บทที่ 44 เมื่อรู้แล้วก็อาละวาด
ฉินโชวในตอนนี้นั้น มันสัมผัสได้ถึงความดูถูกที่ปรากฎขึ้นมาจากสายตาของซ่งหว่านเอ๋อได้ในทันที
นี่ยิ่งทำให้มันนั้นรู้สึกอึดอัดได้เสียยิ่งกว่าการถูกจับจ้องจากคนรอบข้างมากมายนัก แต่ไม่นาน เขาก็นึกถึงเหตุผลดีๆมาแก้ตัวจากการกระทำของเขาได้แล้ว
“ฉันจะไปวิ่งหนีได้ยังไงกันล่ะ ฉันแค่คิดว่าผลคะแนนนี้ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ฉันเลยคิดว่าจะไปห้องของอาจารย์เพื่อตรวจสอบกระดาษคำตอบ”
“โอ้ ดีเลย ถ้าอย่างนั้นฉันขอไปด้วยสิ”
เจียงฮ่าวพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
นี่ทำให้ซ่งหว่านเอ๋อที่อยู่ข้างๆนึกสงสัยในทันทีที่ได้เห็นสีหน้าของเจียงฮ่าวในตอนนี้
“ทำไมพวกเราไม่ไปดูด้วยกันล่ะ ฉันเองก็พึ่งจะรู้เนี่ยแหล่ะว่าสามารถขอดูกระดาษคำตอบได้ พอดีฉันมีข้อสงสัยในคะแนนตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีจะได้ให้อาจารย์ช่วยดูให้ด้วยเลย”
ตอนนี้เมื่อฉินโชวได้ยินประโยคนี้ของเจียงฮ่าว ทำให้ตัวมันนั้นนิ่งแข็งค้างไปในทันใด
คนอื่นที่ได้ยินกก็รีบเห็นด้วยในทันที
“ไปเลย ไปทั้งหมดนี่แหล่ะ”
“ใช่แล้ว ต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ”
ในตอนนี้เป็นฉินโชวที่เริ่มรู้สึกแล้วว่าไม่น่าเลยจริงๆ
นั่นก็เพราะ เจียงฮ่าวเป็นฝ่ายเสนอไม่สิ ต้องการไปด้วยตัวเองแบบนี้มีหรือที่เขานั้นจะอยู่เป็นสุขได้
“ไปเลย คะแนนของฉันเองก็อาจจะผิดด้วยเหมือนกัน”
ฉินโชวในตอนนี้ถูกเจียงฮ่าวลากจูงไปราวกับลูกไก่ที่ทำได้เพียงตามแม่ของมันไปทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด
ตัวมันนั้นในตอนนี้ทำได้เพียงเชื่อมั่นว่าผลคะแนนจะผิดจริงหรือไม่ก็เป็นความผิดพลาดจากการตรวจข้อสอบเท่านั้น
ไม่นาน กลุ่มนักเรียนก็ได้มาถึงยังห้องพักอาจารย์ ผอ.ที่เป็นชายวัยกลางคนล่างอ้วนกำลังนั่งจิบเบียร์อยู่ และยิ่งเห็นภาพนี้เข้าไปยิ่งทำให้ซ่งหว่านเอ๋ออยากจะดูกระคำตอบเข้าไปใหญ่
ผอ.นั้นย่อมรู้ดีว่าซ่งหว่านเอ๋อนั้นเป็นลูกสาวของจักรพรรดิหยกซ่งหว่านซ่ง แน่นอนว่าเขานั้นย่อมยินดี
แต่เมื่อผอ.นั้นรู้ว่าคนเหล่านี้มาเพื่อที่จะดูกระดาษคำตอบของเจียงฮ่าว ถึงแม้จะไม่ค่อยอยาก แต่เขาเองก็จำใจต้องหากระดาษคำตอบนั้น เมื่อเขาเจอแล้วก็ได้พูดออกมา
“โอ้ งั้น เธอก็คือเจียงฮ่าวเจ้าของกระดาษนี่สินะ”
“นี่แสดงว่าคะแนนของเจียงฮ่าวมีปัญหาจริงๆใช่รึเปล่าครับ”
“ก็ไม่เชิง ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้ฉันประหลาดใจมากนักแต่ฉันบอกได้เลยว่าคะแนนของเจียงฮ่าวนั้นถูกต้องแล้ว”
“ในตอนแรกนั้น พวกอาจารย์เองก็คิดเหมือนกันว่าตรวจผิด แต่หลังจากดูแล้วดูอีกตรวจอีกสองสามครั้งคะแนนก็ยังได้เท่าเดิม”
“เรื่องนี้เองก็ทำให้อาจารย์ของพวกม.ปลายปีสามตกตะลึงจนไม่ยอมเชื่อไปเหมือนกัน เมื่อรู้ว่าเจียงฮ่าวที่ก่อนหน้านี้ทำคะแนนไม่ได้เรื่องแต่กลับทำคะแนนสอบครั้งนี้ได้ดีถึงขนาดนี้”
“อย่างไรก็ตาม ด้วยคะแนนสูงขนาดนี้ ต่อให้เจียงฮ่าวมีโพยหรือโกงข้อสอบก็ไม่มีทางเลยที่จะทำได้ พวกเราจึงลงความเห็นว่าเธอคือม้ามืดของโรงเรียนเรา”
ในตอนนี้เอง ผอ. ที่กำลังรื้อกระดาษคำตอบอยู่ก็ได้พบในสิ่งที่ตนตามหา
“อาจารย์เจอละ นี่คือกระดาษคำตอบของเจียงฮ่าว ลองดูเองสิ”
“ในตอนนี้พวกอาจารย์เองกำลังคิดอยู่ว่าจะจัดสัมมนาย่อมๆกันเพื่อให้นักเรียนชั้นม.ปลายปีสามเข้าร่วม เพื่อจะให้เจียงฮ่าวบอกเล่าวิธีการต่างในการเรียนของเขานะ”
ในตอนนี้เอง นักเรียนทุกคนที่ได้ยินคำอธิบายที่ออกมาจาก ผอ.โรงเรียนต่างก็ตกตะลึงและอดที่จะหันไปจ้องมองเจียงฮ่าวไม่ได้
“เฮือกก โคตรไม่น่าเชื่อ”
“เจ๋งมากต่างหาก แม้แต่อาจารย์เองก็ยังอยากรู้เลย ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เรื่องหลอกกันสินะ”
เป็นตอนนี้เองที่ความหวังของฉินโชวได้พังทลาย
“เป็น…ไป…ได้…ยังไงกัน โกหก…พวกอาจารย์ต้องรวมหัวกันโกหกแน่ๆ”
ฉินโชวในตอนนี้นั้นไม่สามารถยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นได้จนราวคนที่สูญเสียจุดยืนในสังคมไปจนเป็นบ้า มันได้ชี้ไปที่เจียงฮ่าวก่อนที่จะหันไปถามผอ.โรงเรียนด้วยความเดือดดาล
“ไอ้เวรนี่มันก็เป็นเพียงแค่ขยะเท่านั้นไม่ใช่เหรอ ใครๆก็รู้ว่ามันนั้นเอาแต่หลับและทำคะแนนได้ต่ำกว่าเกณฑ์ทุกครั้งที่มีการสอบน่ะ แล้วไอ้คนแบบนี้จะไปได้คะแนนระดับนั้นได้ยังไงกัน มันต้องโกงแน่ๆ”
ผอ. คนที่ก่อนหน้านี้มีท่าทีเรียบง่ายและสุขุมในตอนนี้แสดงสีหน้าออกมาอย่างเอาเรื่องในทันที
“เธออยู่ในห้องเรียนไหน ไปเรียกอาจารย์ของเธอมาเดี๋ยวนี้ ฉันอยากรู้จริงๆว่าอาจารย์คนไหนกันที่สอนจนทำให้นักเรียนต้องมาทำตัวกร่างอิจฉาคนไปทั่วแบบนี้ได้”
ในตอนนี้เอง ซ่งหว่านเอ๋อ กำลังจะก้าวไปหา ผอ.โรงเรียนเพื่อขอโทษ แต่เป็นเจียงฮ่าวได้ห้ามเอาไว้ และจูงมือเธอออกมา
เมื่อออกมาแล้ว เจียงฮ่าวได้พูดประโยคหนึ่งออกมาราวกับร่ายบทกลอน
“เมื่อนกน้องและสรรพสัตว์ไม่อาจยอมรับตัวตนของมันในป่าใหญ่ได้ งั้นก็ลืมเรื่องพนันไปซะดีกว่า”
หลังจากพูดจบ เจียงฮ่าวก็หันหลังและได้เดินจากไป