บทที่ 138 มีชีวิตเพื่อทําให้ผู้คนตกตะลึง
เจียงฮ่าวยังคงเงียบงั้น
แล้วธุรกิจของเขานี่สรุปแล้วว่ายังไงล่ะเนี่ย
นี่ทําให้เขารู้สึกอึดอัดขึ้นมา
ความตั้งใจของเขานั้น เขาเพียงต้องการจะขายเฉพาะผลผลิตให้กับภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าเท่านั้น โดยคนที่ถือครองพันธุ์ผักไว้นี่ยังคงเป็นเขา
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาคิดดูแล้ว เขานั้นไม่มีที่ปลูกในปริมาณมากๆ
หากว่าทําได้ที่ละน้อยๆ เขาคงไม่สามารถทําอะไรได้อย่างแน่นอน
แต่ถ้าต้องการปลูกจริงจัง เขาทั้งต้องจ้างคนงาน ซื้อที่ดิน และต้องเผชิญหน้าปัญหาอื่นๆอีกมากมาย
ในเมื่อตอนนี้ ซิ่วไจ๋ยี่ ที่รู้คุณค่าของผักพวกนี้ยิ่งกว่าใคร นี่ทําให้เขานั้นสามารถที่จะโยนปัญหาเหล่านั้นให้เธอเป็นคนจัดการ
ยิ่งไปกว่านั้นเมล็ดพันธุ์ผักพวกนี้ได้มาจากระบบ
เมล็ดพันธุ์ที่ได้มาจากผักพวกนี้จะไม่สามารถนําไปปลูกต่อได้
แน่นอนว่านี่จะทําให้เขานั้นขายเมล็ดพันธุ์ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าซิ่วไจยจะนําไปแพร่ขยายพันธุ์ต่อ
นี่ทําให้เธอทําได้เพียงปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ซื้อหาจากเขาได้เพียงเท่านั้น
นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องที่ว่าเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เติบโตได้รวดเร็วเกินกว่าปกติ นี่ถือว่าเป็นปัจจัยสําคัญที่จะทําให้เขานั้นได้รับเงินก้อนใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อคิดได้แบบนี้ เจียงฮ่าวจึงได้พูดออกมา
“ผมจะขายเมล็ดพันธุ์ผักเหล่านี้ให้กับคุณ”
ซิ่วไจ๋ยี่ที่ได้ยินก็แสดงออกมาซึ่งความดีใจในทันทีที่ได้ยินคําพูดของเจียงฮ่าว
“จริงเหรอคะ”
เจียงฮ่าวที่เห็นท่าทางประหลาดใจและปลื้มปริ่มของซิ่วไจ๋ยี่ก็ได้เผยรอยยิ้มละไม
“จริงครับ”
“อย่างไรก็ตาม ด้วยการที่ผมนั้นเป็นผู้ถือครองเมล็ดพันธุ์ผักนี้เพียงคนเดียว นั่นหมายความว่าคุณจะสามารถซื้อเมล็ดพันธุ์เหล่านี้จากผมได้เพียงเท่านั้นนะ”
ซิ่วไจ๋ยี่ที่ได้ยินก็ได้เบิกตาโพลง เธอกัดฟันแน่นในทันทีเมื่อได้ยิน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอโดนใครบางคนถือไพ่ที่เหนือกว่า
แต่เธอเองก็เข้าใจดีว่าทําไมเจียงฮ่าวถึงต้องทําแบบนี้
ซิ่วไจ๋ยี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เสนอราคามาได้เลยค่ะ”
เมื่อเจียงฮาวได้ยินดังนั้น เขานิ่งคิดไปพักใหญ่ก่อนที่จะพูดออกมา
“เอาแบบนี้เป็นยังไงล่ะ ผมจะตั้งราคาไว้ให้กับเมล็ดพันธุ์แต่ละชนิดอยู่ที่แปดล้านต่อกิโลกรัม…”
ก่อนที่เจียงฮ่าวจะทันที่พูดได้จบดี ซิ่วไจยได้กระโดดลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมสายตาที่เบิกกว้าง
นี่ทําให้เธอนั้นแทบจะทนไม่ได้และพูดสาบช่างเจียงฮ่าวออกมาแล้ว
แต่เจียงฮ่าวนั้นได้ยกมือห้ามซิ่วไจยีที่ในตอนนี้เตรียมจะระเบิดอารมณ์ออกมา
เขาได้นําถุงกระดาษหนึ่งออกมา และเลื่อนไปไว้ตรงหน้าของซิ่วไจ๋ยี่
“แล้วก็ ยังมีคุณลักษณะพิเศษอีกหนึ่งอย่างที่เมล็ดพันธุ์ผักพวกนี้มีและผมยังไม่ได้บอกคุณ”
ซิ่วไจยได้ชะงักไปก่อนที่จะพูดออกมา
“อะไรคะ”
เธอนั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมล็ดพันธุ์ผักสายพันธุ์พิเศษเหล่านี้ยังคุณสมบัติที่ไม่ธรรมดาอย่างอื่นอยู่อีก
เจียงฮ่าวเองที่เห็นท่าทางของเธอในตอนนี้ก็ไม่ได้แสดงท่าที่โกรธเคืองและยิ้มออกมา
“ผมได้ปรับปรุงอัตราการเติบโตของเมล็ดพันธุ์ผักเหล่านี้ให้มีรอบการเก็บเกี่ยวที่เร็วขึ้น ระยะเวลานับจากการปลูกจนถึงเก็บเกี่ยวได้ ในตอนนี้พวกมันอยู่ที่หกถึงแปดชั่วโมงครับ”
“หรือจะพูดในอีกความหมายหนึ่งคือเมื่อคุณปลูกผักนี้เอาไว้ช่วงเช้า คุณจะสามารถเก็บเกี่ยวพวกมันได้ในช่วงเย็น
ซิ่วไจยีที่ในตอนแรกก็ว่าจะโวยวายออกมานั้น ในตอนนี้เธอกลับต้องผงะถอยหลังไปเพราะความตกตะลึง เธอมองไปยังเจียงฮ่าวด้วยท่าทางตกตะลึงยิ่งกว่า เธอมองดูราวกับว่าเขานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่พร้อมจะทําให้เธอตกตะลึงได้ทุกเมื่อ
“ว่าไงนะคะ”
เจียงฮาวก็พอจะเดาอาการของเธอออกอยู่แล้วก็ได้รีบกวักมือลงเพื่อให้ซิ่วไจยื่นั่งลงอีกครั้ง
“ก็ไม่แปลกที่คุณจะไม่เชื่อผม ผมก็เลยติดเมล็ดพันธุ์ด้วยนิดหน่อยเพื่อให้คุณลองนํามันไปปลูกในกระถางที่คุณจัดเตรียมเอง”
“ส่วนผลของมันนั้นก็ควรจะเห็นในวันพรุ่งนี้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเราค่อยมาคุยกันอีกทีก็ได้ว่าคุณอยากจะทําธุรกิจนี้กับผมรึเปล่า”
“เอาล่ะ เวลาก็ล่วงเลยมาขนาดนี้แล้ว งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า”
เมื่อพูดจบ เจียงฮ่าวได้ออกไปโดยถือกระเป๋าของเขากลับไปด้วย และนี่ถือว่าการพูดคุยเสร็จสิ้นแล้ว
เจียงฮ่าวได้เดินจากไปโดนที่ซิ่วไจ๋ยี่ยังคงอยู่ในสภาพตกตะลึงที่ยังไม่คลาย
เมื่อเธอได้สติ เธอได้รีบหยิบถุงกระดาษที่เจียงฮ่าวทิ้งเอาไว้ให้อย่างเร่งรีบ และมองซ้ายแลขวาในทันที เมื่อเธอเจอกระถางดอกไม้หนึ่งอยู่ เธอได้ดึงดอกไม้ราคาแพงออกมาอย่างไม่ลังเล
หลังจากนั้นเธอได้ผังเมล็ดพันธุ์ผักที่ได้รับมาในทันที พร้อมกับจ้องมองดูมันอย่างเงียบงัน
หลังจากออกมาจากภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าแล้ว เขานั้นยังเห็นว่ายังมีเวลาอยู่ เขาจึงได้โทรหาที่บ้านและบอกพวกเขาว่าตัวเขานั้นจะไปเดินเล่นซะหน่อย