บทที่ 59 ยามมีคนคิดไม่ซื่อ
เมื่อฉินโชวพูดออกมา เจียงฮ่าวและคนอื่นนั้นไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรอ
ยี่สิบนาทีผ่านไป แต่ยังไม่ท่าทีเพื่อนของฉินโชวเลยแม้แต่น้อย
นี่ทำให้เจียงฮ่าวเริ่มอยู่ไม่สุข
ไม่เพียงเจียงฮ่าวเท่านั้น แม้แต่ซ่งหว่านเอ๋อเองก็เช่นกัน ส่วนเจียงไซหยวนที่อยู่ข้างเจียงฮ่าวนั้น ในตอนนี้เธอกำลังหยิกเจียงฮ่าวเล่น เพื่อระบายความหิวและความโกรธ
เจียงฮ่าวที่ไม่มีที่ลงเองนั้น ในตอนนี้ก็หมายหัวฉินโชวไว้เรียบร้อยแล้ว
“ฉินโชว เพื่อนของนายนี่ไม่ช้าไปหน่อยเหรอ”
เจียงฮ่าวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“วิ้งๆๆๆๆๆ…”
ในตอนนี้เอง เสียงหนึ่งก็ได้ดังขึ้นมา
ทั้งสามได้พยายามตรวจดูว่าเป็นของตนหรือเปล่า
เป็นตอนนี้เองที่ฉินโชวได้หยิบโทรศักท์ออกมา และนั่นก็คือเสียงโทรศัพท์ของฉินโชวเอง
ด้วยสายตาประดุจเหยี่ยวของเจียงฮ่าวนั้น เขาได้มองไปที่โทรศัพท์ของฉินโชวไปปราหนึ่งก่อนที่ฉินโชวนั้นจะขอตัวออกไปโทรศัพท์นอกห้อง
แล้วฉินโชวก็ได้เดินออกไป
ในตอนนี้เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้นที่อยู่ในห้อง
ตอนนี้เองเจียงฮ่าวก็ได้ลุกขึ้นมา
“เดี๋ยวขอออกไปห้องน้ำแป๊บนึงนะ”
หลังจากพูดจบ เจียงฮ่าวก็เดินออกไปโดยไม่สนคำตอบรับ
หลังจากออกจากห้องไปแล้ว เจียงฮ่าวได้ลงไปยังห้องน้ำโดยมีบริกรเป็นผู้นำทาง
“พี่ซิ่ว พี่บอกว่าวันนี้มาไม่ได้เหรอ”
หลังจากก้าวเข้าห้องน้ำไป เจียงฮ่าวได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ของฉินโชวที่ดังออกมาถึงข้างนอก และนี่ทำให้เขานั้นหยุดเท้าลงในทันที
“แล้ว…ที่พี่สัญญากับผมไว้ล่ะ…”
“โอ้…พี่ฝากพี่หม่าให้รอข้างนอกแทนเหรอ”
“ก็ได้ครับ แต่ผมบอกไว้ก่อนนะว่าไม่ต้องแค่ เอาแค่หักขามันสักข้าง ใช่ๆ ให้มันต้องนอนพักไปยาวๆเลย”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงฮ่าวก็พลันเกิดความกระจ่างชัดขึ้นในใจ
“ก็ว่าอยู่ว่าทำไมวันนี้มันถึงได้ดูแปลกหูแปลกตานัก เป็นเพราะแบบนี้เองสินะ”
หลังจากเข้าใจสถานการณ์ได้แล้ว เจียงฮ่าวก็ได้ยินบางอย่างเพิ่มเติม
“งั้นเดี๋ยวผมขอเลี้ยงข้าวพี่สักมื้อวันอื่นก็แล้วกัน”
“อ้อ เรื่องเงินเหรอพี่ เรื่องนั้นพี่ไว้ใจผมได้เลย”
“ไว้ใจผมได้แน่นอนครับ ในเมื่อพี่กำลังยุ่งอยู่ผมก็จะไม่กวนพี่แล้วดีกว่า”
“….”
ในตอนนี้ เจียงฮ่าวที่ได้ยินเรื่องนี้ก็ได้กลับตรงไปยังห้องของอาหารที่พวกของตนอยู่ในทันที
อีกพักหนึ่ง ฉินโชวที่ได้โทรศัพท์แล้วก็ได้กลับเข้ามา
“ต้องขอโทษจริงที่ต้องให้รอนานเลย พอดีเพื่อนของฉันโทรมาบอกว่าตอนนี้ติดธุระน่ะ เขาพึ่งจะโทรมาบอกว่าไม่ต้องรอ งั้นเรามาเริ่มกันเลยแล้วกัน”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินดังนั้น เขายังทำท่าราวกับไม่รู้อะไร และพูดออกมาด้วยอารมณ์ไม่ดี
“แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า นายทำให้พวกเราต้องรอเก้อเลยเนี่ย”
ซ่งหว่านเอ๋อเองก็พึมพำออกมาอย่างไร้อารมณ์
“จริงด้วย ถ้าพวกเราไม่ถามไปเมื่อตะกี้ก็คงต้องรอโดยไม่ได้กินเลยล่ะมั้งเนี่ย”
คราวนี้ เจียงฮ่าวได้ยืนขึ้นแล้วฉกเมนูมาจากมือฉินโชวอย่างรวดเร็ว
“ช่างมันเถอะ งั้นของสั่งของดีๆสักจานสองจานก่อนก็แล้วกัน”
เมื่อพูดออกมา เขานั้นได้มองผ่านเมนูมากมาย จนไปสะดุดกับเมนูหนึ่งแล้วทำการสั่งออกมา
“กระเพาะปลานี่น่าสนแหะ ขอสามชุด”
“รังนกเหรอ ก็ไม่เลวนะ ขอสี่ชุด”
“…”
เพียงชั่วพริบตาเดียว เจียงฮ่าวสั่งของมามากมาย
เขาสั่งเยอะมากจนตอนนี้บริกรพบว่าจะไม่มีที่เขียนในใบจดรายการอยู่แล้ว
แถม ที่เจียงฮ่าวเลือกมาแต่ละเมนูนั้นล้วนแล้วแต่เป็นจานที่แพงที่สุดทั้งนั้น
เหตุผลก็เพราะว่าก่อนหน้านี้เจียงฮ่าวได้ยินการโทรศัพท์ของฉินโชวแล้ว และพบว่าฉินโชวนั้นต้องการแก้แค้นตน
เมื่อต้องเจอกับคนที่ต้องการแก้แค้นแล้ว แน่นอนว่าตัวเขานั้นต้องตอบแทนเป็นอย่างดี
ฉากนี้ให้แม้แต่ซ่งหว่านเอ๋อและเจียงไซหยวนที่โมโหหิวอยู่นั้นต่างก็ต้องนิ่งอึ้งและจ้องมองด้วยสายตาที่โง่งม
ซ่งหว่านเอ๋อเองก็ได้ค่อยเหลือบไปมองฉินโชวที่ในตอนนี้ใบหน้าไม่ได้ปรากฎรอยยิ้มอีกต่อไป นี่ทำให้เธอเองอดที่จะรู้สึกสงสารฉินโชวไม่ได้
ตอนแรกนั้น เธอเองคิดว่าจะรับบทบาทนี้นั่นก็คือการกินให้ยับกันไปข้าง แต่เธอก็ไม่คิดว่าก่อนที่เธอจะทำอะไรนั้น เจียงฮ่าวได้ตัดหน้าเธอ แถมยังกะจะกินประเภทให้ย่อยยับไปจนวันตายแบบนี้
ส่วนเจียงไซหยวนนั้น ถึงแม้เธอจะไม่ได้คุ้นเคยกับเพื่อนของพี่ชายของเธอแม้แต่น้อย แต่เมื่อเห็นฉากนี้ เธอทำได้เพียงตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
มีเพียงฉินโชวเท่านั้นที่ในตอนนี้ยังคงยืนอยู่นิ่งๆแต่กลับกำหมัดแน่นจนเล็บนั้นจิกลงไปในเนื้อแล้ว แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่นั้น จะมีที่เพิ่มเติมมาก็คือสายตาที่มองไปยังเจียงฮ่าวด้วยบรรยากาศที่ดำมืด