บทที่ 103 เหิงอีเจี้ยนแพ้? (ปลาย)
บทที่ 103 เหิงอีเจี้ยนแพ้? (ปลาย)
เซียวเทียนลังเลอยู่หลายอึดใจ น้ำตาไหลรินออกมา ก่อนพยักหน้าทันที
“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านต้องระวังตัวด้วย! ท่านต้องรอดให้ได้นะ!”
ผู้เป็นอาจารย์ยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนยกกระบี่ยักษ์ในมือซ้ายขึ้น เพียงพริบตา… เจตจำนงกระบี่ก็ทะยานขึ้นหลายเท่า!
ปราณกระบี่ราวกับคลื่นที่ถาโถมมาจากท้องนภาขัดขืนปราณกระบี่ของเสิ่นฉง
เหิงอีเจี้ยนยกกระบี่ขึ้น ฟาดฟันออกไปในแนวขวาง สายลมกระโชกประหนึ่งคลื่นพลังอันไร้เทียมทาน กระบี่กวาดผ่านจากแปดทิศ กักขังบรรพชนตระกูลเสิ่นเอาไว้ตรงกลาง!
เสิ่นฉงยิ้มเย็นชา “เหิงอีเจี้ยน เจ้ายังคิดว่าตัวเองคือปรมาจารย์กระบี่ยักษ์คนเดียวในโลกอย่างนั้นหรือ?!”
เขาชูนิ้วขึ้น จากเหนือท้องนภา หมู่เมฆนับหมื่นรวมตัว กระบี่ยักษ์ก่อตัวขึ้นในทันที
ตอนนั้นเอง กระบี่ยาวทั้งหมดทั่วทั้งเมืองหลวนของตระกูลเสิ่นต่างส่งเสียงกระซิบ ราวกับกำลังสักการะทวยเทพ!
แรงเหวี่ยงของกระบี่จากแนวขวางเริ่มหยุดนิ่งเล็กน้อย เซียวเทียนฉวยโอกาสดังกล่าวขยี้ยันต์เคลื่อนย้ายพริบตา ก่อนหลบหนีไปไกล
เสิ่นฉงหัวเราะคิกคัก “เจ้าเดรัจฉาน ยังอยากจะหนีอีกหรือ?!”
บรรพชนตระกูลเสิ่นใช้เพียงความคิด ทำให้กระบี่ยักษ์ในท้องนภาแยกออกเป็นกระบี่เล็กนับไม่ถ้วนทันที
เจตจำนงกระบี่พลันสลายไป กระบี่ล่องนภานับไม่ถ้วนถูกย้อมด้วยแสงสว่างสีทอง ปราณกระบี่พุ่งขึ้น ทันใดนั้นมันก็โจมตีไปทิศทางหนึ่ง
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ฟิ่ว!
เสียงทะลวงท้องนภายังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง กระบี่ล่องนภานับไม่ถ้วนราวกับลูกธนูนับหมื่นที่ถูกยิงออกไปในครั้งเดียว กวาดไปทุกทิศทาง
ที่ที่กระบี่ล่องนภาตัดผ่าน ย่อมเป็นที่ที่เซียวเทียนเคยอยู่
เสิ่นฉงผู้นี้คือบรรพชนของตระกูลเสิ่น เคล็ดกระบี่ของเขาเป็นอันดับหนึ่งในแผ่นดินหยวนหง ยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาในสายตาของเขามันไม่ต่างจากเศษกระดาษไร้ค่า
ขอเพียงถูกปราณกระบี่นี้เพ่งเล็ง ต่อให้หนีไปจนสุดขอบโลก เพียงแค่ใช้ความคิด เจตจำนงกระบี่นับไม่ถ้วนก็สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ในพริบตา
เมื่อเหิงอีเจี้ยนเห็นดังนี้ เขาจึงร่ายรำกระบี่ยักษ์ในมืออย่างบ้าคลั่ง ปราณกระบี่พุ่งออกไปทุกทิศทาง กระบี่มายานับไม่ถ้วนก่อตัวขึ้นพุ่งเข้าหากระบี่ล่องนภา
ตูม! ตูม! ตูม!
กระบี่มายาและกระบี่ล่องนภายังคงปะทะกัน ทำให้เกิดเสียงกระหน่ำโจมตีดังสนั่น!
เซียวเทียนผู้ยังคงหลบหนีตกตะลึงกับเจตจำนงกระบี่ที่แตกต่างกัน เขาพลันรู้สึกปวดหนึบในอก กลิ่นโลหิตแผ่ซ่านในลำคอ
ครืน!
ทันใดนั้นพลันมีเสียงกระบี่ร้องออกมา อักขระของยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาที่เพิ่งโคจรรอบตัวเขากลับหยุดนิ่ง เหนืออักขระมีกระบี่ล่องนภาเล่มหนึ่งตรงเข้ามา
ความว่างเปล่ารอบข้างเซียวเทียนค่อย ๆ หดลง เสิ่นฉงอยู่กลางอากาศขณะจับจ้องบุตรแห่งโชคชะตา ก่อนร่างจะวูบไหวพุ่งเข้าหาเป้าหมาย จิตสังหารปกคลุมทั่วท้องนภา ท่ามกลางจิตสังหารน่าสะพรึงกลัวนี้ เซียวเทียนไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว
บุตรแห่งโชคชะตาเค้นการบ่มเพาะทั้งหมด แต่ยังไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
เหนือความว่างเปล่า เสิ่นฉงโจมตีด้วยดัชนี ทั่วโลกเริ่มสั่นสะเทือน แรงกดดันราวกับวันสิ้นโลกมาเยือนตรึงเซียวเทียนไว้กับพื้นอย่างแน่นหนา
“เจ้าเดรัจฉาน ขยะอย่างเจ้ากล้ามาท้าทายตระกูลเสิ่นของข้าอย่างนั้นหรือ ตายซะ!”
ตูม!
ปราณกระบี่เคลื่อนลงมาจากท้องนภาฟาดฟันลงไปทันที เสียงคำรามจากการกระหน่ำโจมตีปกคลุมทั่วทั้งจัตุรัส ทำลายเทือกเขาทั้งลูกให้หายไป
ลู่หยวนผู้อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้มีสีหน้าเคร่งขรึม
บุตรแห่งโชคชะตาคนนี้ไม่มีทางมาตายเพราะแบบนี้หรอก!
ค่าชะตาของเจ้าหนุ่มคนนี้ยังไม่ถูกเค้นออกมาสักนิดเลย!
เพราะอย่างนั้น วิถีแห่งสวรรค์ไม่มีทางปล่อยให้เขาตายได้หรอก!
ภายใต้ปราณกระบี่ที่ฟาดฟันจากท้องนภา มีร่างแขนหักยืนตระหง่านพร้อมยกกระบี่ขึ้น
เสิ่นฉงเพิ่งใช้ปราณกระบี่ไปเพียงเจ็ดในสิบส่วนในการหลอมสร้างกระบี่ยักษ์ เขามั่นใจว่าสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ ด้วยกระบี่นี้ ต่อให้เหิงอีเจี้ยนจะแข็งแกร่งพอจนไล่ตามมาทัน ก็ต้องสูญเสียอย่างใหญ่หลวงเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน
เดิมเซียวเทียนคิดว่าเขาจะต้องตายแน่นอน แต่ในช่วงสำคัญ ร่างหนึ่งกลับพุ่งเข้ามาปัดป้องพวกมันให้
ปราณกระบี่ที่คล้ายกับทำลายสวรรค์และโลกถูกชายผู้นั้นปัดป้อง!
ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงของปราณกระบี่กระหน่ำยังคงดังต่อไป ผ่านไปหลายอึดใจ มีเพียงเสียง ‘กึก’ ดังขึ้น กระบี่ยักษ์ในมือของเหิงอีเจี้ยนแตกออก! ปราณกระบี่ทั้งหมดบนกระบี่ยักษ์สลายไป
เสิ่นฉงประสานมือกลางอากาศ เจตจำนงกระบี่ทั่วทั้งร่างรวมตัวกัน แรงกดดันรอบข้างยังคงพุ่งทะยาน จนทั่วพื้นที่เริ่มบิดเบี้ยว
เหิงอีเจี้ยนสะบัดกระบี่ ทำให้เจตจำนงกระบี่ที่คู่ต่อสู้หลอมรวมจากทั่วร่างแตกสลาย เขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง และพบปราณกระบี่หมื่นวิถีอยู่ในมือของเสิ่นฉง จึงรู้ว่าการโจมตีนี้จะตัดสินทุกอย่าง
แต่เซียวเทียนที่อยู่ด้านหลังยังไม่ทันหลบหนี หัวใจของผู้เป็นอาจารย์ก็แทบหยุดเต้น เขาทำได้เพียงต้องทุ่มสุดตัว เพื่อหาหนทางรอดให้ศิษย์เอกเท่านั้น!
เหิงอีเจี้ยนยกโล่ปกคลุมเซียวเทียนเอาไว้ข้างใน ก่อนเงื้อกระบี่ยักษ์ขึ้น พลังวิญญาณรอบข้างยังคงกวาดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ราวกับแรงกดดันจากขุนเขาขนาดใหญ่
ปรมาจารย์กระบี่ยักษ์เงยหน้าขึ้น พบว่าเจตจำนงกระบี่ฟ้าประทานของตนระเบิดออกเป็นแสงสว่างสีน้ำเงิน ตรงมาหลอมรวมกับคมกระบี่ยักษ์
ดวงตาของเสิ่นฉงผู้อยู่กลางอากาศหรี่เล็กน้อย “เจตจำนงกระบี่ฟ้าประทานหรือ?”
เจตจำนงกระบี่ฟ้าประทานนี้ล้ำค่ายิ่งกว่าชีพจรกระบี่ มันคงอยู่ตั้งแต่วันที่ผู้ฝึกกระบี่คนนั้นถือกำเนิด
มันคือพรสวรรค์ของมือกระบี่ และเป็นรากเหง้าของคนผู้นั้นด้วยเช่นกัน
ทันทีที่มันปรากฏขึ้นมา พลังของผู้ใช้จะถูกกระตุ้นเพิ่มขึ้นหลายเท่าจนสูงถึงสิบเท่า
แต่ผลที่ตามมาของการทำลายเจตจำนงกระบี่ฟ้าประทานย่อมสุดจินตนาการ รากฐานการบ่มเพาะทั้งหมดที่มาจากเจตจำนงกระบี่นี้จะถูกล้างผลาญ
เสิ่นฉงรู้ว่าเหิงอีเจี้ยนผู้นี้ตัดสินใจจะตายแล้ว!
ภายใต้การโจมตีของทั้งสอง มันคือเรื่องของความเป็นความตาย!
เมื่อเห็นดังนี้ เสิ่นฉงก็ชี้ออกไปอีกนิ้ว พลังจากสามดัชนีรวมกัน พุ่งลงไปอย่างบ้าคลั่ง
ปราณกระบี่สีน้ำเงินของเหิงอีเจี้ยนพลันขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า กลิ่นอายทรงพลังกลืนกินทุกสิ่งตรงหน้าอย่างต่อเนื่อง อากาศโดยรอบผันผวนไม่หยุด ราวสองผู้ฝึกกระบี่ที่ยิ่งใหญ่กำลังต่อสู้ท่ามกลางสนามรบกลางมรสุม
เพียงเขาก้าวออกมา ปฐพีก็พลันแตกสลายไปหลายสิบลี้ มือข้างหนึ่งของปรมาจารย์กระบี่ถือกระบี่ยักษ์คู่ใจขณะพุ่งออกไป
ปราณกระบี่ที่แตกต่างกันทั้งสองข้ามผ่านท้องนภา ปะทะกันบดขยี้กันไปมากลางอากาศ
ลู่หยวนเม้มริมฝีปาก เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตายากจะคาดเดาได้ว่าคิดอะไรอยู่ ก่อนสั่งให้จงซื่อนำคนบางส่วนล่าถอย
ถึงแม้จงซื่อจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากได้ยินคำสั่งของคุณชายก็ตกตะลึงสักพัก ก่อนจะได้สติ และนำคนบางส่วนถอยกลับอย่างรวดเร็ว
บุตรศักดิ์สิทธิ์วาดค่ายกลจำนวนมากด้วยมือ โอบล้อมพวกเขาทุกคนเอาไว้
วิ้ง!
ปราณกระบี่ทั้งสองสั่นสะเทือน ทุกคนที่นี่ยังคงตกตะลึงกับการล่าถอยโดยฉับพลันของลู่หยวน ในขณะที่เสียงปะทะของกระบี่พลันดังขึ้น
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
กระบี่ยาวในมือของทุกคนเริ่มแยกออกโดยไม่มีการกล่าวเตือน สิ้นเสียง ‘ตูม’ คลื่นอากาศขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น กลิ่นอายทรงพลังกวาดล้างทุกคนในที่นี้ทันที
อาณาบริเวณหลายร้อยลี้ถูกกลืนกิน ชั่วพริบตานั้น ค่ายกลปกป้องในเมืองหลวนพลันเปิดใช้งาน ปกป้องทั่วทั้งเมืองเอาไว้
คลื่นพลังที่เคลื่อนผ่านพวกลู่หยวนทะลวงค่ายกลจำนวนมาก ก่อนจะหยุดนิ่ง…
จงซื่อถามขึ้นว่า “หรือว่านายน้อยจะมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้านใน ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
ลู่หยวนเบือนสายตาออกจากผู้คน ก่อนหันมามองผู้ติดตาม พร้อมน้ำเสียงราบเรียบเช่นเดิม “จะว่าไปแล้ว …เจ้ากับเหิงอีเจี้ยนเป็นสหายเก่ากันมิใช่หรือ?”