ปัญหาได้อยู่ดี”
หลังจากนั้น เจียงฮ่าวก็เดินกลับไปยังห้องของตน
แม่ของเจียงฮ่าวเองก็ได้รู้สึกราวกับอยากเอาหน้าไปซุกแผ่นดินแทน
“เฮ้อออ เจ้าเด็กนี่”
“คุณซิ่ว อย่าไปใส่ใจเรื่องนี้เลยนะ เขายังทําตัวเป็นเด็กไปหน่อยน่ะ”
ซิ่วไจยได้ส่ายหัวไปมา เธอเองก็ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน เธอเพียงจ้องมองไปยังเจียงฮาวที่เข้าห้องไปด้วยสายตาประหลาดใจเท่านั้นเอง
ความไม่แยแสของเจียงฮ่าวนี้ได้กระตุ้นความสนใจของเธอในตัวเจียงฮ่าวมากยิ่งขึ้นไปอีก กลับคนที่เกิดมาแล้วมีแต่คนสรรเสริญเยินยอแบบเธอนั้น การได้รับความเย็นชาแบบนี้เป็นสิ่งแปลกใหม่สําหรับเธอ
ในตอนนี้ เชียฉินเองที่อยู่ข้างๆก็ได้รีบเข้ามาแก้ตัวให้เจียงฮ่าวแทนในทันที
“ไจ๋ยี่ อย่าไปใส่ใจเลย คุณเจียงเขาก็เป็นแบบนี้แหล่ะ”
ซิ่วไจยี่พยักหน้ารับและพากันไปนั่งที่เดิม
เจียงฮ่าวได้ถอดเสื้อคลุมของตนออกและเดินออกมาพร้อมซินเอ๋อไปหาเซียฉิน หลังจากนั้น เขาก็ได้เข้าครัวในทันที
ตอนแรกเขาว่าจะทําอะหารสักสามอย่าง แต่ดูเหมือนต้องทําเพิ่มซะแล้ว
แล้วเขาควรจะทําอะไรดีล่ะ
“ปึ้ก…ปึ้ก…ปึ้ก…ปึ้ก…”
หลังจากเขากําลังคิดอยู่นั้นว่าจะทําอะไรดี เขาก็ได้ยินเสียงเคาะของอะไรบางอย่างที่เป็นจังหวะ
เมื่อเขานั้นหันไปดูรอบๆก็เห็นซิ่วไจยี่ที่ในตอนนี้กําลังมองเขาอยู่ที่ประตูครัวด้วยความสนใจ
เจียงฮ่าวมองกลับไปอย่างนิ่งๆพักหนึ่งก่อนที่จะไม่แยแสและเริ่มจัดเตรียมส่วนประกอบในทัน
เมื่อทุกอย่างถูกจัดเตรียมพร้อมแล้ว พร้อมทั้งน้ํามันที่อยู่ในกระทําก็ร้อนได้ที่ เจียงฮ่าวจึงได้เทส่วนประกอบทั้งหลายลงไป
ในทันทีนั้นเอง เครื่องปรุงต่างๆก็หลังไหลเข้าไปโดยไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย
พร้อมกันนั้นมือข้างหนึ่งเองก็ได้คนไปในหม้อที่อยู่ข้างๆ มือทั้งสองข้างของเจียงฮ่าวนั้นต่างก็ทํางานของตนร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ที่ประตูเอง ซิ่วไจยในตอนนี้ยิ่งมองก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นไปทุกขณะ
ในสายตาของเธอนั้น การขยับของเจียงฮ่าวนั้นราวกับว่าตัวเขานั้นกําลังสนุกอยู่กับการทําอาหาร
ไม่นาน กลิ่นหอมหวนก็ได้ลอยออกไป
กลิ่นนี้ทําให้ซิ่วไจยี่ที่เป็นนักชิมอาหารต้องกับน้ําลายสอในทันที และถึงแม้เธอนั้นจะได้กินอาหารมากมายเมื่ออยู่ในภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าไม่อาจที่จะหยุดแจ็บปากที่ราวกับได้กลืนกินกลิ่นของอาหารเหล่านี้เอาไว้ได้
ไม่นาน อาหารจานแรกก็ได้เสร็จลง
ซิ่วไจ๋ยื่อดใจไม่ไหวจนต้องเดินเข้ามาข้างใน
เธอมองไปยังกระหล่ําปลีที่เปล่งประกายผสมปนเปไปกับชิ้นเนื้อที่ยังคงสีแดงเอาไว้อยู่ในจาน และบนเชื้อเนื้อนี้เองก็แทบจะมองเห็นได้เลยว่ามีกลิ่นกําลังรอยโชยขึ้นมา
มันต้องอร่อยอย่างไม่ต้องสงสัย
ซิ่วไจ๋ยี่ได้มองไปยังเจียงฮ่าวที่กําลังเริ่มทําอาหารจานอื่นอยู่ นี่ทําให้ในตอนนี้บังเกิดความรู้สึกตกตะลึงขึ้นมในจิตใจ
จากสายตาอันเฉียบคมของเธอนั้นเธอบอกได้ในทันที่อาหารของเจียงฮ่าวเพียงจานเดียวก็เทียบเท่ากับได้กับอาหารของสุดยอดพ่อครัวได้ทําทั้งชุดอาหาร
นี่ยังไม่รวมกลิ่นหอมที่ลอยวนอยู่เหนืออาหารอย่างไม่ขาดสายนี้อีก
ถึงแม้ว่าซิ่วไจ๋ยี่จะยังไม่ได้ลองชิมดู แต่ด้วยประสาทรับรสและกลิ่นที่ยอดเยี่ยมก็รู้ในทันทีว่าอาหารของเจียงฮ่าวจานนี้เหนือล้ํากว่าที่พ่อครัวของภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าของเธอทํามากมายนัก
เธอมั่นใจได้ว่า ภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าของเธอนั้นจะคงอยู่ได้ ตราบใดที่เจียงฮ่าวนั้นไม่คิดที่จะกลายเป็นพ่อครัวให้ใครจริงๆ