บทที่ 36 ถ้าอิจฉาริษยานักก็จงชนะให้ได้แล้วกัน
ในตอนนี้ ฉินโชว ได้หันไปหาซ่งหว่านเอ๋อแล้วพูดออกมา
“เรื่องในครั้งนี้ต้องรบกวนเพื่อนนักเรียนหว่านเอ๋อแล้ว แต่ในฐานะพยานนั้นต้องห้ามช่วยเพื่อนนักเรียนเจียงนะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ทำให้ซ่งหว่านเอ๋อถึงกับชะงักและเตรียมที่จะกระโดดทืบฉินโชวในทันทีที่เพราะนี่ไม่ได้ต่างจากการกล่าวหาว่าเธอเป็นคนเล่นไม่ซื่อ
แต่เป็นเจียงฮ่าวที่จับบ่าของซ่งหว่านเอ๋อเอาไว้และได้พูดออกมาว่า
“โอ้….อย่ากังวลไปเลยน่า ฉันไม่ยอมให้นายหาโอกาสบ่ายเบี่ยงด้วยเรื่องเด็กๆแบบนี้หรอกนะ ยังไงซะฉันก็ไม่มีทางแพ้อยู่แล้ว”
ฉินโชวเองที่ได้เห็นความมั่นใจของเจียงฮ่าวแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ แต่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นข่าวดีสำหรับมันแล้วที่ไอ้ขยะนี่เป็นคนหลงตัวเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าเพื่อนนักเรียนเจียงจะมั่นใจมากเลยนะ ถ้างั้นเราก็มารอดูผลก็แล้วกัน”
หลังจากพูดจบ ฉินโชวก็ได้หมุนตัวกลับอย่างเชิดๆแล้วก้าวเข้าไปในห้องสอบทันที
หลังจากการแสดงฉากนี้จบลงแล้ว เหล่านักเรียนที่ได้เห็นได้ยินเหตุการณ์ต่างก็ส่ายหัวและถอยหนี ก่อนที่จะเดินเข้าสอบกันไปในทันทีราวกับหลบหนีจากตัวเชื้อโรค
ทุกคนกลัวจริงๆว่าจะต้องติดเชื้อโง่จากเจียงฮ่าว
ซ่งหว่านเอ๋อเองตอนนี้ก็ดูเหมือนจะโกรธเจียงฮ่าวอยู่เล็กน้อย เธอได้เม้มปากและจ้องมองไปยังเจียงฮ่าวตาเขียวนิดนุง
เจียงฮ่าวเองก็อึ้งไปเล็กน้อยเหมือนกันที่ได้เห็นท่าทางน่ารักจองซ่งหว่านเอ๋อ
อย่างไรก็ตามคำได้เรียกสติคืนกลับมาอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นก็ได้เผยรอยยิ้มกว้างให้กับซ่งหว่านเอ๋อและพูดออกมาว่า “ไม่เป็นไรน่า เชื่อฉันสิ”
“ในตอนนี้ตัวฉันไม่ต้องมีอะไรปิดบังแล้ว มันถึงเวลาที่ต้องแสดงความแข็งแกร่งและสร้างชื่อให้ตัวเองบ้างแล้ว”
เจียงฮ่าวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและห้าวหาญบ่งบอกถึงความมั่นใจ
เมื่อเห็นว่าเจียงฮ่าวมั่นใจตัวเองซะขนาดนั้น ทำให้ซ่งหว่านเอ๋อเองกลับกลายเป็นฝ่ายนิ่งอึ้งไปแทน
“ไม่เป็นไรน่า เราเข้าห้องสอบกันเถอะ”
ไม่เพียงจะพูดออกมา เจียงฮ่าวได้จับมือของซ่งหว่านเอ๋อจูงเข้าไปในห้องสอบอย่างหน้าตาเฉย
เมื่อส่งหว่านเอ๋อได้สัมผัสไออุ่นจากมือที่หนาและแข็งแรงทำให้ซ่งหว่านเอ๋อเองก็สะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่จะเดินตามไปอย่างว่าง่ายด้วยใบหน้าที่แดงฉาน
เธอปล่อยให้เจียงฮ่าวจูงมือเธอเข้าไปอย่างว่าง่าย
ภายในห้องสอบตอนนี้ ผู้คนต่างก็จ้องมองฉากจับมือนี้ได้เด่นชัดกันทุกคน
ทุกคนได้นิ่งอิ้งไปในทันที
เมื่อสัมผัสถึงสายตาอันแปลกประหลาดของผู้คนโดยรอบแล้วทำให้ซ่งหว่านเอ๋อรีบชักมือกลับในทันที และเธอได้นั่งที่แถวหน้าและก้มหน้าก้มตาฟุบลงไปเพื่อจะได้ไม่ต้องเขินอายจากสายตาผู้คน
และนี่เองทำให้ผู้คนโดยรอบราวกับระแคะระคายอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะหันไปมองเจียงฮ่าวด้วยความเกลียดชัง ในตอนนี้มีแต่คนสอบแช่งเจียงฮ่าวให้ตายๆไปซะให้พ้นๆ
และแทบจะในทันทีที่ซ่งหว่านเอ๋อนั่งลง ได้มีเสียงแซ่ซ้องตระโกนสาบแช่งอยู่ไกลๆ
“อ้ากกกกกกก นางในฝันของฉัน ฉันจะไปฆ่าไอ้เจียงฮ่าวนั่น”
“เฮ้อออ นี่มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว นั่นมันนางในฟันของฉันเลยนะเว้ย”
“แม่มันเถอะ หัวกระหล่ำดีๆถูกหมูตัดหน้าไปอีกแล้ว”
“……”
ท่ามกลางเสียงแซ่สาบแช่งเจียงฮ่าวราวกับเป็นศัตรูนั้น
ฉินโชวที่เข้ามานั่งริมหน้าต่างก่อนเป็นคนแรก ในตอนนี้หน้าตาของมันนั้นราวกับผีร้ายที่จ้องมองเจียงฮ่าวอย่างกินเลือดกินเนื้อ
แต่ภาพของผีร้ายตัวนี้ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเจียงอ่าวแต่อย่างใด เขาทำเพียงแค่เดินเข้าไปนั่งหลังห้องประจำที่ของเขาเหมือนเดิม
“…..”
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว และก็ได้ถึงเวลาทำข้อสอบซ้อมแล้ว
ทุกๆคนต่างก็ตั้งใจทำข้อสอบอย่างตั้งใจ
แต่กลับเจียงฮ่าวนั้น ในตอนนี้เขาทำเพียงเปิดข้อมสอบดูไปที่ละหน้า เมื่อเขาเห็นคำถามทั้งหมดแล้ว ปัญหาในแต่ละข้อก็ราวกับได้ถูกเฉลยอยู่ในจิตสำนึกของเขา ดูเหมือนว่าจะไม่มีข้อไหนที่เขาจะตอบไม่ได้เลยสักนิด
เมื่อเห็นแบบนั้น เขาจึงได้เริ่มเขียนคำตอบด้วยปากกาของตน และในตอนนี้ทั่วทั้งห้องก็มีแต่เสียงขีดเขียนเท่านั้น
ไม่นานนัก ครึ่งชั่วโมงได้ผ่านไป ทุกคนๆยังดำดิ่งอยู่ในห้วงภวังในการคิดหาคำตอบและเขียนคำตอบอย่างจริงจัง ในตอนนั้นเองก็ได้มีเสียงหนึ่งทำลายภวังนั้นดังขึ้นมา
“อาจารย์ ผมเสร็จแล้ว อาจารย์มารับกระดาษคำตอบไปได้เลยรึเปล่าครับ”
ทันทีที่ได้ยิน ทุกคนต่างก็หันไปหาต้นเสียงในทันที
เมื่อทุกคนได้เหว่าเป็นเจียงฮ่าวที่พูดออกมาทำให้ทุกคนในห้องนั้นตกใจในทันที บางคนนั้นรู้สึกทึ่ง บางคนรู้สึกสมเพส บางคนก็คิดไปถึงเรื่องพนัน
“ไอ้ฉิบหาย เจียงฮ่าวเสร็จแล้วเหรอ”
“ไม่มีทาง ฉันยังทำได้ไม่ถึงครึ่งเลยนะ”
“ฮึ่ม มันก็แค่จะก่อกวนเท่านั้นล่ะวะ”
“ฮืม ฉันว่ามันตัดใจที่จะแข่งกับฉินโชวเลยคิดจะโยนการสอบนี้ทิ้งไปเลยมากกว่า”
“….”