บทที่ 58 เมื่อพนันไว้ก็ต้องทำตาม
เมื่อนักเรียนโดยรอบได้ยินดังนั้น ต่างก็นิ่งอึ้งไปในทันที
“ต่อให้ตูแก่จนตายก็คงจะไม่รู้คำตอบสินะเนี่ย”
“…”
เพียงชั่วพริบตา วันเสาร์ก็ได้มาถึง วันนี้เป็นวันที่ฉินโชวจะได้ทำตามสิ่งที่ตนได้พนันเอาไว้
เย็นวันนั้น ซ่งหว่านเอ๋อได้มาถึงประตูห้องของเจียงฮ่าวและรอพบเขาอยุ่
“เจียงฮ่าว เร็วเข้าๆสิ รีบไปกัน วันนี้เป็นวันที่ฉินโชวได้พนันไว้นะ”
ซ่งหว่านเอ๋อได้แสดงความดีใจออกมาอย่างออกนอกหน้าเมื่อคิดถึงฉินโชวผู้ตามตื้อเธออยู่ไม่ห่างพร้อมทั้งสายตาลามกที่คอยแทะโลมตนด้วยสายตาอยู่ตลอดเวลา และยังเป็นคนที่เสนอว่าจะเลี้ยงคนที่ชนะพนัน ณ ภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าในวันนี้นี่เอง
“วันนี้ นางฟ้าคนนี้จะถลุงให้ยับเลยคอยดู”
ในขณะที่หว่านเอ๋อกำลังคิดอยู่นั้น เจียงฮ่าวก็ได้เก็บของเสร็จและออกมาจากห้องแล้ว ทั้งสองได้เดินไปนอกตึก ในตอนนั้นเองก็ได้เห็นฉินโชวกำลังเดินตรงมายังทั้งสองคน
เมื่อฉินโชวได้เห็นหน้าของซ่งหว่านเอ๋อและเจียงฮ่าวอีกครั้ง สีหน้ายิ้มแข็งๆที่เป็นเอกลักษณ์ก็ยังปรากฎให้หลอกหลอนอยู่อย่างนั้น
“ไอ้เวรตัวเหม็นเอ๊ย พ่อคนนี้อุตส่าไล่หลังมาขนาดนี้ยังจะเดินหนีกันอีก”
หลังจากตามมาถึง มันก็ได้จ้องมองไปยังเจียงฮ่าวไปปราดนึง
“ไอ้หัวฟักทองนี่ คอยดูเหอะ สักวันหนึ่งฉันจะเอาคืนให้สาสมกับที่ฉันต้องมาดูแลแกในวันนี้”
(อนึ่ง สองประโยคนี้คือความคิดภายในใจของนกน้อย)
ความรู้สึกเหล่านี้ฉายออกมาผ่านดวงตาของฉินโชวเพียงชั่วกะพริบตา แต่เพียงกะพริบตาเท่านั้น มันก็ได้กลับสู่โหมดมองตาก็เห็นรอยยิ้มแห่งหัวใจในทันที
“เพื่อนร่าวชั้นเจียง หว่านเอ๋อ อยู่นี่กันนี่เอง” “ฉันว่าจะโทรไปหานายอยู่เหมือนกัน ในเมื่อพร้อมกันแล้วก็ไปภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้ากันดีกว่า วันนี้ฉันจะเลี้ยงเอง”
“อ้อ จริงสิ เพื่อนนักเรียนเจียงฮ่าว ไหนคนที่จะไปกินด้วยล่ะ”
คนอย่างฉินโชวเองนั้นถึงแม้จะเลวชาติ แต่เขานั้นเป็นคนที่รักษาสัญญายิ่งชีพ ดังนั้นจึงได้ถามเจียงฮ่าวออกมา
เจียงฮ่าวและซ่งหว่านเอ๋อเองก็ประหลาดใจไม่น้อยเหมือนกัน เพราะทั้งสองไม่คิดว่าฉินโชวจะรักษาสัญญาขนาดนี้
“กับดักรึเปล่าหว่า….”
ทั้งสองมองหน้าและคิดไปในทำนองเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เจียงฮ่าวเองก็ถือได้ว่าตนเป็นคนชายหัวใจหาญคนหนึ่ง เขาย่อมไม่เกรงกลัวด้วยเรื่องเพียงเท่านี้
“งั้นฉันจะโทรหาก่อนแล้วกัน พวกของฉันแปบเดียวก็มาแล้ว”
เมื่อพูดจบ เจียงฮ่าวได้นำโทรศัพท์ออกมาและโทรหาเจียงไซหยวนในทันที
“เฮ้ เจียงไซหยวน อยู่ไหนเนี่ย”
“มาที่หน้าโรงเรียนเทียนเหอที่สองหน่อยสิ เอาน่า เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว”
“ไม่เป็นไรน่า ก็อีแค่กินข้าวจะไปรั้งอะไรไว้นักหนากัน หืม พ่อกับแม่เหรอ แค่บอกพ่อกับแม่ว่าพวกเราจะกลับบ้านช้าหน่อยก็พอแล้วน่า”
“…”
เจียงฮ่าวได้โทรศัพท์ราวกับว่าไม่ได้มากับใคร ฉินโชวที่กำลังยิ้มแย้มนั้น ได้เผยรอยยิ้มกว้างมากกว่าเดิม
“หว่านเอ๋อ เดี๋ยวเธอค่อยไปกับเจียงฮ่าวที่หน้าโรงเรียนทีหลังแล้วกัน ขอฉันไปตามผู้ติดตามกับชวนเพื่อนอันแสนดีของฉันมาก่อน”
เมื่อซ่งหว่านเอ๋อเห็นท่าทางของฉินโชวก็อดที่จะสงสัยไม่ได้ แต่เธอก็ทำเพียงพยักหน้าไปทีหนึ่งเท่านั้น
หลังจากฉินโชวจากไป เจียงฮ่าวก็ได้โทรศัพท์เสร็จพอดี
เจียงฮ่าวได้หันไปพูดกับซ่งหว่านเอ๋อไปด้วยท่าทีกระมิดกระเมี้ยนเล็กน้อย
“เพื่อนนักเรียนหว่านเอ๋อ พวกเราต้องรออีกพักนึงนะ น้องสาวของฉันใช้เวลาพักนึงถึงจะมาถึงน่ะ”
ซ่งหว่านเอ๋อพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่เป็นไรจ้ะ”
แต่เธอเองก็ราวกับฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ รอยยิ้มของเธอพลันหายไปและพูดกับเจียงฮ่าวออกมาในทันที
“ฉันรู้สึกว่าฉินโชววันนี้ทำตัวแปลกๆนะ ระวังตัวไว้ด้วยล่ะ”
เมื่อได้ยินคำเตือนของซ่งหว่านเอ๋อ เจียงฮ่าวก็ได้ยิ้มออกมาและพยักหน้าในทันที
“ไม่เป็นเราน่า เดี๋ยวถึงเวลาหรือเกิดอะไรขึ้นมาเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“…”
ไม่นานนัก เจียงไซหยวนก็ได้มาถึง และทุกคนก็ได้นั่งรถของฉินโชวตรงไปยังภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้า
เมื่อไปถึง ฉินโชวได้นำบัตรสมาชิกระดับฟ้าออกมา เพียงพนักงานได้เห็นก็ได้พาทุกคนเข้าไปยังห้องรับรองหนึ่งของภัตตาคารในทันที
หลังจากเข้าไปแล้ว เจียงไซหยวนต้องตกตะลึงกับความสวยงามของการตกแต่งภายในภัตตาคาร
เมื่อไปถึงห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง ทั้งสี่ได้นั่งลงในที่ที่ภัตตาคารจัดเตรียมไว้
เมื่อบริกรมาถึง เขาได้ส่งเมนูให้ แต่ฉินโชวนั้นกลับยกมือห้ามเอาไว้ก่อน
นี่ทำให้เจียงฮ่าวและคนอื่นๆสงสัยกันในทันที แต่ฉินโชวที่รู้ตัวก็ได้กล่าวขอโทษออกมา
“ต้องขอโทษจริงๆ แต่ช่วยรออีกสักหน่อย พอดีเพื่อนของฉันยังมาไม่ถึงน่ะ เอาเป็นว่าพวกเราค่อยสั่งตอนเขามาถึงแล้วกัน”