บทที่ 35 มั่นใจจนใช้สาวงามเป็นพยาน
อย่างที่เจียงฮ่าวคาดไว้ ฉินโชวได้เปิดปากพูดในสิ่งที่ต้องการออกมาโดยไม่ปล่อยให้เขาเปลี่ยนใจ
ฉินโชวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนว่าการแข่งขันจะต้องอันดับบนตารางคะแนน ใครได้มากสุดก็ชนะไป”
“และในเมื่อพวกเรานั้นแมนๆกันอยู่แล้วย่อมมีการเดิมพัน เอาเป็นข้าวสักมือก็พอ”
ในตอนนี้เอง ฉินโชวได้พูดในสิ่งที่คิดเตรียมเอาไว้อยู่ก่อนแล้วโดยไม่ต้องปล่อยให้เจียงฮ่าวถามออกมา
“ข้าวมื้อที่ว่านี้แน่นอนว่าคนแพ้ต้องเป็นผู้จ่าย สถานที่ก็เอาเป็นร้านหอสวรรค์ที่ตั้งอยู่ตรงถนนกลางเมืองก็แล้วกัน แล้วก็ ในมื้อนั้นจะพาใครไปก็ได้นะ ว่าไง เพื่อนนักเรียนเจียงฮ่าวสนใจจะเดิมพันไหมล่ะ นายคงไม่กลัวไปหรอกนะ”
หลังจากฉินโชวพูดออกมานั้นก็ได้จ้องมองไปยังเจียงฮ่าวด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน และพยายามถามแกมบังคับออกมาเชิงขอความเห็น
ในตอนนี้เอง นักเรียนที่จะมาเข้าสอบเมื่อได้ยินต่างก็ลอบนิ่งอึ้งกันไปในทันที
“ระระร้านหอสวรรค์เหรอ นั่นมันภัตตาคารติดอันดับหนึ่งในสามของเมืองเทียนเหอเราเลยนะ แถมยังติดอันดับในจังหวัดเจียงเป่ยอีกด้วย”
“ฉันก็รู้จัก ได้ยินมาว่าแค่ไวน์ขวดเดียวของที่นั่นก็ต้องใช้เงินกว่าหมื่นหยวนแล้ว แถมยังมีระดับแสนหยวนอีกด้วย”
“…..”
ทุกคนๆได้พูดคุยกันโดยรอบ และแน่นอนว่าทุกคำพูดนั้นจียงฮ่าวต้องได้ยิน
ซ่งหว่านเอ๋อเองที่อยู่ข้างๆก็ได้ยิน เธอได้แอบดึงหลังของเจียงฮ่าวอีกครั้ง
เธอหวังจริงๆว่าเจียงฮ่าวจะไม่ตกลง
ในฐานะของลูกสาวราชันย์หยกแล้วเธอย่อมรู้ดีว่าหอสวรรค์นั้นเป็นภัตตาคารแบบไหน ยิ่งไปกว่านั้นขนาดพ่อของเธอเองยังมีเพียงบัตรสมาชิกระดับม่วงซึ่งเป็นบัตรระดับกลางเท่านั้น
ในตอนนี้เอง เจียงฮ่าวก็ยังคงสงบหลังจากได้ยินคำกระซิบกระซาบของซ่งหว่านเอ๋อเกี่ยวกับบัตรม่วงของพ่อเธอ แต่ตัวเขานั้นเมื่อได้ยินแล้วก็ไม่ได้รู้สึกตกใจแต่อย่างใด
หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดกับฉินโชวออกมา
“ก็ดี ในเมื่อนายยากจะพนัน ฉันก็จะพนัน”
หลังจากนั้น เจียงฮ่าวก็ได้หันไปหาซ่งหว่านเอ๋อแล้วพูดออกมาว่า “ในเมื่อตกลงพนันกันแล้วก็ให้เพื่อนนักเรียนซ่งหว่านเอ๋อเป็นพยานก็แล้วกัน”
ในตอนนี้ ซ่งหว่านเอ๋อที่คิดว่าเจียงฮ่าวนั้นเข้าใจคำเตือนของเธอเมื่อครู่นี้ก็นึกว่าเขาจะตอบปฏิเสธออกไป ไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็นว่าคำพูดของเธอราวกับกระตุ้นให้เจียงฮ่าววไม่ถอยหนี แถมยังให้เธอเป็นพยานซะอีก
นี่จะไม่ให้เธอโกรธได้ยังไง
ซ่งหว่านเอ๋อในตอนนี้เองราวกับสูญสิ้นความหวัง ได้แต่ลอบมองเจียงฮ่าวด้วยสายตาเขียวปั๊ด
ในเมื่อเรื่องมันเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอคงทำได้เพียงขอยืมบัตรม่วงของพ่อเธอมาช่วยเจียงฮ่าวเท่านั้น
และในตอนนี้เองที่เด็กนึกเรียนโดยรอบต้องประหลาดใจจนต้องส่งเสียงออกมา พวกเขานั้นได้จ้องมองเจียงฮ่าวราวกับตัวโง่งมปัญญาอ่อนในทันใด
“โกหกน่า ฉันว่าในหัวของมันต้องมีแต่ปลาแน่ๆ แค่ได้ยินก็รู้ว่าเป็นกับดัก ยังกระโจนลงไปกับดักเอาซะดื้อๆอีก”
“เฮ้ออออ ฉันว่าไอ้หมอนี่มันอ่อนแต่โลกเกินไปจนไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรถึงได้ตกหลุมพลางง่ายขนาดนี้”
“ไอ้ฉิบหาย ฉันว่าเจียงฮ่าวต้องหมดตัวตั้งแต่หนุ่มแน่นแน่ๆ”
“ชู่ววววว รีบๆแยกย้ายกันดีกว่า ขืนอยู่นานมีหวังได้ติดเชื้อโง่แน่ๆ”
“……”
แค่ฟังที่ทุกคนพูดก็รู้ว่าไม่มีใครเลยที่จะเชื่อว่าเจียงฮ่าวนั้นจะชนะฉินโชวได้ นั่นก็เพราะยังไงซะ ฉินโชวก็ทำคะแนนได้ติดอันดับท็อปสิบมาตลอดทุกการสอบ
และเจียงฮ่าวเองก็สิ่งมีชีวิตที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวล้มเหลวแห่งชั้นปี เรียกได้ว่าทั้งสองนั้นไม่ได้อยู่ระดับเดียวกันเลยสักนิด
แต่ที่ทุกคนคิดไม่ถึงก็คือ ฉินโชวนั้นไม่ได้คาดหวังว่าเจียงฮ่าวจะให้ซ่งหว่านเอ๋อมาเป็นพยานในครั้งนี้
นี่ทำให้ฉินโชวเองไม่ได้สงสัยอะไรแถมยังรู้สึกดีใจอย่างออกนอกหน้า
“เยี่ยม ครั้งก่อนแกรอดจากความตายไปได้ แต่คราวนี้แกไม่มีทางรอดแน่ๆ นี่คือผลมาจากการกล้ากำแหงใส่ฉัน”
ฉินโชวได้ลอบสาบแช่งอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นซ่งหว่านเอ๋อในตอนนี้ทำให้เขานั้นนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง