บทที่ 7 หลังจากรู้เรื่องราว เขาต้องการจะสั่งสอนอริศัตรู
ระหว่างทางไปโรงพยาบาล บรรยากาศรอบตัวของเจียงฮ่าวแสดงออกถึงความน่ากลัวอย่างที่สุด
“ใครกล้าทำพ่อของฉัน ฉันจะทำให้มันต้องร้องขอความตาย”
เจียงฮ่าวกัดฟันแน่นพร้อมกับทำการสาบานเรื่องนี้อยู่เงียบๆในใจ
เขานั่งรออยู่ในรถอยู่นานจนเริ่มอยู่ไม่สุข ในที่สุดเขาก็มาถึงโรงพยาบาลเทียนเหอ
หลังจากโยนเงินให้คนขับแท็กซี่ไปแปดหยวน เขาก็ได้วิ่งเข้าไปในโรงพยาบาลในทันที หลังจากสอบถามฝ่ายประชาสัมพันธ์ว่าตึกที่พ่อของเขารักษาตัวอยู่ตรงไหน เมื่อรู้แล้ว เขาก็รีบวิ่งไปในทันที
เจียงฮ่าวค่อยๆเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้องพักคนไข้
เขาเห็นชายวัยกลางคนทั่วๆไปคนหนึ่งที่ตอนนี้อยู่ในชุดคนไข้นอนอยู่บนเตียง พร้อมทั้งเห็นสายน้ำเกลือที่ต่อเข้าร่างกาย ชายคนนี้ก็คือพ่อของเขา เจียงเว่ยปิง
ข้างๆเตียงก็ได้มีหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังดูแลพ่อของเขาอยู่ เธอไม่ใช่อื่นหรือก็คือแม่ของเขา เกาชุนหลัน
ข้างๆเตียงอีกฝั่งหนึ่งเป็นสาวน้อยที่ตอนนี้น้ำตากำลังนองหน้าและตาแดงกล่ำ เธอจ้องมองไปยังพ่อของเขาด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย เธอก็คือน้องสาวของเขา เจียงไซหยวน
เจียงฮ่าวได้รีบถามออกมา
“พ่อ เป็นยังไงบ้าง”
เมื่อพ่อของเจียงฮ่าวได้เห็นว่าเจียงฮ่าวมาถึง เขาได้ฝืนยิ้มออกมา
“ไม่เป็นไรมากหรอกอาฮ่าว พ่อแค่ลื่นล้มไปเฉยๆจนกระดูกหักแค่นั้นเอง”
พ่อของเจียงฮ่าวนั้นไม่ได้บอกความจริงออกมาเพราะกลัวจะทำให้เจียงฮ่าวไม่สบายใจไปเสียเปล่าๆ ยังไงซะถึงจะบอกลูกของตนไปเขาก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม เจียงฮ่าวนั้นรู้อยู่แล้วว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็เข้าใจถึงความคิดพ่อตนดี
พ่อของเขานั้นไม่ต้องการให้ตัวเขาเป็นกังวล มีหรือที่เขาจะไม่รู้เรื่องนี้
“พ่อ…พ่อนี่น้ากลายเป็นคนที่ไม่ระวังตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
“ว่าต่อหมอบอกว่ายังไงบ้าง อาการหนักรึเปล่า”
เจียงฮ่าวได้แสดงละครว่าเชื่อพ่อของตนเองเสียเต็มประดา
ตอนนี้เองแม่ของเขาก็ได้พูดออกมาว่า “หมอบอกว่าพ่อของแกสบายดี หมอแค่อยากให้พ่อแกนอนพักอยู่นี่แค่ไม่กี่วันเท่านั้น อาฮ่าว ตอนนี้แกก็ใกล้ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว กลับบ้านไปตั้งใจอ่านหนังสือซะ พรุ่งนี้ยังต้องเข้าเรียนอีกนี่นา”
เมื่อพูดดังนั้นแม่ของเขาก็หันไปมองน้องสาวราวกับจะบอกเป็นนัยว่าไม่ให้พูดความจริงออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกแม่”
“ผมเองก็ไม่มีปัญหานะ ผมทบทวนไปเกือบหมดแล้ว”
อย่างไรก็ตาม พ่อของเจียงฮ่าวไม่เห็นด้วยและไล่ให้เขาและน้องสาวกลับไปอ่านหนังสือทบทวนที่บ้านอยู่ดี
เมื่อเป็นดังนี้ทั้งเจียงฮ่าวและน้องสาวทำได้เพียงเดินออกมา
“ไซหยวน หมอว่ายังไง”
เจียงฮ่าวถามน้องสาวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาในขณะที่ทั้งคู่เดินออกมา
เจียงไซหยวนได้สะดุ้งและหันไปมองทางพี่ชายของตนในทันที เธอเองคิดมาตลอดว่าพี่ชายตัวเองนั้นไร้ประโยชน์ แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขาเมื่อครู่นี้ทำให้เธอนั้นรู้สึกถึงแรงกดดันทำให้เธออิดออดเล็กน้อย จนในที่สุดก็ต้องพูดออกมา
“หมอบอกว่าพ่อซี่โครงหัก แต่โชคดีที่ไม่ได้ทิ่มอวัยวะภายใน อาการโดยรวมจึงถือว่าดี หมอบอกอีกว่าตราบใดที่ยังรับยาอย่างต่อเนื่อง พ่อจะหายดีใจสามเดือน”
เจียงฮ่าวที่ได้ยินในที่สุดก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เมื่อคิดขึ้นมาว่ามีใครบางคนทำร้ายพ่อของเขาจนเจ็บถึงขนาดนี้ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกโกรธแค้นไม่ได้
“แล้วรู้ไหมว่าใครทำให้พ่อต้องเจ็บถึงขนาดนี้”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเจียงฮ่าวในตอนนี้ทำให้เจียงไซหยวนรู้สึกเป็นกังวลในทันที เธอส่ายหน้าไปมาแล้วปัดออกไป
“พูด”
เจียงฮ่าวพูดออกมาด้วยเสียงอันดังก้องและเย็นยะเยียบ
เจียนไซหยวนสะดุ้งในทันที
“เป็น…เป็นหงเหลียง เขาต้องการให้พ่อจ่ายค่าคุ้มครองสองพันหยวน”
“พ่อพึ่งจะเปิดร้านเลยไม่มีเงินจ่าย มาตอนหลังเขาเข้าไปหยิบเงินของพ่อที่ทำงานมาอย่างยากเข็ญจากโต๊ะเอาดื้อๆ เมื่อพ่อจึงเข้าไปแย่งกลับมาแต่ถูกเขาผลักจนกระแทกกับโต๊ะจนซี่โครงหัก”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงฮ่าวได้พร่ำพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันโกรธแค้น
“หงเหลียงเหรอ….หงเหลียง รอก่อนเหอะ”
เจียงฮ่าวได้กัดฟันแน่ก่อนที่จะหันไปต่อยต้นไม้เล็กๆต้นหนึ่งที่อยู่ข้างๆจนหักโค่นลงมาในหมัดเดียว
“ปังงงงงง”
“ติ้งงงงง ตรวจพบต้นไม้ ท่านต้องการจะย่อยสลายหรือไม่”