บทที่ 55 ถ้าอีกตำแหน่งก็น่าสน
“โค๊ชหวัง ผมต้องขอบคุณจริงๆครับที่โค๊ชให้ความสนใจในความสามารถของผมขนาดนี้ แต่ผมนั้นไม่ต้องการจะเป็นนักกีฬาจริงๆ”
ด้วยการที่เจียงฮ่าวมองออกถึงความต้องการของอีกฝ่ายได้อย่างกระจ่างชัด เขาจึงได้เสนอตัวเลือกออกมาแทน
“เว้นแต่….”
หวังหยางหมิงที่ตอนนี้รู้สึกผิดหวังแบบสุดๆที่ไม่สามารถดึงเจียงฮ่าวให้มาเชิดฉายบนเส้นทางนักกีฬาได้นั้น เมื่อได้ยินว่าเจียงฮ่าวมีข้อเสนอให้ตนทำให้เขานั้นรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง
เขารีบถามออกมาในทันที
“เว้นแต่อะไรเหรอ”
เจียงฮ่าวที่เห็นท่าทีกระตือรือล้นราวกับเด็กน้อยของหวังหยางหมินนั้นอดไม่ได้ที่จะเหลือกตามองบนไปช่วยครู่ก่อนที่จะกลับมาพูดอย่างทีเล่นทีจริง
“ผมนั้นจะเข้าร่วมก็ได้หากว่าผอ.นั้นเห็นด้วยกับการที่ผมจะเข้าทีมนักกีฬา”
“แต่หากว่าผอ.นั้นไม่เห็นด้วย อาจารย์ก็ห้ามมาตามตื้อผมอีกต่อไป”
เมื่อหวังหยางหมิงได้ยินดังนั้นก็ถึงกับหูผึ่งในทันใด และด้วยการที่ตัวเขานั้นกลัวเจียงฮ่าวจะเปลี่ยนใจจึงได้รีบรับคำในทันที
“ก็ได้ ตกลง ทีนี้เธอก็ห้ามกลับคำพูดซะล่ะ เดี๋ยวฉันจะไปพูดกับผอ.เดี๋ยวนี้”
“คอยดูก่อนเถอะ กับว่าที่สุดยอดนักกีฬาแบบเธอน่ะ ปล่อยให้อ่านหนังสือไปก็เสียดายความสามารถเปล่าๆ”
หลังจากพูดออกมา โค๊ชหวังได้รับเดินออกไปในทันที เพราะเขานั้นไม่อยากจะเสียเวลาแม้แต่น้อย
เมื่อเจียงฮ่าวได้เห็นท่าทางของหวังหยางหมิงแล้ว ก็อดที่จะรู้สนุกไม่ได้
“แน่นอนครับ ผมไม่กลับคำพูดอย่างแน่นอน”
เจียงฮ่าวที่มองหวังหยางหมิงเดินจากไปแล้ว ก็ได้รู้สึกสบายใจจนต้องยิ้มออกมาในทันที
“ฉันละอยากรู้จริงๆว่าผอ.จะยอมให้คนที่ได้ที่หนึ่งของการสอบร่วมเข้าทีมนักกีฬารึเปล่า”
“หึหึหึ ต่อให้เขายอมแต่ฉันเองก็ไม่ได้บอกออกมาว่าจะเป็นนักกีฬาล่ะนะ”
“…”
อีกฝากฝั่งหนึ่ง หวังหยานหมิงในตอนนี้อยู่ในสถานะตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่รู้เลยว่ากำลังเดินไปตามแผนการที่เจียงฮ่าวได้วางเอาไว้
โดยเฉพาะเขาไม่รู้ด้วยว่า จริงๆแล้วเจียงฮ่าวนั้นคือสุดยอดนักเรียนในหมู่นักเรียนในช่วงเวลานี้เลยทีเดียว
หลังจากวิ่งๆมาตลอดทาง ในตอนนี้เขาก็ถึงหน้าห้องของผอ.ด้วยความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม
เขาพุ่งตรงเข้าไปโดยไม่เคาะประตูขออนุญาตก่อนเลยด้วยซ้ำ
ในตอนนี้เอง กลางห้องของผอ. ผอ.กำลังนั่งลงอยู่บนโต๊ะของตัวเองทำงานอย่างตั้งใจ ทันทีที่พบว่ามีใครบางคนเปิดประตูขึ้นมาโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อนนั้น ทำให้เขาถึงกับต้องขมวดคิ้วในทันที เขาหันไปทางประตูเพื่อเตรียมจะตำหนิออกมา
แต่เมื่อเห็นว่าคนที่เข้ามานั้นคือเฒ่าหวังหยางหมิงทำให้เขานั้นต้องเปลี่ยนใจขึ้นมาในทันใด
“ผู้อาวุโสหวัง เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
เมื่อหวังหยางหมิงได้ยินดังนั้น เขาก็บังเกิดความรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย
“ผอ.กัวนี่ดูเหมือนจะไม่อยากต้อนรับฉันเท่าไหร่เลยนะ”
เมื่อผอ.ได้ยินดังนั้นก็ทำให้พูดไม่ออกเหมือนกัน
หวังหยางหมินนั้นความจริงแล้วเขานั้นเคยเป็นกัปตันของทีมนักกีฬาจังหวัด หลังจากเกษียนแล้วเขานั้นอยู่เฉยไม่ได้เลยถูกผอ.โรงเรียนชวนมาเป็นโค๊ชของทีมนักกีฬาโรงเรียนแห่งนี้
แถมเขานั้นถึงแม้จะแก่ชรามากแล้วแต่เขาเคยนำพาทีมนักกีฬาจังหวัดคว้าเหรียญทองในการแข่งขันระดับชาติมาแล้วมากมายหลายเหรียญ
อย่งไรก็ตาม ถึงแม้ว่าผู้อาวุโสคนนี้ถึงแม้ว่าจะอายุกว่าหกสิบแล้ว แต่ด้วยการที่เขาสุขภาพแข็งแรงและมีแรงเหลือ จึงทำให้เขานั้นมีนิสัยโผงผาง ทำอะไรไม่ค่อยให้เกียรติผอ.เท่าไหร่นัก นี่ทำให้ผอ.เองรู้สึกว่าเป็นข้อด้อยที่เทียบเท่ากับฝีมือของอาจารย์อาวุโสคนนี้เลยทีเดียว
“เอาน่าผู้อาวุโสหวัง การที่ผู้อาวุโสอยู่ๆก็มาหาผมอย่างนี้คงไม่ใช่แค่จะแกล้งเล่นนะผมว่า แล้วปกติถ้าผู้อาวุโสไม่มีอะไรล่ะก็ไม่มีทางเลยที่จะมาที่นี่ได้ บอกมาเลยดีกว่าว่าผู้อาวุโสต้องการอะไร”
ผอ.กัวนั้นได้รีบตัดบทถามไปยังหวังหยางหมิงในทันที นี่ทำให้หวังหยางหมินเองรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เพราะตัวเขานั้นดันตื่นเต้นกับเรื่องของเจียงฮ่าวมากเกินไปจนหลงลืมไปว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหนกันในตอนนี้
ตัวเขานั้นยอมรับในความสามารถของเจียงฮ่าวจริงๆ
“ผอ.กัว มีข่าวดีล่ะข่าวดี งั้นขอบอกเลยก็แล้วกันว่าผมพึ่งจะค้นพบอัจฉริยะ ไม่สิ สัตว์ประหลาดอัจฉริยะเลยก็ว่าได้”
ท่าทีตื่นเต้นจนออกนอกหน้าทำให้แม้แต่ผอ.กัวเองก็ยังตั้งสนใจในทันที
“โอ้….อัจฉริยะคนไหนกันเนี่ยที่ทำให้คนอย่างผู้อาวุโสหวังเอ่ยปากชมได้ถึงขนาดนี้ แล้วววว ไม่คิดจะบอกกันแล้วหรือนั่น”
เมื่อได้ยินดังนั้น หวังหยินหมิงได้รีบหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าในทันที เขาเปิดวิดีโอหนึ่งแล้วยื่นให้ผอ.กัวดู
“ลองดูนี่สิ นักเรียนคนนี้มีทักษะเล่นบาสเก็ตบอลชนิดหาตัวจับยากเลยนะ ผมเองยังไม่เคยเห็นใครมีความสามารถขนาดนี้มาก่อนในชีวิตนี้เลยนะ”
เมื่อผมจบ เขาก็ได้ชี้ไปยังเจียงฮ่าวที่กำลังฉกบอลออกมาจากมีใครสักคนแล้วยิงลูกลงห่วงอย่างภูมิใจทำไมก็ไม่รู้