บทที่ 136 สงสัยและตกใจ
ซิ่วไจ๋ยี่เองก็นิ่งอึ้งไปเหมือนกันเมื่อได้ยิน แต่เธอก็ยังคงตอบไปตามความจริง
“มีค่ะ”
“ดีมาก”
หลังจากนั้นเขาก็ได้เอนหลังลงและหลับตา นี่ทําให้ซิ่วไจ๋ยี่เองรู้สึกกดดันไม่น้อยเลย
เมื่อเห็นท่าทางของเจียงฮ่าวในตอนนี้ทําให้เธอคิดว่าเขานั้นหลงเสน่ห์เธอด้วยซ้ํา
ไม่นาน อาหารก็ได้มาเสริฟ
เจียงฮ่าวได้หยิบตะเกียบขึ้นมาและลองชิมแต่ละจานดู หลังจากนั้นเขาได้ทําการส่ายหัวไปมา ในทันทีก่อนที่จะวางตะเกียบลงโดยไม่พูดอะไรสักคํา
เป็นตอนนั้นที่เขาได้ส่งผักกลายพันธุ์จากระเป๋าไปให้บริกรท่ามกลางสายตาอันสับสนของซิ่วไจยี่
“ช่วยผมหน่อยสิ ทําอาหารแบบเดียวกันนี้จากผักที่ผมนํามาด้วยพ่อครัวของคุณ”
บริกรที่มีอายุอานามราวกับเป็นพี่สาวของเจียงฮ่าวได้นั้นก็มองไปยังเจียงฮ่าวด้วยท่าที่แปลกประหลาด เธอได้รับผักของเจียงฮ่าวไปก่อนที่จะหันไปหาซิ่วไจ๋ยี่ที่กําลังสับสนไม่ต่างกันอยู่ในทันที
ทั้งสองไม่เคยเห็นใครที่นําวัตถุดิบมาเองในการทานอาหารแบบนี้มาก่อน
ถึงแม้ว่าซิ่วไจจะยังไม่รู้ว่าเจียงฮ่าวต้องการอะไรกันแน่ แต่เธอก็ยังเอ่ยปากออกมา
“ไปเถอะน่า บอกอาจารย์จ้าวด้วยว่าให้ตั้งใจขึ้นอีกหน่อย”
หลังจากได้ยินแล้ว บริกรก็ได้นําผักของเจียงฮ่าวตรงไปยังครัวในทันที
แต่เดิมนั้น วัตถุดิบของภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้านั้นได้ซื้อมาจากช่องทางของตัวเองที่เชื่อถือได้ พวกเขานั้นไม่เคยใช้วัตถุดิบของที่อื่นมาก่อน แล้วนับประสาอะไรกับของที่ลูกค้านํามาให้
อย่างไรก็ตาม ด้วยคําสั่งของซิ่วไจ๋ยี่แล้ว ทุกๆอย่างล้วนเกิดขึ้นได้ด้วยคําพูดของเธอ
ยี่สิบนาทีให้หลัง อาหารก็ถูกนมาเสริฟอีกครั้ง
ในครั้งนี้ เจียงฮ่าวได้เผยรอยยิ้มขึ้นมาในทันที และเขาก็ได้ทําการเชื้อเชิญซิ่วไจ๋ยี่มากินด้วยในทันที
ถึงแม้เธอจะยังสงสัยอยู่นั้น ซิ่วไจ๋ยี่ก็ได้หยิบตะเกียบขึ้นมาและทดลองชิมรสชาติในจานอาหารที่พึ่งจะมาเสริฟ
ในทันทีที่อาหารเข้าปากไปแล้ว รสสัมผัสอันรุนแรงและความหอมที่มากเป็นพิเศษได้ระเบิดไปทั่วปากของเธอ
กลิ่นหอมนี้ทําให้เธอนั้นทําให้เธออยากกินอาหารมากขึ้น และนี่เองทําให้เธอนั้นช่วยไม่ได้ที่จะกินอาหารตรงหน้าอีกสักคําสองคําและอีกหลายคํา
ไม่นาน เธอเองก็เริ่มรู้สึกตัวและอายขึ้นมาเล็กน้อย
และในตอนนี้เองก็ทําให้เธอเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นก็ได้ทําการเริ่มลิ้มรสอาหารที่เคยถูกเสริฟมาก่อนหน้านี้
ซิ่วไจ๋ยี่ลองกัดกินไปเพียงสองคํา นี่ทําให้เธอนั้นต้องคิ้วขมวดจนแทบจะถ่มอาหารในปากออกมา
การค้นพบของเธอนี้ทําให้ต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะอาหารอย่างเดียวกัน พ่อครัวคนเดียวกัน แต่ว่ารสชาตินั้นกลับต่างกันแบบสุดๆ
และเป็นตอนนี้เองที่ทําให้เธอนึกถึงผักที่เจียงฮ่าวนํามาเองก่อนหน้านี้ นี่ทําให้สายตาเธอแทบจะทอประกายและหันไปมองเจียงฮ่าวในทัน
“คุณเจียง ผักที่คุณนํามาด้วยนั่น”
ซิ่วไจ๋ยี่ได้มองไปยังเจียงฮ่าวด้วยสายตาที่คาดหวัง ส่วนเจียงฮ่าวนั้นก็กําลังกินอาหารที่ทําจากผักกลายพันธุ์ที่เขานํามาอยู่ในปาก
“พ่อครัวยังไม่ถึงขั้นเท่าไหร่นะ แต่นั่นก็คงไม่ได้ส่งผลอะไรล่ะมั้ง”
เป็นตอนนี้เองที่เขาหันมามองซิ่วไจ๋ยี่และพูดออกมา
“คุณจิ๋วเองก็คงจะรู้สึกได้ถึงความต่างของทั้งสองชุดอาหารได้แล้วใช่รึเปล่า”
ซิ่วไจ๋ยี่ไม่ได้คิดจะคัดคอเฉินเฉียงแต่อย่างใด เธอนั้นกําลังรอคอยอยู่เงียบๆ และเจียงฮ่าวเองก็เข้าใจและทําตามที่เธอต้องการโดยไม่ต้องถามไถ่
“นี่คือผักสายพันธุ์ใหม่ที่ผมได้ทําการพัฒนาขึ้นมา รสชาติของมันนั้นจะเข้มข้นกว่าผักธรรมดาสิบเท่าน่าจะได้
“และด้วยการที่มันเป็นผักสายพันธุ์พิเศษนี้ ผมจึงต้องการหาคนซื้อที่เชื่อถือได้”
“และในเมื่อตอนนี้ผมเองก็เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้านี้ แน่นอนว่าผมต้องเสนอให้ที่นี่ก่อนเป็นอันดับแรก”
“แต่ผมเองนั้นก็ยังไม่มั่นใจว่าคุณซิ่วนั้นต้องการร่วมทําธุรกิจนี้กับผมหรือไม่”
เมื่อกล่าวจบ เจียงฮ่าวก็ได้จ้องมองไปยังซิ่วไจ๋ยี่ด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย
แต่ซิ่วไจ๋ยื่นั้นกําลังตกอยู่ในสภาพตกตะลึง
นี่เธอคงไม่ได้ฟังอะไรผิดไปใช่รึเปล่า เจียงฮ่าวพึ่งจะบอกออกมาว่าเขาทําการพัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาด้วยตัวเอง
นี่เป็นสิ่งที่เด็กนักเรียนคนหนึ่งทําได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ
แม้แต่เหล่าหัวกะทิของประเทศก็ยังไม่มีความสามารถได้ถึงขนาดนี้
แต่เมื่อเธอนึกขึ้นได้ว่าเด็กนักเรียนคนนี้เองเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการทําอาหารคนหนึ่ง นี่ทําให้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องตกตะลึงอีกต่อไป
“คุณซิ่ว คุณสนใจที่จะทําธุรกิจกับผมไหม”
เจียงฮ่าวได้ถามซิ่วไจ๋ยี่ออกมาอีกครั้งในขณะที่กําลังจ้องมองเธอ