บทที่ 56 ท่าทีของผอ.กัวและหวังหยางหมิง
“อื้ม ฝีมือขี้นเทพจริงๆ”
ผอ.กัวพยักหนาอย่างเงียบๆในระหว่างดูวิดีโอ
ในตอนนี้เอง หวังหยางหมิงได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ผอ.กัว นักเรียนคนนี้เป็นเด็กของโรงเรียนเราเองนะ เพียงแค่ได้เห็นอัจฉริยะระดับนี้ได้เล่นบาสแบบนี้ก็มีค่าพอที่พวกเราจะชุบเลี้ยงแล้วจริงๆ”
ผอ.กัวพูดออกมาในขณะที่หันไปมองหวังหยางหมิงที่แสดงท่าทีตื่นเต้นออกมาอย่างไม่ขาดช่วง
“จากโรงเรียนเราเหรอ แล้วทำไมคุณไม่ไปคุยกับเขาล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น หวังหยางหมิงก็ได้มีท่าทีอิดออดเล็กน้อย เขานั้นไม่อยากจะบอกเลยจริงๆว่าตัวเขานั้นได้ไปหามาแล้ว แต่ทั้งๆที่ตัวเขานั้นเสนอที่จะให้เป็นนักกีฬาจังหวัดเจียงฮ่าวก็ยังไม่สนใจ
หากเขาบอกไปแล้วจะเอาหน้าไปไว้ไหนกัน
และตอนนั้นเองเขาก็ได้ตัดใจละทิ้งความหยิ่งทระนงของตนไปจนได้
“ผอ.กัว ผมไปหาเข้ามาแล้ว แต่ว่าเขานั้นบอกว่าต้องให้คุณให้ความเห็นชอบก่อน”
คำพูดของหวังหยางหมิงทำให้ผอ.กัวประหลาดใจได้ในทันที
“เขาบอกว่าถ้าฉันยอมเขาจะเล่นงั้นเหรอ”
หลังจากทวนคำออกมา มุมปากของผอ.กัวก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“เด็กนี่ น่าสนใจแหะ”
“ใช่แล้วฉันเลย…”
ในตอนนี้ หลังจากเห็นท่าทีของผอ.กัวแล้วทำให้หวังหยางหมิงนั้นค่อนข้างมั่นใจว่าผอ.กัวจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้
ในตอนนั้นเอง เขาได้ยืนขึ้นมา
“ผู้อาวุโสหวัง เขาชื่อว่าอะไรนะ”
หวังหยางหมิงต้องประหลาดใจอีกครั้งเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของผอ.กัว เขาจึงตอบออกไปอย่างหนักแน่นว่า
“เจียงฮ่าว เขาเป็นเด็กปีสามห้องแปด เขานั่งอยู่ท้ายห้อง เท่าที่ดูแล้วเขาเองก็ไม่น่าจะเรียนดีสักเท่าไหร่”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผอ.กัวได้เปลี่ยนสีหน้าเป็นตึงเปรี๊ยะในทันที
เขาจะไม่รู้จักเจียงฮ่าวแห่งห้องแปดได้ยังไง
เขาเป็นเด็กปีสามที่แม้แต่เขาเองก็ยังจับตามองด้วยตัวเอง
ในตอนนี้ เจียงฮ่าว อยู่ในฐานะม้ามืดของโรงเรียนโดยเขาสามารถต่อการกับข้อสอบร่วมของสี่โรงเรียนได้อย่างโดดเด่นจึงทำให้ทุกคนต่างก็จับตามองเด็กคนนี้
เขาเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
ด้วยคะแนนที่สูงล้ำกว่า 747 คะแนน แม้แต่นักเรียนที่ได้ชื่อหัวกะทิก็ยังต้องหวั่นไหวเมื่อได้ยินชื่อนี้
ด้วยผลการเรียนขนาดนี้แล้วตาแก่นี้ยังกล้ามาบอกว่าผลการเรียนเขาเนี่ยนะไม่ค่อยดี ตาแก่นี่แกล้งเขาเล่นอยู่รึเปล่า
มิน่าล่ะ เจียงฮ่าวถึงให้เขามาถามฉัน เด็กนี่ฉลาดเป็นกรดสมกับคะแนนจริงๆ
ในตอนนี้เอง ผอ.กัว ได้จ้องมองไปยังหวังหยางหมิงด้วยท่าทีที่ค่อนข้างประหลาด
หวังหยางหมิงเองที่เห็นก็ตกใจกับสายตาแปลกๆไปของผอ.กัวมองตนเอง
“ผอ.กัว ทำไมคุณถึงมองผมอย่างนั้นล่ะ”
สายตานี้ทำให้หวังหยางหมิงต้องสบสนไปเล็กน้อย
“…….ผู้อาวุโสหวัง อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้ว่าปีนี้พวกเราได้ทำข้อสอบร่วมของสี่โรงเรียน”
“และเจียงฮ่าวที่คุณบอกว่าผลการเรียนไม่ดีนั่นน่ะ เขานั้นได้อันดับหนึ่งของปีนี้ด้วยคะแนน 747 คะแนน”
ผอ.กัวอธิบายออกมาอย่างไร้อารมณ์
หวังหยางหมิงที่ได้ยินได้แสดงหน้าทึ่มมึนออกมาในทันที
“ห้ะ”
“จริงดิ 747 คะแนนเลยเนี่ยนะ นั่นมันคะแนนสูงสุดที่เขาประกาศออกมาเลยไม่ใช่เหรอ”
“เป็นเรื่องจริงเหรอ ชื่อซ้ำกันรึเปล่า”
หวังหยางหมินได้แสดงท่าทีอึกอักออกมาในทันที สำหรับเขาแล้วนั้น พวกเด็กหัวกะทินั้นก็ไม่ได้ต่างไปจากหนอนหนังสือที่วันๆอ่านแต่หนังสืออยู่กับโต๊ะ และต้องอยู่ที่แถวหน้าของห้องเรียนเท่านั้น แน่นอนว่าเด็กแบบนี้ต้องไม่เคยออกกำลังกาย และสวมแว่นหน้าเตอะ
เมื่อได้ยินคำถามย้อนซ้ำทำให้ผอ.กัวถึงกับพูดไม่ออก
“ผู้อาวุโสหวัง ในโรงเรียนนี้มีเพียงเด็กที่ชื่อเจียงฮ่าวของห้องแปดคนเดียวเท่านั้น และใช้ เจียงฮ่าวคนนั้นเป็นคนทำคะแนนได้อันดับหนึ่ง”
“นี่คือเหตุผลว่าทำไมเด็กนั่นถึงให้คุณมาถามผมก่อน”
เมื่อสิ้นคำของผอ.กัว หวังหยางหมิงเองก็เริ่มเข้าใจได้ในทันทีว่าทำไมเจียงฮ่าวจึงต้องตั้งข้อแม้ให้ดูยุ่งยาก และนี่ยิ่งทำให้เขาอยู่ไม่สุขมากกว่าเดิม
“แต่…แต่ทักษะบาสของเขานั้นสุด….”
ก่อนที่หวังหยางหมิงจะได้ทันพูดจบลง ผอ.กัวเอง ได้ต้องมือขึ้นเพื่อห้ามไม่หวังหยางหมิงพูดอะไรอีกต่อไป
“ผู้อาวุโสหวัง ไม่ว่ายังไงก็ตาม ผมจะไม่อนุญาตให้เด็กคนนี้ต้องการเป็นคนของทีมกีฬาอย่างแน่นอน”
“แค่การที่คุณต้องถ่อมาถึงที่นี่คุณก็น่าจะรู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเขาหมายถึงอะไร”
“เขานั้นไม่ต้องการเป็นเด็กของทีมนักกีฬาจึงได้บอกให้คุณมาถามผม ผมเข้าใจว่าเป็นเพราะคุณนั้นตามตื้อเขาไม่เลิกเขาจึงวางแผนในการปฏิเสธนี้ขึ้นมา เขานั้นรู้ดีว่าไม่ว่ายังไงผมก็ไม่ยินยอมเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่แล้ว”