บทที่ 60 หนึ่งกะอักเลือด อีกหนึ่งพุงกาง
ในตอนนี้เอง เป็นเจียงอ่าวได้เงยหน้าขึ้นมาจากเมนู
“เพื่อนนักเรียนฉินโชวคิดว่าฉันควรจะพอได้รึยัง หรือว่านายยังให้ฉันสั่งได้อยู่”
ในตอนนี้เอง หัวใจของฉินโชวราวกับถูกกรีดจนเลือดไหลซิบเมื่อได้ยินคำถามจากเจียงฮ่าว แต่กระนั้น ใบหน้ายิ้มของมัน ก็ยังปรากฏบนใบหน้าเหมือนเดิม
“พอได้ก็ดีนะฉันเองก็ไม่ได้เตรียมตัวมามากมายเท่าไหร่นัก อีกอย่าง พวกเราก็มาแค่สี่คนเอง”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ได้หันกลับไปมองยังเมนู พร้อมสีหน้าแสดงออกมาซึ่งความผิดหวัง
“เฮ้ออออ อุตส่ามาภัตตาคารสวรรค์ชั้นฟ้าทั้งทีแต่กลับมีแค่เมนูเทียบเท่าโรงแรมห้าดาวทั่วไปเนี่ยน้า….”
เป็นคราวนี้ที่บริกรได้ก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ท่านครับ ท่านอาจไม่ทราบแต่ว่าที่ภัตตาคารชั้นฟ้าแห่งนี้มีระบบสมาชิก”
“และห้องของท่านเองก็เป็นเพียงแค่สมาชิกบัตรฟ้าเพียงเท่านั้น นี่จึงทำให้ระดับอาหารที่ท่านสามารถทานได้ยังคงจำกัดอยู่มากพอสมควรและไม่ได้แสดงให้เห็นในเมนู”
“และเหนือระดับสีฟ้าขึ้นไปนั้นยังมีระดับชั้นยอดสีม่วง และระดับจักรพรรดิสีดำ”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจข้นมาในทันที
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมตัวเขานั้นไม่ว่าจะมองสักเท่าไหร่ก็เจอแต่อาหารระดับภัตตาคารห้าดาวทั่วไปเท่านั้น
นั่นก็เพราะระดับของฉินโชวสามารถเข้าถึงอาหารได้เพียงเท่านี้
หรือจะให้บอกอีกอย่างคือ บัตรสมาชิกของฉินโชวนั้นคือระดับล่างสุดนั่นเอง
ทันทีที่คิดได้แบบนั้น เจียงฮ่าวเฉิดหน้าเหลือบตามองฉินโชวในทันที
“เอาตามที่เพื่อนนักเรียนฉินโชวว่าก็แล้วกัน ฉันเองก็แค่หัวฟักทองบ้านนอกธรรมดาหัวหนึ่ง มันผิดที่ฉันเองที่ไม่รู้ว่ายังมีระดับสีม่วงและสีดำอยู่เลยต้องทำให้นายขายหน้าแล้ว หากรู้ว่าระดับสมาชิกของนายนั้นอยู่ระดับต่ำสุดล่ะก็ ฉันคงไม่พูดออกมาแบบนี้”
“พรูดดดด…”
ซ่งหว่านเอ๋อที่กำลังดื่มน้ำอยู่นั้นได้สำลักน้ำออกมาในทันทีที่ได้ยินคำพูดของเจียงฮ่าว
“หว่านเอ๋อ เป็นอะไรรึเปล่า”
เจียงฮ่าวถามออกมาอย่างห่วงใย
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร”
ซ่งหว่านเอ๋อนั้นรีบใช้มือปิดรอยยิ้มของเธอในทันที
เจียงไซหยวนที่มองท่าทางของเจียงฮ่าวที่มีต่อซ่งหว่านเอ๋อแล้วก็อดที่จะมีความรู้สึกแปลกๆ ปรากฎในสายตาของเธอเสียมิได้
ส่วนอีกทางฝากฝั่งหนึ่งนั้น ฉินโชว กำลังรู้สึกราวกับกำลังกระอักเลือดออกมาจากคำพูดของเจียงฮ่าว
ทั้งๆที่บัตรสมาชิกสีฟ้านี้ก็มีค่ามากแล้วกับคนที่มาภัตตาคารแห่งนี้ แต่มันดูด้อยค่าไปในทันทีด้วยคำพูดของเจียงฮ่าว
คนอย่างเขานั้นจะไปมีบัตรม่วงกับบัตรดำได้ยังไงกัน คนที่ได้บัตรทั้งสองมานั้นล้วนแล้วแต่ไม่ใช่คนธรรมดาทั้งนั้น
“เพื่อนร่วมชั้นเจียงฮ่าวก็พูดตลกเกินไปแล้ว ฉันจะไปมีบัตรระดับนั้นได้ยังไงกัน”
“ฉินโชวพูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแหยๆ”
ตัวมันนั้นแค่ได้บัตรน้ำเงินมานี่ก็บุญหัวมากแล้ว ถ้าต้องการบัตรสีม่วงและสีดำตัวมันคงต้องเอาอวัยวะภายในไปขายเป็นแน่
“หัวฟักทองบ้านนอกห่าเหวอะไรกันวะ”
ยิ่งฉินโชวมองไปยังเจียงฮ่าวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งขยะแขยงเจียงฮ่าวมากขึ้นเท่านั้น
“ฉันจะยอมทนกับแมลงสาบอย่างแกต่ออีกสักหน่อยก็แล้วกัน จงมีความสุขกับช่วงเวลาที่เหลือนี้ไปเถอะไอ้กระจั๊ว”
“…”
ไม่นาน อาหารก็ได้มาเสริฟ
เจียงฮ่าววและคนอื่นๆนั้นต่างก็กินกันอย่างบ้าคลั่ง มีเพียงฉินโชวเท่านั้นถึงแม้จะแสดงออกไม่ต่างกัน แต่หัวใจของมันนั้นกลับหม่นหมองแบบสุดๆ นั่นก็เพราะ มันรู้สึกได้ดีถึงมูลค่าของความพ่ายแพ้ในครั้งนี้
“บริกร ยังเหลืออีกกี่จานเนี่ย”
เจียงฮ่าวได้ถามออกมาในขณะที่กำลังนั่งเอนกายแบบพุงกาง
“ท่านครับ ท่านยังเหลืออีกหกจานที่ยังไม่ได้เสริฟ มีกุ้งลอบเสตอร์น้ำแข็ง ….”
“โอ้ หรือว่านายกินไม่ไหวแล้ว จะยกเลิกรึเปล่า”
หลังจากฉินโชวได้ยินดังนั้นจึงรีบถามออกมา เพื่อว่าจะได้ลดความสูญเสียในกระเป๋าลงไป
เป็นตอนนี้ที่เจียงฮ่าวยกมือขึ้นมาเชิงห้ามปราม
“ไม่ต้องหรอก”
เมื่อได้ยินดังแบบนั้น ฉินโชวรู้สึกดีใจขึ้นมาอย่างสุดหัวใจเพราะคิดว่าเจียงฮ่าวนั้นอิ่มแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงการคิดไปเองเท่านั้น
ไม่มีใครคาดคิดว่าคำพูดถัดมาของเจียงฮ่าวนั้น จะเปรียบได้ดั่งฝันร้ายของฉินโชวเลยที่เดียว
“เราไม่ต้องยกเลิก จานที่เหลือนั่นแค่ให้เขาจัดใส่ห่อกลับบ้านก็พอให้ฉันก็พอแล้ว ฉันเองก็อยากจะให้พ่อแม่ของฉันลองลิ้นชิมรสอาหารภัตตาคารอร่อยดูสักครั้ง”
ฉินโชวได้แสดงอาการอยากจะคลั่งขึ้นมาแทบจะในทันที