บทที่ 120 ภัยคุกคามจากความร่วมมือ
“ผมจะทําลายไอ้ปรมาจารย์หนุ่มนั่นด้วยพลังทั้งหมดที่ผมมี”
เมื่อการพูดคุยมาถึงจุดนี้ ใบหน้าของปรมาจารย์หรูได้ฉายแววอาฆาตออกมาในทันที
“คนที่กลายเป็นระดับประมาจารย์ได้ตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสามสิบแบบนี้แสดงว่าชายคน นี้ตั้งเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง พวกเราไม่สามารถปล่อยให้คนเช่นนี้เติบโตขึ้นไปได้”
เมื่อรองผู้นําตระกูลจิ๋วได้ยินดังนั้นก็ได้แสดงความตกใจออกมาในทันที
“ปรมาจารย์หรู อย่าบอกนะว่าท่านจะท้าเขาแข่งทําอาหารน่ะ ปรมาจารย์หนุ่มคนนั้นแม้แต่หน้าพวกเราก็ยังไม่เคยเห็นเลยนะ”
เรื่องนี้
คําพูดของลองผู้นําทําให้ปรมาจารย์หวี่ต้องรู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
การทําอาหารแข่งกันนั้นเป็นวิธีที่ทําให้พ่อครัวได้รับการยอมรับได้ดีที่สุด
การท้าดวลทําอาหาร เป็นการท้าทายที่พ่อครัวโดยผู้ที่ถูกท้าไม่อาจจะปฏิเสธคําท้าได้และถูกนํามาใช้ในการยุติความขัดแย้งบ่อยๆ
อาหารที่ถูกทําขึ้นมาโดยพ่อครัวจะถูกนําออกไปให้เหล่าผู้คนให้ลองชิม หลังจากนั้นก็จะให้คนที่ชิมลงคะแนนตัดสินว่าของใครอร่อยกว่ากัน
คนที่ได้คะแนนมากกว่าก็จะเป็นฝ่ายชนะไป
ส่วนเรื่องหลังจากการดวลเสร็จสิ้นแล้วนั้น ถือได้ว่าโหดร้อยไม่น้อยเลยทีเดียว
พ่อครัวที่แพ้ห้ามทําอาหารอีก พ่อครัวคนนั้นก็จะถูกสั่งห้ามทําอาหารอีกอย่างเป็นการถาวร
เมื่อปรมาจารย์หวี่ได้เห็นความกังวลในสายตาของลองผู้นําแล้ว จึงได้พูดปลอบใจออกมาด้วยท่าที่ผ่อนคลาย
“รองผู้นําไม่เชื่อใจชายแก่คนนี้แล้ว”
เมื่อรองผู้นําเมื่อได้ยินดังนั้นจึงได้รีบพูดออกมา
“ไม่ใช่ครับ จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง”
“ผมมั่นใจอยู่แล้วว่าท่านปรมาจารย์ต้องไร้เทียมทานอย่างแน่นอน”
คําพูดของลองผู้นําตระกูลจิ๋วได้ทําให้ปรมาจารย์หรูมีความสุขอย่างมาก ทั้งสองได้มองหน้ากันก่อนที่จะหัวเราะออกมา
เย็นวันถัดมา ซิ่วไจยีได้มาที่บ้านของเจียงฮวในช่วงเย็นและรอคอยการกลับมาของเจียงฮั่ว
ไม่นาน เจียงฮาวก็ได้กลับมาจากโรงเรียน
“ ปรมาจารย์เจียง ในบัตรนี้มีเงินหนึ่งร้อยห้าสิบล้าน โปรดรับไว้ด้วย”
บนโต๊ะในห้องนั่งเล่นตอนนี้ ซิ่วไจยได้นําบัตรธนาคารสีทองดําขึ้นมาจากกระเป๋าและส่งให้กับเจียงฮาว
ต่อจากนั้นเธอก็ได้นําบัตรสีม่วงที่มีเพชรประดับออกมา
“ปรมาจารย์เจียง นี่คือบัตรสําหรับแขกผู้มีเกียรติ สิ่งนี้เป็นสิ่งแสดงตัวคนเล็กๆน้อยๆเท่านั้น”
ถัดมา ซิ่วไจยได้นําซองใส่สัญญาออกมาจากในกระเป๋าและส่งให้เจียงฮาวด้วยมือทั้งสองข้าง
“นี่คือร่างสัญญาที่ฉันได้ร่างขึ้นมาเมื่อเช้า พร้อมทั้งใบสําคัญการโอนหุ้น 3% ของภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้า โปรดเปิดดูด้วยท่านปรมาจารย์เจียง”
“หากท่านปรมาจารย์เจียงไม่มีข้อแก้ไขอะไรแล้วโปรดลงชื่อด้วยค่ะ”
ซิ่วใจที่ได้ชี้ไปยังหน้าสุดท้ายแล้วพูดออกมา
เจียงฮวได้มองไปที่ซิ่วไจยี่ด้วยความประหลาดใจก่อนที่จะรับสัญญาจากเธอมาอ่าน
ส่วนบัตรทั้งสองนั้นเขายังไม่รีบรับมาแต่อย่างใด
เจียงฮาวได้เปิดดูรายละเอียดในสัญญาที่อยู่ในมือ หลังจากตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอะไรแอบแฝงเขาจึงได้หยิบปากกาและเซ็นชื่อลงไป
ความจริงแล้ว เพื่อจะให้เข้าใจในร่างสัญญานี้อย่างแจ่มแจ้ง เจียงฮ่าวได้ทําการย่อยสลายและดูดซับหนังสือกฎหมายมาเรียบร้อยแล้ว
ซิ่วไจยื่นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ได้วางกับดักไว้ในร่างสัญญานี้แต่อย่างใด
ถ้าไม่อย่างนั้นล่ะก็ เขาคงต้องทําให้เธอได้รู้จักความหมายของคําว่า “ปรมาจารย์มิอาจถูกกลั่นแกล้ง” อย่างแน่นอน
“ยินดีที่ได้ร่วมงานค่ะ ปรมาจารย์เจียง”
ซิ่วไจยได้เซ็นชื่อลงในสัญญาที่ได้รับคืนมาจากเจียงฮ่าวและจ้องมองมัน เธอได้ยื่นมือออกมาหาเจียงฮ่าวด้วยใบหน้าที่มีรอยแย้มแทบจะถึงใบหู
เจียงฮาวได้จ้องมองไปที่เธอเล็กน้อยก่อนที่ยื่นมือไปจับมือของซิ่วไจยี่ที่แสนจะนุ่มละมุนก่อนที่จะเขย่าขึ้นลงไปหนึ่งที่
“ยินดีที่ได้ร่วมงาน”
หลังจากนั้น เวลาก็ได้เรื่องเลยผ่านไปอย่างเงียบสงบ วันที่8มิถุนายนก็ได้มาถึง
ในช่วงเช้า หลังจากกินข้าวเช้าแล้ว เจียงฮาวก็ได้หยิบอุปกรณ์การสอบและบัตรเข้าสอบและเตรียมที่จะไปยังสนามสอบในทันที
เป็นตอนนี้ที่แม่ของเขาเองได้รีบวางมือจากทุกสิ่งและหาเสื้อผ้าของตน
“ฮาว รอแม่ก่อนนะขอแม่หาเสื้อก่อน เดี๋ยวแม่จะไปด้วย”
เมื่อเจียงฮาวได้ยินดังนั้น เขาได้รีบหยุดแม่ของตนในทันที