บทที่ 62 ท่าทางของนักเลงหัวทอง
หลังจากฉินโชวเข้าไปในรถเพื่อหยิบเงินออกมานั้น มันจงใจเดินผ่านเจียงฮ่าวพลางพูดออกมาเบาๆ
“เจียงฮ่าว ฉันขอโทษจริงๆ ตอนนี้ฉันมีเงินกับตัวแค่แสนเดียวเท่านั้น ถ้าฉันไม่ยอมมันไปมันก็จะไม่ยอมปล่อยฉัน”
“แต่ไม่ต้องห่วงนะ ทันทีที่ฉันออกจากที่นี่ได้ฉันจะรีบพาคนมาช่วย”
เจียงฮ่าวได้ยิ้มออกมาในทันทีที่เห็นการแสดงออกของฉินโชว
“แกสองคนกระซิบอะไรกัน” “เอาเงินมาซะแล้วก็รีบๆไสหัวไปได้แล้ว”
นักเลงคนเดินได้ตะโกนออกมาอย่างโหดเหี้ยม
“ครับ พี่ใหญ่”
ฉินโชวรีบโค้งและยื่นเงินแสนที่เตรียมเอาไว้ให้ด้วยท่าทีเคารพนอบน้อม
“พี่ใหญ่ ผมไปได้รึยังครับ”
ฉินโชวถามออกมาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“รีบๆไสหัวไปซะ”
“ครับลูกพี่ ขอบคุณครับ”
หลังจากพูดจบ ฉินโชวได้ชำเลืองมองไปยังเจียงฮ่าวหนึ่งทีด้วยท่าทีขอโทษ ก่อนที่จะหันกลับไปแล้วรีบเดินจากไปด้วยสายตาเย็นยะเยียบ
ฉินโชวเองเริ่มรู้สึกผิดไม่น้อยเหมือนกันที่ทำให้เจียงไซหยวนนั้นต้องตกใจกลัวจนต้องร้องไห้ออกมา
เมื่อมันได้รีบเดินออกมาสักพัก เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครเห็นมันแล้ว มันจึงได้ไปขึ้นรถสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก
เจียงฮ่าวในตอนนี้ได้ตบหลังเบาๆราวกับต้องการปลอบประโลมน้องสาวที่รักของตน
“ไม่ต้องกลัวน้า ไม่ต้องกลัว พี่ใหญ่อยู่นี่แล้วน้า”
ในขณะเดียวกัน เขาจ้องมองไปยังนักเลง พร้อมทั้งตัดสินโทษของนักเลงกลุ่มนี้ไว้ในใจที่กล้าทำให้น้องสาวของตนต้องร้องไห้ออกมา
“แกสองคนไม่มีเงินงั้นรึ”
นักเลงบางคนถามเจียงฮ่าวและเจียงไซหยวนออกมา
เจียงฮ่าวแสยะยิ้มและพูดออกมา
“เลิกเล่นละครได้แล้ว แกไม่เห็นรึไงว่าน้องสาวของฉันกลัวมากขนาดไหนกัน”
“หัวหน้าของพวกแกอยู่ไหน เรียกมันออกมาเดี๋ยวนี้”
คำพูดของเจียงฮ่าวได้ทำให้คนที่ถามต้องรู้สึกประหลาดใจ
“แก…พูดถึง…เรื่องอะไรกัน” “อะแฮ่ม…ถ้าแกไม่มีเงินล่ะก็ ทิ้งขาไว้สักข้างให้พวกเราแล้วกัน”
นักเลงได้พูดออกมาอย่างดุดัน
ข้างหลังมันนั้น จิ๋กกี๋คนหนึ่งได้ลอบตรงไปยังรถคันสีดำที่ฉินโชวขึ้นไปรอดูผลงาน
จิ๊กกี๋คนนั้นได้ตรงไปยังที่นั่งฝั่งข้างคนขับในทันที
“พี่หม่า ซวยแล้วพี่ ไอ้เด็กนั่นน่าจะรู้ตัวแล้ว”
ในตอนนี้เอง ฉินโชวที่กำลังนั่งอยู่ข้างคนที่จิกกี๋เรียกชื่อว่าพี่หม่า มันเป็นคนหนุ่มที่ย้อมผมและมีลอยสักที่แขน
“ห้ะ”
เพียงสิ้นคำพูดของจิ๊กกี๋ นี่ทำให้ฉินโชวและหม่ากี๋ตกตะลึงในทันทีและทำให้พวกมันนั้นต้องมองหน้ากันในทันใด
“เป็นไปได้ยังไงกัน”
“ไอ้พวกขยะไร้ประโยชน์”
คนที่ได้ชื่อว่าพี่หม่าคนนี้ได้หันหน้าไปพูดกับฉินโชว
“นายน้อยฉิน รอที่นี่ก่อนแล้วกัน เดี๋ยวผมไปจัดการเอง”
ฉินโชวพยักหน้ารับ แล้วทำการพนมมือขึ้นราวกับจะสวดอ้อนวอน
“พี่หม่า รบกวนด้วยครับ”
เมื่อพี่ชายหม่าคนนี้ออกจากรถไป มันเดินไปที่เจียงฮ่าวในทันที
“พี่หม่า”
เมื่อเหล่านักเลงได้เห็นลูกพี่ของตนมา พวกมันได้กล่าวทักทายอย่างเคารพและทำการเปิดทางในทันที
และในตอนนี้เอง เมื่อเห็นว่าเจียงฮ่าวนั้นตกอยู่ในวงล้อมของลุกน้องตน ตัวของมันนั้นได้สั่นระรัวในทันที
“ทำ..ทำไม…ทำไมเป็น…ขะ..เขาล่ะ”
เป็นตอนนี้เองเมื่อเจียงฮ่าวได้เห็นคนที่ได้ชื่อว่าพี่หม่านั้นก็ประหลาดใจไม่น้อยเหมือนกัน พลางนึกไปว่าไอ้หมอนี่มันหัวทองที่เคยโดนเขาดัดนิสัย(กระทืบ)ไปไม่ใช่เหรอ
“โอ้… หัวเททองเหรอ แกอีกแล้วเหรอเนี่ย”
คำพูดของเจียงฮ่าวได้ทำให้ลูกน้องของฮวงเหมาต้องประหลาดใจกันทุกคน
“ไอ้เวรนี่ มึงกล้าเรียกชื่อพี่หม่าตรงๆได้ยังไงกัน”
“ไอ้ระยำนี่ ไม่รู้จะบอกว่ามันรนหาที่ตายหรือจะเรียกหาที่ตายดีหว่ะ”
“ไอ้ฉิบหาย ทำไมหมอนั่นรู้จักพี่หม่าล่ะ”
“…”
ในตอนนี้เอง ใบหน้าของหัวทองราวจะกรีดร้องออกมาอย่างเห็นได้ชัด จนในตอนนี้ แม้แต่ความกลัว ก็ยังปรากฎออกมาผ่านทางดวงตาจนสัมผัสได้
นั่นก็เพราะคนกว่าสามในห้าของมันนั้นโดนจัดการไปโดยเจียงฮ่าวอย่างง่ายดาย และนี่คือคนที่เหลือของมัน
และในครั้งนี้ที่มันมาเป็นเพราะว่าพี่ซิ่วของมันนั้นขอให้ช่วยล้างอายให้มันเกี่ยวกับงานที่ได้รับจากฉินโชวเท่านั้น แต่มันก็ไม่คิดว่าคนๆนั้นก็คือเจียงฮ่าว
ในตอนนี้ หัวทองได้มองไปยังลูกน้องของตน และได้ตัดใจทำอะไรบางอย่าง
“ไอ้หนู ไม่คิดว่าจะเป็นแกเลยนะเนี่ย”
“ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วเว้ย เพราะฉันได้รวบรวมคนขึ้นมาใหม่แล้ว…”
เมื่อเจียงฮ่าวได้ยินดังนั้น เขาก็อดที่จะยิ้มออกมาเสียไม่ได้
“เฮ้อออหัวทองนะหัวทองดูเหมือนว่าแกจะลืมคำพูดของฉันไปแล้วจริงๆสินะ”