บทที่ 134 พี่ใหญ่อย่าลืมเขียนชื่อกลับหลังให้ล่ะ
ในตอนนี้ หนึ่งในบอดี้การ์ดได้พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไม่ปลื้มสักเท่าไหร่
“ขอโทษครับท่าน พวกเราไม่มีกฎแบบนั้น”
แน่นอนว่าเจียงฮ่าวต้องรู้อยู่แล้วว่าเป็นแบบนี้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็อดที่จะรู้สึกเซ็งออกมาไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในตอนนี้เขามาถึงแล้วแน่นอนว่าย่อมไม่อยากจะต้องเสียเวลากลับไปหยิบบัตรสมาชิกแล้วมาที่นี่อีกครั้ง เขาจึงได้มีทางเลือกเพียงโทรหาซิ่วไจ๋ยี่เท่านั้นเพื่อหาคนมารับเขา
เมื่อตัดสินใจได้แล้วเขาก็ได้รีบโทรออกไปในทันที
“สวัสดีคุณซิ่ว”
“ในตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าแล้วล่ะ แต่พอดีผมรีบมาเลยลืมบัตรสมาชิกกิตติมศักดิ์ชั้นเพชรของคุณมา ตอนนี้ผมถูกหยุดไว้โดยบอดี้การ์ดของคุณน่ะ”
“อื้ม”
“…”
เจียงฮ่าวไม่ได้หลบออกไปโทรศัพท์ ทําให้ทุกคําพูดของเขานั้นถูกได้ยินจากบอดี้การ์ดทั้งสองได้อย่างชัดเจนถนัดถนี่
เมื่อบอดี้การ์ดทั้งสองได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังลั่น
เป็นตอนนั้นที่เจียงฮ่าวได้ยินแล้วหันไปมองก็เห็นบอดี้การ์ดทั้งสองกําลังซุบซิบนินทากัน
“นี่รายที่เท่าไหร่แล้วนะที่มีคนไล่ตามนายหญิงของพวกเราน่ะ”
“นั่นน่ะสิ คนที่มาก่อนหน้านี้ถูกลากออกไปเลยนี่นา แต่อย่างน้อยเขาขับรถสปอร์ตหรูหรามาล่ะนะ แถมชุดของเขาก็ค่อนข้างดีเลยทีเดียว”
“แต่คนนี้นี่นอกจากเรื่องที่เขาโทรศัพท์ออกไปแล้ว อย่างอื่นเขานี่ดูธรรมดาเลยจริงๆ แถมบัตรสมาชิกก็ไม่มี คนอย่างนี้ยังกล้าที่จะมาจีบนายหญิงของพวกเราอีกเหรอเนี่ย”
“จิ้จิ้จิ้จิ้จิ้”
เอาเถอะนะ เห็นแก่ความกล้านี้ ใครจะรู้เขาอาจจะจีบหลานสาวของนายหญิงก็ได้นะ
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินดังนั้นเขาก็ได้หยุดเท้าลงในทันที
“พวกนี้คิดว่าฉันมาจีบซิ่วไจ๋ยี่งั้นเหรอ”
เจียงฮ่าวได้หันกลับไปมองบอดี้การ์ดทั้งสองด้วยความประหลาดใจ
เป็นตอนนี้ที่บอดี้การ์ดทั้งสองรู้แล้วว่าตัวเองนั้นพูดดังเกินไป
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้มีท่าทีหวั่นไหว หนึ่งในนั้นยังลอบยกนิ้วให้เขาด้วยซ้ำ
“น้องชาย เห็นแก่ความกล้าหาญของนายนะเนี่ย พี่ชายคนนี้ชอบความใจกล้าของนายจริงๆ”
“แต่บอกไว้ก่อนนะว่าพวกพี่น่ะไม่สามารถปล่อยให้น้องชายเข้าไปได้จริงๆ”
หลังจากพูดจบ คนที่พูดก็ได้มองเจียงฮ่าวตั้งแต่หัวจรดเท้าไปหนึ่งที่ก่อนที่จะแนะนําอะไรบางอย่างออกมา
“น้องชาย พี่ว่าน้องชายเลิกแสดงละครดีกว่านะ พี่ชายว่ารีบกลับไปเรียนต่อดีกว่า”
“อย่าว่าแต่บัตรกิตติมศักดิ์เลย แค่บัตรฟ้าธรรมดา หากน้องชายหามาได้ล่ะก็พี่ชายคนนี้ยินดีที่จะเขียนชื่อตัวเองกลับหน้าหลังเลยเอ้า”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงฮ่าวได้แต่แสดงท่าที่โง่งม เขานิ่งไปเพราะไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
หลังจากใช้ความคิดไปพักหนึ่งแล้ว เจียงฮ่าวก็ได้ยิ้มและพูดออกมาอย่างในใจจะแกล้งคน
“พี่ชาย ถามหน่อยสิว่ามีคนมาตามตอแยนายหญิงของพี่ชายจนต้องขับไล่ออกไปมากมายขนาดนั้นเลยเหรอ”
เป็นตอนนี้ที่บอดี้การ์ดที่กําลังพูดคุยกับเจียงฮ่าวนั้นได้พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า” “ความจริงแล้ววันนี้น่ะนะ…”
เป็นตอนนี้เองที่บอดี้การ์ดคนนี้ได้ร่ายยาวเกี่ยวกับเหล่าผู้คนที่หลงใหลในความงานของนายหญิงของตน
และเป็นตอนนี้เองที่คู่หูของเขาที่กําลังรับฟังความน่าภูมิใจนี้ ก็ได้เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่อยู่ในชุดสูทรีบตรงมายังพวกเขาแต่ไกล
หน้าของบอดี้การ์ดคนนี้เปลี่ยนสีในพื้นที่ เขารีบเตือนคู่หูของตนที่กําลังคุยโอด้วยเสียงเรียกเบาๆ
“ไหลฟู่ หยุดเลยเอ็ง ผู้จัดการซูกําลังมา”
เมื่อได้ยินคําเตือนนี้ทําให้บอดี้การ์ดที่คุยกับเจียงฮ่าวนั้นยึดตัวตรงในทันที
และเป็นตอนนี้เช่นเดีวกันที่เจียงฮ่าวได้เห็นชายวัยกลางคนคนนี้ที่กําลังเดินตรงเข้ามา
เมื่อหันกลับไปดูอีกครั้งก็เห็นบอดี้การ์ดทั้งสองได้กลับเข้าไปประจําที่ของคนแล้ว นี่ทําให้มุมปากของเจียงฮ่าวนั้นยกขึ้นเล็กน้อย
เขาได้พูดออกมากับบอดี้การ์ดคนที่คุยกับเขาเมื่อกี้
“พี่ชายบอดี้การ์ด อย่าลืมเขียนชื่อกลับหลังให้ผมดูทีหลังด้วยนะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น บอดี้การ์ดทั้งสองก็นิ่งอึ้งไป
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้จัดการของพวกเขามาถึงประตูแล้วในตอนนี้ทําให้เพวกเขานั้นไม่ได้คิดมากแต่อย่างใด
หลังจากซูจิวฮุ่ยเดินมาถึง เขาก็เห็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดถึงสิบแปดปีที่ทางเข้าเท่านั้น เมื่อมองไม่เห็นคนอื่นที่อยู่รอบๆแล้ว เขาก็รู้สึกสับสนขึ้นมาในทันที
“ไม่ใช่ว่านายหญิงบอกว่าคุณเจียงอยู่ที่ประตูหรอกเหรอ”
ซูจิวฮุ่ยบ่นพึมพํากับตัวเอง