บทที่ 12 เมื่อเสือร้ายยอมออกจากภูเขาแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่ให้เหลือซาก
หลังจากหลอมรวมกับบอลแสงความสามารถของมดแล้ว เจียงฮ่าวรู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อบนร่างกายของตนทั้งหมดพัฒนาขึ้นด้วยกระบวนการบางอย่างในทันที แถมยังให้เขาหุ่นดีและเข้ารูปมากขึ้น
“ระบบ เปิดดูข้อมูลส่นตัว”
ชื่อเจ้าของระบบ: เจียงฮ่าว
ระดับ 1: (4.1/10)
อายุ: 18 ปี
ความแข็งแกร่ง: 8 (ผู้ใหญ่ปกติมีค่าเป็น 1)
ความว่องไว: 1.8 (ผู้ใหญ่ปกติมีค่าเป็น 1)
ค่าวิญญาณ: 1.8 (ผู้ใหญ่ปกติมีค่าเป็น 1)
ค่าความทรหด: 0.8 (ผู้ใหญ่ปกติมีค่าเป็น 1)
ทักษะ: คณิตศาสตร์ระดับ 3 (0/10) เทพเจ้าโรงครัวระดับ 1 (0/10)
ทักษะติดตัว: สัมผัสภยันตราย ระดับ 1 (0/1) พลังมหาศาล ระดับ 1 (0/10)
คะแนนทักษะ: 4.1
มิติส่วนตัว: เปิดใช้งาน
หลังจากเห็นค่าสถานะของตนแล้ว เจียงฮ่าวได้ผงะด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย
“นี่ขนาดเพียงแค่ระดับหนึ่งยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ฉันได้ถึงขนาดนี้ ไม่รู้เลยจริงๆว่าถ้ากลายเป็นระดับสองแล้วจะแข็งแกร่งขนาดไหนกัน”
ถึงแม้เขาจะอยากลองยกระดับพลังมหาศาลขนาดไหนก็ตามแต่ด้วยการยกระดับของทักษะนี้จำเป็นต้องใช้คะแนนทักษะสิบหน่วย แต่ในตอนนี้เขานั้นมีคะแนนทักษะเพียง 4.1 หน่วยเท่านั้น จึงทำให้เขาในตอนนี้ยังแข็งแกร่งกว่านี้ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม การยกระดับสัมผัสภยันตรายนั้นใช้คะแนนทักษะเพียง 1 หน่วยเท่านั้น แน่นอนว่าคะแนนทักษะของเขาในตอนนี้นั้นเกินพอ
“ระบบ ยกระดับค่าทักษะติดตัว สัมผัสภยันตรายเป็นระดับ 2”
“รับทราบ นายท่าน”
“ติ้ง ใช้คะแนนทักษะ 1 หน่วย…ทักษะติดตัว: สัมผัสภยันตรายยกระดับเป็นระดับ 2 เสร็จสิ้น”
ทักษะสัมผัสภยันตราย: ระดับ 2 (0/10): มอบประศาสตร์สัมผัสที่หกให้กับผู้ครอบครองทักษะ สามารถตรวจจับภยันตรายที่เกิดขึ้นได้ ค่าความว่องไว +2 ค่าพลังวิญญาณ +1
หลังจากได้เห็นค่าสถานะของทักษะที่ยกระดับเปลี่ยนไปแล้วทำให้เจียงฮ่าวนั้นผ่อนคลายลงอย่างมาก
หลังจากเสร็จสิ้นการยกระดับทักษะ ค่าสถานะของตัวเขาเองก็เปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
ตอนนี้ เจียงฮ่าวมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไปแปดเท่า มีความว่องไวมากกว่าคนทั่วไปสามเท่า
ในตอนนี้เขาจ้องมองไปยังหงเหลียงโดยปราศจากความกลัวแม้แต่น้อย
และในเมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว ลมย่อมเปลี่ยนทิศเป็นธรรมดา
ด้วยการที่หงเหลียงนั้นไม่มีความคิดที่ว่าจะมีคนอื่นมาแก้แค้นตนเองมาก่อน จึงไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้มันกำลังถูกเฝ้ามองจากคนที่คิดแค้นต่อมัน
หลังจากผ่านไปสักพัก หงเหลียงและพวกได้ดื่มเหล่ากันจนหนำใจ แน่นอนว่าพวกมันนั้นไม่เคยจ่ายเงิน หลังจากดื่มเสร็จแล้ว พวกมันก็ได้เดินออกไปจากร้านโดยทิ้งเจ้าของร้านให้มองตามพลางทำตาปริบๆ
เจียงฮ่าวได้ลอบติดตามอยู่ไม่ให้คลาดสายตา ฮงเหลียงได้พากันเดินเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวากันอยู่พักใหญ่ก่อนที่จะเข้าไปยังตรอกๆหนึ่ง
ยามค่ำคืนเช่นนี้ นอกจากตรอกนี้จะมืดสนิทแล้วยังไม่มีใครจะกล้าเดินผ่าน
เจียงฮ่าวตาลุกวาวในทันที
“นี่ล่ะ ได้โอกาสแล้ว”
เจียงฮ่าวได้ค่อยๆย่องเข้าไปใกล้กลุ่มของหงเหลียงอย่างรวดเร็วราวกับเสือชีต้า ก่อนที่จะมีใครทำอะไรได้ทันนั้น เจียงฮ่าวก็ได้เข้าไปประชิดพวกมันจากได้หลังก่อนจะออกหมัดไปสองทีจนทำให้สองคนข้างหลังหมดสติในทันที
“ปั้ก ปั้ก”
“อ่ะ…”
“เอื้อ..”
ด้วยความแข็งแกร่งของเจียงฮ่าวในตอนนี้หากเขาออกแรงไปเต็มที่แค่เพียงหมัดเดียวนักเลงเหล่านี้ก็สมควรตกตายในทันที นี่ถือว่าเขานั้นยั้งมือไว้มากแล้ว
แต่ถึงจะบอกว่ายั้งมือ แต่หลังจากหมัดของเจียงฮ่าวปล่อยออกไปแล้ว ทั้งสองคนก็ทำได้เพียงแค่ร้องออกมาได้เพียงเล็กน้อยก่อนที่จะสลบล้มพับไปกับพื้นในทันที และไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นขึ้นมาแต่อย่างใด
เป็นตอนนี้ที่หงเหลียงที่กำลังยกขวดเหล้าซดนั้นได้เผลอเหลือบไปมองพวกพ้องด้านหลัง ถึงแม้ว่าจะเมาหนัก แต่มันก็ได้สร่างเมาทันทีเมื่อรู้ว่ามีเรื่องแล้ว
“เฮ้ย ทำอะไรวะ มึงเป็นใคร”
“มึงไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกแล้วใช่ไหมถึงกล้ามาลอบกัดคนอย่างกูเนี่ย”
“ฆ่ามันซะ”
หงเหลียงที่เห็นว่ามีเรื่องและสั่งลูกน้องให้เข้าไปจัดการกับคนที่กล้ามาก่อปัญหาก็ต้องอยู่ในภาวะหวาดวิตกในทันทีเมื่อเห็นว่าลูกน้องของตนลงไปกองกับพื้นด้วยหมัดเพียงหมดเดียว
ในตอนนี้มีได้ผลักลูกน้องที่เหลือให้ออกหน้าไปก่อน ก่อนที่จะรวบรวมความกล้าและพุ่งตามไปไม่ห่าง
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเจอกับเจียงฮ่าวที่มีทักษะสัมผัสภยันตรายและความแข็งแกร่งมากกว่าคนธรรมดาแปดเท่าแล้ว การกระทำดังกล่าวช่างไร้ค่านัก และแน่นอนว่าลูกน้องทั้งหมดของหงเหลียงลงไปกองกับพื้นจนหมดสิ้น
และในตอนนี้เจียงฮ่าวได้หันไปจ้องมองหงเหลียงด้วยใบหน้าที่อำมหิต
หงเหลียงที่เห็นก็ได้นึกหวาดกลัวขึ้นมาจนจับใจ
“พี่…พี่ชาย พี่มาจากแก็งไหนกัน”
หงเหลียงนั้นพยายามจะตีสนิทในทันที แต่เจียงฮ่าวแน่นอนว่าต้องไม่ยอมให้เกิดขึ้น