บทที่ 42 ยิ่งขอร้องยิ่งอวดดี้
ในขณะเดียวกัน ฉินโชวนั้นไม่ใช่เพียงคนเดียวที่รู้สึกว่าคำพูดของเจียงฮ่าวอวดดีเกินไป แม้แต่เหล่านักเรียนที่ถือหางฉินโชวก็ยังต้องนิ่งคิดและสาบแช่งในทันทีที่ได้ยิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่คิดเลยว่าเพื่อนนักเรียนเจียงฮ่าวจะเป็นคนเช่นนี้”
“ทำพวกเราปวดใจเหรอ ฮ๋าฮ๋าฮ๋า ไม่กลัวหรอกเว้ย พวกเรานั้นไม่กลัวที่จะต้องเจ็บปวดหรอก”
“ไอ๊หยา….อวดดีอะไรกันขนาดนี้ ขยะที่ทิ้งการสอบไปแบบแกเนี่ยนะจะมากลัวพวกเราเจ็บปวดเรื่องคะแนนสอบ”
“….”
ทุกคนในตอนนี้อดที่จะล้อเลียนและสาบแช่งเจียงฮ่าวเสียมิได้ และในตอนนี้ทุกๆคำที่คนเหล่านี้พูดออกมานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการเยาะเย้ย ดูถูก และถากถาง
ในตอนนี้เอง ฉินโชว ขี้เกียจจะต่อล้อต่อเถียงเพื่อยืดเวลาตายให้เจียงฮ่าวอีกต่อไป
“เอาล่ะ ในเมื่อเพื่อนนักเรียนเจียงฮ่าวผู้นี้มั่นใจนักล่ะก็ เรามาดูผลการสอบกันดีกว่า”
เมื่อพูดจบ มันได้หันไปหาซ่งหว่านเอ๋อที่อยู่ข้างๆ
“เพื่อนนักเรียนหว่านเอ๋อ เธอก็ควรมาดูด้วยกันกับฉันนะ ในฐานะที่เธอเป็นพยาน ไม่ว่ายังไงแล้วเธอก็ห้ามหนีเด็ดขาด”
เมื่อซ่งหว่านเอ๋อได้ยินดังนั้น เธอก็ทำได้เพียงขมวดคิ้วและมองไปยังเจียงฮ่าว
เจียงฮ่าวเองเมื่อเห็นก็ได้ส่งรอยยิ้มหวานให้ก่อนเดินเข้าไปอยู่ตรงหน้าซ่งหว่านเอ๋อที่กำลังสบสนอยู่ท่ามกลางสายตานักเรียนทั้งหลาย
“ก็นะ ฉันเองได้สร้างปัญหาให้เธอเข้าซะแล้วสิ ยังไงซะก็ช่วยเป็นพยานให้หน่อยแล้วกันแล้วดูให้ทีว่าผลออกมาเป็นยังไง”
เมื่อซ่งหว่านเอ๋อได้เห็นความมั่นใจของเจียงฮ่าวนี้ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวไปเล็กน้อย
“ได้จ้ะ”
ซ่งหว่านเอ๋อตอบกลับมาด้วยเสียงอันนุ่มนวล
เหล่านักเรียนที่อยู่ในอาณัติที่เห็นว่าทั้งสองได้มองข้ามฉินโชวไปนั้นก็ได้ทยอยเดินเข้ามากีดขวางคนทั้งสองโดยแสร้งทำเป็นเดินเข้าไปดูผลการสอบ
ซ่งหว่านเอ๋อที่รู้ตัวแล้วถูกทำลายบรรยากาศก็เลยเดินเข้าไปดูด้วยในทันที
อีกใจหนึ่งนั้น เธอบังเกิดความรู้สึกที่ว่าเจียงฮ่าวนั้นไม่ได้ยอมรับความพ่ายแพ้แต่อย่างใด นี่ทำให้เธอนั้นมีความสุขไม่น้อยเลยทีเดียว
อีกฝากฝั่งหนึ่งนั้น เธอก็กลัวว่าหากผลออกมา ถึงแม้ว่าเจียงฮ่าวจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ยังไงซะเขาก็ต้องแพ้จริงๆ และนี่ทำให้ตัวเขานั้น ต้องโดนกระหน่ำซ้กเติมอย่างแน่นอน
และฉากนี้เอง ฉินโชวก็ได้เห็นเช่นเดียวกัน ใบหน้าของมันนั้นดำคล้ำจนไม่สามารถเก็บกั้นไว้ได้อีกต่อไป จนคนรอบข้างสัมผัสได้
สายตาอำมหิตได้ส่องประกายออกมาในทันที ก่อนที่มันจะพูดออกมาอย่างเย็นชา
“รีบๆดูให้มันจบๆไป”
“…..”
ทันทีที่กลุ่มของฉินโชวไปถึง มันได้เห็นนักเรียนมากมายไปออกันที่หน้ากระดานประกาศคะแนน เมื่อเห็นดังนั้น ฉินโชวได้มองไปยังลูกน้องที่เป็นนักเรียนด้วยกันโดยไม่เปิดปาก
เหล่าลูกน้องได้เข้าไปกวาดต้อนคนออกจากพื้นที่ในทันที
กับเหล่านักเรียนที่รู้อยู่แล้วว่าคะแนนของพวกเขานั้นสำคัญขนาดไหน แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์แล้ว พวกเขาก็รู้ตัวในทันทีว่าต้องออกไปจากที่นี่ก่อน
แต่ก็ยังมีบางคนเหมือนกันที่ยังไม่รู้เหนือรู้ใต้ พวกเขานั้นโดนผลักออกไปโดยลูกน้องของฉินโชว ถึงแม้พวกเขาจะโกรธแต่ก็ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
และไม่นานนัก กลุ่มของฉินโชว ก็ได้เดินมาอยู่กันตรงหน้าบอร์ดประกาศคะแนน
“เฮ้ ฉันเจอชื่อของฉินโชวแล้ว เขาได้คะแนนรวม 632 คะแนน อันดับห้องเขาได้อันดับสาม อันดับโรงเรียนเขาได้อันดับห้า และอันดับในสี่โรงเรียนเขาได้อันดับที่สิบสอง”
“เฮ้ออออ งวดนี้เขาทำคะแนนได้ไม่ดีเลยแหะ ถึงมันจะเป็นแค่การทดสอบก็ตาม”
ฉินโชวเองก็ได้เข้าไปดูคะแนนด้วยตาตัวเองแล้วเหมือนกัน ในตอนแรกนั้นทุกคนคิดว่าจะได้ยินคำพูดที่เยาะเย้ยถากถางมาจากปากของเขาตามปกติ แต่ด้วยคะแนนที่ออกมานี้ทำให้เขาเองไม่อยากจะพูดออกมาสักเท่าไหร่
แต่ในตอนนี้เหล่าผู้คนใต้อาณัติของเขากลับทำออกมาในสิ่งตรงกันข้าม
“ว้าว น่ามหัศจรรย์จริงๆ ตั้ง 632 คะแนนแน่ะ”
“เหอะ อัจฉริยะ ยังไงซะก็ยังเป็นอัจฉริยะอยู่วันยังค่ำ”
“เฮ้ออออ นี่คือความแตกต่างระหว่างหัวกระทิกับกากมะพร้าวนั่นแหล่ะนะ ถึงแม้ว่าสำหรับพวกหัวกะทิแล้ว 632 คะแนน จะไม่ได้มากมายอะไรเลย แต่สำหรับพวกเรานั้นทั้งชั่วชีวิตคงทำไม่ได้เป็นแน่”
“632 คะแนนเลยนะ ฉันว่าอย่างนี้คงไม่ต้องดูกันแล้วล่ะ ไม่ว่ายังไงไอ้เวรเจียงฮ่าวยังไงก็แพ้”
“….”
ฉินโชวเองที่กำลังนึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจเมื่อได้ยินนั้น มันไม่ได้หันไปดูเจียงฮ่าวแม้แต่น้อยเพราะคิดว่ายังไงก็ชนะอยู่แล้ว และหันไปมองซ่งหว่านเอ๋อที่อยู่ข้างๆในทันที
ด้วยคะแนน 632 คะแนนนี้ทำให้เขาเชื่อมั่นว่าย่อมอยู่เหนือทั้งสองคนนี้ได้
ในตอนนี้เอง ซ่งหว่านเอ๋อได้พูดออกมา
“โอ๊ะ เจอแล้ว ของฉันคะแนนรวม 681 คะแนน ฮืม อันดับโรงเรียนอยู่ที่สองเหรอ”
ซ่งหว่านเอ๋อนั้นขมวดคิ้วในทันทีที่พูดออกมา ราวกับจับสังเกตบางอย่างได้
“อันดับในสี่โรงเรียนอยู่ที่สาม”