บทที่ 131 แกล้งอวดดีให้ถูกเหยียบย่ํา
อย่างไรก็ตาม การกระทําแบบแม่เข้าข้างลูกก็ได้ทําให้ซ่งหว่านซึ่งต้องเหลืออดจนต้องตะคอก
“พอแล้ว”
คุณแม่ตระกูลเฟิงทําได้เพียงตกใจในเสียงตะคอกอันยะเยียบของซงหว่านซ่งเท่านั้น และนี่เองเริ่มทําให้ตัวเธอรู้แล้วว่าเธอต้องทําอะไรผิดพลาดไปแล้วแน่ๆกับสิ่งที่เธอพูดไป
ซ่งหว่านซ่งมองไปยังคู่แม่ลูกด้วยสายตาเย็นยะเยียบ โดยเฉพาะกับเฟิงเจียนกัวที่แสดงออกว่าขยะแขยงเป็นพิเศษ
ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าคู่แม่ลูกนี้ต้องการจับคู่กับลูกสาวของเขา แต่เขาขี้เกียจจะพูดออกมาเท่านั้น
“อย่าทําตัวต่ําทรามอย่างการแกล้งทําเป็นรู้ทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลยแบบนี้ซะ”
ซ่งหว่านซ่งได้ชี้ไปยังขวดยาสุดยอดยานอนหลับที่อยู่ในมี
“ ขวดยานี้ทําขึ้นจากหยกฟันม้าเกรดสุดยอดที่ทําขึ้นมาด้วยสุดยอดปรมาจารย์”
“กับขวดนี้เพียงขวดเดียวก็มีค่าถึงหนึ่งล้านหยวนเข้าไปแล้ว”
“แล้วขวดที่มีมูลค่าขนาดนี้แล้วไม่ต้องพูดถึงเลยว่าของข้างในนั้นหมายความว่ายังไง”
“การที่แค่ขวดยากลับมีค่ามากมายขนาดนี้ ยาข้างในเองต้องมีค่าเหลือขณานับ”
คู่แม่ลูกตระกูลเฟิงทําได้เพียงแค่นิ่งอึ้งไปเท่านั้นเมื่อได้ยินคําพูดของซ่งหว่านซ่ง
ทั้งสองได้เห็นแล้วว่าซ่งหว่านซ่งที่ใจตอนนี้ถือขวดยาอย่างถนุถนอมราวกับภาพวาดหายากสายตาของทั้งสองนั้นเต็มเป็นไปด้วยความไม่เชื่ออย่างเต็มเปี่ยม
“จะเป็นไปได้ยังไง”
“นั่นสิ พี่เขา พี่ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ”
ในตอนนี้คู่แม่ลูกตระกูลเฟิงดูราวกับว่าเป็นคนเสียสติ ดวงตาในตอนนี้ราวกับไร้แววและพร่ําพูดออกมาไม่หยุด
ซ่งหว่านกัวเองนั้นก็รู้สึกไม่อยากจะเห็นหน้าสองคนนี้เต็มแก่แล้ว แต่เป็นตอนนั้นเองที่ซ่งหว่านซ่งมองสองแม่ลูกด้วยใบหน้าที่ขมวดคิ้วแน่นและพูดออก
“อาไฮ สองคนนี้น่าจะเหนื่อยแล้ว ส่งกลับไปซะ”
“ได้ครับนายท่าน”
ทันทีที่ลุงไฮ้และคนของเขาเตรียมที่จะพอสองแม่ลูกออกไปนั้น
เป็นตอนนั้นที่สองแม่ลูกได้สติและเริ่มโวยวายอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ เจียงฮ่าวต้องเป็นฝ่ายประหลาดใจ นั่นก็เพราะหลังจากที่ลุงไฮ้แตะไหล่ของทั้งสองเบาๆ ทั้งสองก็ทําได้เพียงเงียบปากลงไปเท่านั้น
เจียงฮ่วมองไปยังลุงไฮ้ด้วยความสนใจ
-แค่แรงกดดันนี่ก็น่าจะเพียงพอที่จะบอกได้ว่าวิชายุทธนั้นเป็นของจริงไม่ใช่รึไง
เจียงฮ่าวนั้นไม่ได้แยแสกับความรู้สึกของสองแม่ลูกในตอนนี้แม้แต่น้อย
เขานั้นกําลังนึกคิดในสิ่งที่เห็นอยู่เท่านั้น และเป็นตอนนี้ที่ซ่งหว่านซังกล่าวคําขอโทษออกมา
“ต้องขอโทษหลานชายด้วยจริงๆเกี่ยวกับเรื่องนี้”
“พวกเราจะรับยานี้เอาไว้ และเพื่อเป็นการตอบแทน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหลานชายในอนาคตเพียงมาหาฉันก็พอ”
ซ่งหว่านซ่งยกแก้วขึ้นมาแล้วพูดต่อ
“ดื่มนี้เพื่อหลานชาย”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินก็ฟื้นคืนสู่สติและรีบหยิบแก้วของตนเองขึ้นมา
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไรจริงๆ คุณลุงก็กังวลเกินไปแล้ว”
หลังจากพูดคุยกันอยู่พักใหญ่ เจียงฮ่าวนั้นเข้ากันได้เป็นอย่างดีกับครอบครัวของซ่งหว่านเอ๋อ
เจียงฮ่าวถึงจะไม่รู้ว่าซ่งหว่านกัวจะกล้ากินสุดยอดยากล่อมประสาทหรือไม่ก็ตาม
แต่เขาก็รู้ได้อย่างหนึ่งว่าครอบครัวซ่งนี้ย่อมต้องไม่เชื่อคําพูดเขาได้โดยง่าย
ต่อให้เชื่อก็สมควรจะต้องทดลองก่อนอยู่ดี
หลังจากออกมาจากบ้านครอบครัวซ่งแล้ว เจียงฮ่าวก็ได้ตรงไปยังตลาดขายดอกไม้และได้ซื้อกระถางมาเพิ่มเพื่อจะได้ทดลองปลูกเมล็ดพันธุ์กลายพันธุ์ของเขา
เมื่อเจียงฮ่าวกลับมาบ้านพร้อมกระถางดอกไม้ เขาก็เห็นพ่อ แม่ และน้องสาวของตนนั่งอยู่บนโต๊ะในห้องโถง ทั้งสามเหมือนกําลังจะดูอะไรกันอยู่จึงไม่รู้ว่าเขาได้กลับมาแล้ว
เจียงฮ่าวเองก็ค่อนข้างสนใจว่าทั้งสามดูอะไรกันก็เลยลองเข้าไปดูใกล้ๆ
“ไม่จริงน่า จะโตเร็วเกินไปแล้วโว้ย”
เสียงของเจียงฮ่าวทําให้พ่อแม่และน้องสาวของเขาต้องตกใจ
แม่ของเจียงฮ่าวนั้นแม่จะตกใจ แต่เมื่อเธอตั้งสติได้ก็กรอกตาขึ้นและตรงไปตบหัวเจียงฮาวเสียหนึ่งที่
“ไอ้เด็กบ้า ตกใจจนเกือบตายแล้วเนี่ย”
แต่เจียงฮ่าวในตอนนี้กลับจ้องมองไปยังหัวกะหล่ําที่วางไว้บนโต๊ะด้วยสายตาตกใจมากกว่า