บทที่ 86 ดีจนมีคนอยากซื้อต่อ
เจียงฮ่าวในวันนี้ไม่ได้หลับในคาบเรียนแต่อย่างใด เขาเฝ้าสังเกตอาการของหยวนหงตลอดคาบเนื่องจากกลัวว่ายาที่ให้ไปจะทำให้หยวนหงเกิดปัญหาตามมา
อย่างไรก็ตาม ไม่นานเขาก็เชื่อแล้วว่ายานี้ดีจริง
เพราะไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร เสียงของหยวนหงนั้นเปลี่ยนไปเป็นหนักแน่นเหมือนเดิม แม้แต่บรรยากาศตอนสอนก็ยังกลับมาเป็นปกติ
แต่ด้วยการที่หยวนหงนั้นกำลังตั้งใจสอน ทำให้ตัวเขาและคนอื่นๆนั้นไม่ได้สังเกตแม้แต่น้อย
จนกระทั่งเขาสอนเสร็จแล้ว และเหลืออีกสิบนาทีถึงจะหมดคาบเรียน
“เอาล่ะ การสอนของวันนี้จบลงแล้ว ตอนนี้ถ้ามีใครสงสัยที่อาจารย์สอนไปก็ให้ยกมือแล้วถามมาได้เลย”
หลังพูดจบ หยวนหงก็ได้ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ
และเป็นตอนนี้ที่เขานั้นพึ่งรู้สึกตัวว่าร่างกายของตัวเองเปลี่ยนแปลงไปจนต้องถลึงตาขึ้นด้วยความตกใจ
เขาสังเกตแล้วว่าร่างกายของเขาหายจากอาการหวัดแล้ว
คอของเขาตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว น้ำเสียงก็ไม่แหบพร่า แถมยังรู้สึกได้ว่าทั่วทั้งร่างกลับมามีแรงอีกครั้ง
“นี่…ยานี่ได้ผลจริงนี่หว่า”
และเป็นตอนนี้ที่หยวนหงหันควับไปมองเจียงฮ่าวที่กำลังนั่งเขียนอะไรบางอย่างอยู่หลังห้อง
“นักเรียนเจียงฮ่าว”
เจียงฮ่าวที่ได้ยินก็เกือบจะสะดุ้งจนเกือบโยนปากกาลงและรีบลุกขึ้นยืนในทันที ส่วนคนอื่นๆในตอนนี้ก็หยุดมือและค่อยๆหันไปมองหยวนหง
และสิ่งที่หยวนหงได้ทำออกมานั้นได้ทำให้ทุกคนต้องรุ้สึกตกใจ
หยวนหงโค้งตัวลงเล็กน้อยเพื่อขอบคุณเจียงฮ่าว
“ขอบคุณมากเจียงฮ่าวสำหรับยาแก้หวัดของเธอ ดูเหมือนว่ามันสามารถรักษาโรคได้อย่างชะงักงันจริงๆ”
และเป็นตอนนี้ที่ทุกคนสังเกตได้แล้วว่าสุ้มเสียงที่แหบพล่าของหยวนหงได้หายไป ยิ่งไปกว่านั้นคือใบหน้าของหยวนหงในตอนนี้กลับมามีสีแดง ไม่ได้แสดงถึงอาการป่วยไข้แบบก่อนหน้านี้
นี่จึงทำให้ทุกคนอดที่จะหันไปมองเจียงฮ่าวด้วยท่าทางตกตะลึงไม่ได
“ไม่จริงน่า แม่… ไม่มีทาง โลกนี้มียารักษาหวัดได้ภายในเม็ดเดียวจริงๆเหรอเนี่ย”
“ไอ้ฉิบ.. เรื่องจริงเหรอ”
“ถ้าดูอาการของอาจารย์หยวนก็น่าจะจริงแล้วล่ะ”
“…”
อย่างไรก็ตาม กับฉากนี้นั้นทำให้หลิวหยวนยากที่จะรับได้
นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้ มันได้ถากถางยาของเจียงฮ่าวแม้แต่บอกเจียงหงไม่ให้กินเข้าไป
ใครจะไปคิดว่ายานี้จะทำให้หยวนหงอาการดีขึ้นเร็วขนาดนี้ และนี่ทำให้มันยิ่งมั่นใจว่าทั้งสองคนนี้จะต้องร่วมมือกันทำให้ตัวมันนั้นหน้าแตกยับ
ใบหน้าของหลิวหยวนนั้นนับวันยิ่งแตกจนแยกจนต่อติด
และในตอนนี้หน้าของมันแดงเพราะความอับอาย
แม้แต่เจียงฮ่าวเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าหยวนหงนั้นจะบอกขอบคุณเขาตรงๆแบบนี้ นี่ทำให้เจียงฮ่าวรู้สึกเขินเสียไม่ได้จึงได้รีบพูดตอบในทันที
“อาจารย์หยวนไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ นี่ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
“ความจริงผมต่างหากที่ต้องขอบคุณอาจารย์อย่างที่สุดที่อาจารย์นั้นเป็นคนเดียวที่ยอมเชื่อผมด้วยซ้ำ”
พอมาถึงจุดนี้ เจียงฮ่าวได้เหลือบไปมองหลิวหยวนที่ตอนนี้ยืนตะลึงอยู่หน้าห้องพร้อมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะยินดียินร้ายสักเท่าไหร่
“ไม่เหมือนกับบางคนที่เปรียบได้ดั่งกบที่มีชีวิตอยู่เพียงในบ่อน้ำ คนพวกนี้ที่ไม่เคยรับรู้เลยว่าโลกภายนอกนั้นมีสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งกว่าพวกมันมากมายขนาดไหน คนแบบนั้นล้วนแล้วแต่คิดว่าตัวเองนั้นแข็งแกร่งที่สุดในโลกหล้า”
หลังจากได้ยินคำพูดของเจียงฮ่าว ทุกคนได้หันไปมองหลิวหยวนกันถ้วนทุกตัวคน
แม้แต่หลิวหยวนเองก็รู้ว่าเจียงฮ่าวกำลังสื่อถึงมันแต่ด้วยสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่สถานการณ์ที่มันควรจะต่อล้อต่อเถียงด้วย
มันจึงทำได้เพียงแกล้งไม่รับรู้เท่านั้น
ทันทีที่จบคาบลง เจียงฮ่าวก็ได้ฝุบตัวลงไปกับโต๊ะตามปกติ ส่วนอาจารย์หยวนหงก็ได้เดินออกจากห้องไป ในตอนนี้มีเพื่อนร่วมชั้นของเจียงฮ่าวคนหนึ่งได้มายืนอยู่ข้างโต๊ะ
“โจวทง มีอะไร”
เจียงฮ่าวถามออกไปอย่างสงสัย
โจวทงเองก็เป็นหนึ่งในหัวกะทิของห้อง แต่ระดับของเขานั้นเป็นเพียงระดับธรรมดาไม่ได้ผิดปกติแบบเจียงฮ่าวก็เท่านั้น
และท่าที่เจียงฮ่าวรู้ โจวทงคนนี้มีครอบครัวที่ถือได้ว่าดีมากๆเลยทีเดียว เขาได้ยินมาว่าพ่อของโจวทงเป็นผอ.แห่งโรงพยาบาลเมืองเทียนเหอที่หนึ่ง และแม่ของหมอนี่เองก็เปิดบริษัทเกี่ยวกับผลิตยา
และนี่ทำให้โจวทงเป็นคนรวยรุ่นที่สอง(ลูกคนรวย)
อย่างไรก็ตาม โจวทงนั้นทำตัวติดดินมาตลอด นี่ทำให้เจียงฮ่าวเองก็ประทับใจในตัวของโจวทงอยู่พอสมควร
และเป็นตอนนี้ที่โจวทงมองเจียงฮ่าวด้วยท่าทางจริงจังและพูดออกมาว่า
“เพื่อนนักเรียนเจียงฮ่าว นายพอจะขายยานั่นให้ฉันสักเม็ดได้รึเปล่า ฉันเองก็มีอาการหวัดมาหลายวันแล้ว และนี่ก็เกือบจะถึงเวลาสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ฉันกลัวว่าอาการหวัดของฉันจะส่งผลต่อการสอบเข้าน่ะ”