บทที่ 40 หลังจากนี้คงต้องเร้นกาย
เจียเร็นที่ในตอนนี้จ้องมองฉากที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าที่ที่น่าเกลียดน่ากลัว
“เหอะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าแกจะรักษาไอ้แก่นี่ยังไง โลกใบนี้มีคนตายอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ต่อให้เป็นเด็กอย่างแกก็ตายได้ง่ายๆนะโว้ย”
ในตอนนี้เอง ผู้คนโดยรอบที่เห็นการกระทำของเจียงฮ่าวก็ไม่เชื่อในทันทีว่าสิ่งที่เจียงฮ่าวกำลังทำอยู่นี้คือการช่วยชีวิตคน
“นั่นน่ะนะวิธีช่วยชีวิตคน”
“ไอ้ฉิบหาย ไอ้เด็กเวร มันสร้างปัญหาอยู่ไม่ใช่รึไง”
“ฉันรู้อยู่แล้วว่าไอ้เด็กแบบนี้จะไปทำอะไรได้ พวกเราออกไปห่างๆดีกว่า เพื่อไอ้แก่นั่นเป็นอะไรไปเราจะได้ไม่โดนหางเลข”
“….”
เจียงฮ่าวที่ในตอนนี้แกล้งทำเป็นปฐมพยาบาลและนวดคลายเส้นไปบนร่างกายของชายชราแต่ความจริงแล้วลอบถ่ายทอดแก่งแห่งชีวิตเข้าไปในร่างชายชรา
“ติ้ง เรียนนายท่าน การถ่ายทอดเสร็จสมบูรณ์”
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาได้หยุดมือลงในทันที ก่อนที่จะมองไปยังใบหน้าของชายชราด้วยความคาดหวัง
เมื่อเห็นดังนั้น เจียเร็นที่เห็นโอกาสเอาคืน ได้พูดออกมา
“เหอะ เห็นไหมล่ะ แกล้งทำเป็นรู้แต่ก็ทำห่าอะไรไม่ได้เหมือนกันแหล่ะ นี่แกคิดว่าแค่จับๆนวดๆเขาแล้วจะดีขึ้นรึไงกัน ตลกแล้วล่ะไอ้…”
“รอดูอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ”
เจียเร็นที่ได้ยินก็ได้สงบปากลง
เจียงฮ่าวไม่ได้ใส่ใจคำพูดของหมอคนนี้แม้แต่น้อย เพราะเขาเริ่มเห็นแล้วว่าสีหน้าของชายชราคนนี้เริ่มกลับมามีสีอีกครั้ง
และสิ่งที่เจียงฮ่าวเฝ้ารอก็ได้บังเกิดตรงหน้า
“แค้ก…แค้ก…..”
นี่ฉันเป็นอะไรไป
เป็นชายชราได้ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับไอเบาๆ
เทียนทงที่รออยู่ไม่ห่างนักก็ได้รู้สึกอยากจะร้องไห้ขึ้นมาในทันทีที่เห็นปู่ของตนฟื้นขึ้นมา จากคนที่เป็นลมหน้าซีด ในตอนนี้ตัวเขานั้นราวกับพึ่งตื่นนอนหลังจากหลับสนิทมาเท่านั้น
เธอร้องไห้ออกมาดังลั่นอย่างมีความสุข
“ปู่…คุณปู่…ปู่ตื่นแล้ววว”
“แงงงง แงงงงง แงงงงง”
“หนู…หนู…หนู นึกว่าจะไม่ได้เห็นปู่อีกแล้วววววววว”
หลังจากไอออกมีอีกเล็กน้อยและกำลังประเมินสถานการณ์ที่เห็นหลานของตนเขามาสวมกอดร้องห่มร้องไห้ด้ยความดีใอย่างหนักนี้ ฉากนี้ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบอดที่จะกู่ร้องออกมาอย่างดีใจและประหลาดใจไม่ได้
“โกหกน่า แม่งเอ๊ย ตื่นขึ้นมาแล้ว ตาแก่นั่นฟื้นขึ้นมาจริงๆ”
“พระเจ้า คุณพระคุณเจ้า เขาช่วยคนด้วยวิธีแบบนั้นได้ยังไงกัน”
“เฮ้ออออ…. ฉันเองทำเกินไปจริงๆ ถ้าไม่เข้าไปห้ามเขาคงช่วยให้ชายชราคนนี้ฟื้นได้ตั้งนานแล้ว”
“พระเจ้าช่วย อย่าบอกนะว่านั่นเป็นการกดจุดน่ะ มันช่วยคนได้ถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
“….”
ในระหว่างที่ผู้คนกำลังตกตะลึงจนต้องพูดคุยกันเกี่ยวกับช่วยชีวิตชายชราคนนี้อยู่นั้น ชายชราได้ยืนขึ้นมาด้วยคนเองราวกับว่าเขานั้นไม่ได้เจ็บป่วยจนใกล้ตายแบบมั่วครู่เลยสักนิด
นี่ยิ่งทำให้ทุกคนตกตะลึงเข้าไปเป็นการใหญ่
โดยเฉพาะเจียเรนที่ตกใจกว่าใคร ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยคำถามที่หาคำตอบไม่ได้มากมาย ราวกับว่าเรื่องในครั้งนี้ทำให้เขานั้นขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว พร้อมทั้งพูดพึมพำอะไรบางอย่างออกมา
“เป็น ไป ได้ ยัง ไง เป็นไปได้ยังไงกัน”
อย่างไรก็ตาม เขาได้รีบคืนสติมาโดยเร็ว
“ไม่ ฉัน ฉันต้องเรียนรู้วิธีการนี้จากเขาให้ได้ ฉันต้องกราบเขาเป็นอาจารย์ ใช่ ใช่แล้ว ฉันต้องทำให้เขายอมรับฉันเป็นลูกศิษย์ให้ได้…..”
เขาได้รีบหันไปหาเจียงฮ่าว แต่เจียงฮ่าวนั้นหลังจากช่วยชีวิตคนแล้ว เขาได้อาศัยช่วงชลมุนเร้นกายออกไปอย่างไร้ร่องรอย
“คุณปู่คะ เป็นเด็กคนนี้ที่ช่ว….”
เทียนทงที่ในตอนนี้ใบหน้าอาบด้วยน้ำตากำลังจะพยายามแนะนำให้ปู่ของคนรู้จักคนที่ช่วยชีวิต แต่เมื่อหันไปดูอีกครั้งก็ไม่มีใครอยู่แล้ว
“ห้ะ เขาหายไปไหนล่ะ เมื่อกี้ยังอยู่ตรงนี้อยู่เลยนี่นา”
เทียนทงได้ลนลานรีบมองหาเจียงฮ่าวท่ามกลางผู้คนในทันที
และตอนนี้เองก็เป็นตอนที่ชายชราผู้นี้เข้าใจเรื่องราวในที่สุด
โรคประจำตัวเก่าของเขานั้นคงจะมากำเริบเอาตอนนี้ แต่กลับมีบุคคลอันประเสริฐบางคนพยายามช่วยชีวิตเขาให้จงได้
เหนือสิ่งอื่นใดนั้นก็คือทั่วทั้งร่างของเขาในตอนนี้กลับรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ความเจ็บปวดในหัวของตนเองก็จางหายไปราวกับไม่เคยมีอาการมาก่อน
นี่ทำให้เขานั้นตกตะลึงยิ่งกว่าใคร นั่นก็เพราะตัวเขาเองนั้นย่อมรู้อาการของตัวเองดีว่าแม้แต่สุดยอดแพทย์แผนจีนโบราณอย่างเกากัวกัวก็ยังรักษาเขาได้ไม่หายขาด และทำได้เพียงยื้อชีวิตไว้ได้เท่านั้น
นี่ทำให้เขานั้นต้องถอนหายใจออกมาอย่างมีความสุขที่ได้มีโอกาสได้รับการช่วยชีวิตจากผุ้เชี่ยวชาญที่บังเอิญได้ผ่านทางมา
อย่างไรก็ตาม เขานั้นไม่สามารถปล่อยให้ผู้มีพระคุณจากไปเฉยๆโดยที่เขานั้นไม่ได้ตอบแทนแบบนี้ได้เช่นเดียวกัน
หลังจากปลอบหลานสาวของตนแล้วนั้น เขาได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วทำการโทรออกไป
“ผอ.หวัง นี่ฉันเอง เทียนเท็ง ฉันมีเรื่องจะให้ช่วย…”
“….”