บทที่ 20 เกลี้ยกล่อมเหยียนโจว (ปลาย)
บทที่ 20 เกลี้ยกล่อมเหยียนโจว (ปลาย)
“ชิ…”
ลู่หยวนเดาะลิ้น เจ้าบัดซบนั่นมีดีอะไร มันเหมาะสมแล้วหรือ? ไม่ว่าจะหว่านล้อมยังไงก็ไม่ยอมรับสักอย่าง?
“เอาละ ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าไม่ต้องการติดตามข้าผู้นี้?”
“ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ไม่อาจหมางเมินได้ หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ปล่อยหมัวเทียนไป นั่นหมายถึงชายชราได้รับความเมตตาจากคุณชายแล้ว”
ลู่หยวนเรียกหาระบบในใจพร้อมถามว่า “ระบบ ข้าจำได้ว่ามีคำสั่งปราบปรามอยู่ จะใช้มันกับเหยียนโจวได้หรือไม่?”
ระบบตรวจพบว่า [ระดับคำสั่งปราบปรามยังต่ำอยู่ จึงไม่สามารถปราบปรามเหยียนโจวที่เป็นร่างวิญญาณได้!]
“…”
ในเมื่อเหยียนโจวปฏิเสธที่จะยอมจำนน และไม่สามารถถูกกำราบด้วยคำสั่งปราบปรามได้ แล้วเขาจะทำอะไรได้อีก?!
“เมตตางั้นรึ?”
ลู่หยวนแค่นเสียงหัวเราะ ความเย็นชาเผยออกจากแววตาคู่นั้น ท่าทีของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ
“ข้าชื่นชอบเจ้าเพราะเจ้าคือเศษเสี้ยววิญญาณของยอดฝีมือ หากฟื้นขึ้นมา คงจะเป็นสุนัขรับใช้ที่ดี! คิดว่าตนเองมีความสามารถมากนักหรือ?”
สีหน้าของเหยียนโจวยังเรียบเฉย พลางถามว่า “หากคุณชายไม่คิดปล่อยหมัวเทียนไป งั้นก็มารับชมพลังที่แท้จริงของข้าเถิด!”
เหยียนโจวยืนอยู่กลางอากาศโดยมีกระบี่รุ้งครามตั้งตรงอยู่ด้านหน้า รัศมีของมันเจิดจรัสพร้อมปลดปล่อยพลังที่เก็บงำ เขาเอามือไพล่หลัง กำยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาที่ได้รับจากซากมังกรสถิตไว้แน่น
ยอดฝีมือเฒ่าไม่ต้องการต่อสู้กับลู่หยวน ตอนนี้ร่างกายของหมัวเทียนเผาผลาญพลังมากเกินไปเพราะการควบคุมกระบี่รุ้งคราม หากฝืนต่อสู้ มันจะกัดกินรากฐานการฝึกยุทธ์ของหมัวเทียนและนั่นไม่ใช่สิ่งคุ้มค่า
ตราบใดที่ยังมียันต์เคลื่อนย้ายพริบตาในมือ แม้ลู่หยวนจะวางค่ายกลจารึกสวรรค์ไว้มากมาย และยังมียอดฝีมือในขั้นเทียมเทพที่นี่ แต่เขาจะสามารถพาหมัวเทียนหลบหนีออกไปได้อย่างปลอดภัย
ปัญหาในเวลานี้ไม่ใช่ลู่หยวน แต่เป็นหมัวเทียน!
ตั้งแต่ที่เหยียนโจวมีความคิดจะจากไป ร่างกายของบุตรแห่งโชคชะตาก็ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเหยียนโจวทั้งหมด
เห็นชัดว่าลูกศิษย์กำลังหมกมุ่นอยู่กับความแค้น
เหยียนโจวเกลี้ยกล่อม “เจ้าหนู ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะอหังการ์ หากเจ้ารักษาความสงบไว้ให้ได้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเสียสิ่งใด!”
“ขอรับ!”
หลังจากหมัวเทียนทราบว่าเหยียนโจวจะไม่ทิ้งเขา จึงเริ่มผ่อนคลายจิตใจ ทว่าไม่นาน กลับมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่ต้องการเอาชนะเริ่มผุดขึ้นแทนที่
“ข้าจะต้องชนะ …ต้องชนะแน่นอน!”
“อาจารย์ โปรดช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าที!”
“ท่านคือยอดฝีมือเมื่อสามแสนปีที่แล้ว และท่านย่อมมีวิธีการมากมายนับไม่ถ้วน ตราบใดที่ท่านเต็มใจ ด้วยกระบี่รุ้งคราม ท่านจะต้องสังหารลู่หยวนได้แน่!”
หมัวเทียนคล้ายกับเสียสติไปแล้ว เขาคำรามกึกก้องอยู่ในใจเหยียนโจว
แม้อาจารย์จะต้องการเปิดใช้งานยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาทันที แต่ความปราถนาของหมัวเทียนก็ยับยั้งมันไว้ และทำให้เหยียนโจวไม่สามารถพาเขาหนีออกไปได้
ลู่หยวนเก็บกระบี่หักแล้วก้าวถอยหลัง พร้อมกับหยุดยืนอยู่ข้างเฉาหง พลางเอามือไพล่หลัง
ในมุมที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น เกิดแสงสลัวสีแดงในฝ่ามือของชายหนุ่ม ลำแสงที่ใช้ติดตามหมัวเทียนค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
ร่างกายของบุตรแห่งโชคชะตาราวกับไร้การควบคุม ดวงตาคู่นั้นแดงดั่งโลหิต แรงกดดันรอบกายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เจ้าหนู ใจเย็นลงก่อน นี่มันเรื่องอะไรกัน อย่าประมาทเด็ดขาด!”
“ไม่! ข้าจะฆ่าเขา! ข้าจะฆ่าเขา!”
กลิ่นโลหิตคละคลุ้งออกจากร่างกายของหมัวเทียน ทำเอาสีหน้าของเหยียนโจวแปรเปลี่ยนไปมหันต์เมื่อสัมผัสถึงมันได้
“ผงจิตโทสะ?”
ลู่หยวนกล่าวคำพร้อมกับยกมุมปาก “นอกจากผงจิตโทสะแล้ว ยังมีหยาดคะนึงหลอนด้วย”
การแสดงออกของยอดฝีมือเฒ่าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
ผงจิตโทสะผสมกับหยาดคะนึงหลอนจะดึงเอาความโกรธและความลุ่มหลงในกายผู้นั้นออกมา ซึ่งชายหนุ่มไม่สามารถต้านทานมันได้ภายใต้ฐานการฝึกฝนเพียงเท่านี้!
ลู่หยวนยกยิ้ม “เหยียนโจว เจ้าคิดจริง ๆ งั้นหรือว่าจะได้รับความเมตตาจากข้าไปง่าย ๆ?”
นับตั้งแต่ที่มอบเม็ดยาหล่อวิญญาณให้กับเหยียนโจว เขาแอบโรยผงจิตโทสะลงในเม็ดยาหล่อวิญญาณเหล่านั้นด้วย
แม้เหยียนโจวจะทราบ แต่เขาย่อมไม่สนใจ อย่างไรก็ตามผงจิตโทสะนี้ไม่มีความหมายอันใดกับเขา ไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขาเป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณที่เหลืออยู่ มันจึงเป็นเพียงเศษฝุ่นที่ไร้ประโยชน์แท้จริง
แต่ถ้าจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม… จะต้องเติมหยาดคะนึงหลอน
และหยาดคะนึงหลอนนี้ ลู่หยวนซุกซ่อนมันไว้ในลำแสงติดตาม ซึ่งมันติดอยู่กับร่างกายของหมัวเทียน
ตราบใดที่เหยียนโจวครอบครองร่างกายของหมัวเทียน ผงจิตโทสะจะเข้าผสมกับหยาดคะนึงหลอนที่อยู่ในกายเจ้าของร่าง
และในเวลานั้น… ด้วยฐานการฝึกฝนของหมัวเทียนเขาจะไม่สามารถต้านทานมันได้ และความโกรธที่บ้าคลั่งพวกนี้จะบังตาจนมืดบอด มองไม่เห็นเหตุผลใดทั้งสิ้น
ในเวลานั้น เหยื่อจะมีความคิดเพียงอย่างเดียว คือการสังหารบุคคลที่เกลียดชังที่สุดซึ่งยืนอยู่ตรงหน้า!
เช่นเดียวกับตอนนี้…
เหยียนโจวไม่คาดคิดเลยว่าลู่หยวนตระเตรียมทุกสิ่งไว้หมดแล้ว!
เขาฉีกยันต์เคลื่อนย้ายพริบตาทันที และกระตุ้นร่างกายของหมัวเทียนด้วยพละกำลังทั้งหมดก่อนจะพยายามใช้ยันต์หลบหนีออกไป!
ลู่หยวนรู้ความคิดของเหยียนโจวนานแล้ว จึงพูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ามียันต์เคลื่อนย้ายพริบตาในมือ แต่ตอนนี้เจ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถกระตุ้นให้ร่างกายของหมัวเทียนยินยอมออกไปกับเจ้าพร้อมยันต์เคลื่อนย้ายพริบตานี้หรือไม่?”
เป็นไปตามที่ลู่หยวนกล่าวไว้ เหยียนโจวไม่มีทางควบคุมร่างของหมัวเทียนให้หนีออกไปจากตรงนี้ได้
ยอดฝีมือเฒ่าหันมองบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักธารสุญญะด้วยรอยยิ้มบาง ก่อนจะเก็บยันต์ในมือ
“ลู่หยวน ในเมื่อเจ้ายืนกรานว่าจะต่อสู้ อย่างนั้นข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ!”
หลังกล่าวจบ เปลวเพลิงรอบตัวของหมัวเทียนเปล่งประกายเย็นเยียบ ภาพลวงตาด้านหลังปรากฏขึ้นแก่สายตา และสั่นสะเทือนเล็กน้อยในอากาศ ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งตำนานยุคบรรพกาลพร้อมทำให้ผู้คนยอมจำนน
ทันทีที่เหยียนโจวเผยจิตวิญญาณการต่อสู้ออกมา หมัวเทียนหยุดต่อต้าน และมอบสติสัมปชัญญะทั้งหมดให้กับอาจารย์อย่างสมบูรณ์ทันที
กระบี่รุ้งครามที่อยู่ด้านหน้าของเหยียนโจวคล้ายกับสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของผู้เป็นนาย มันปลดปล่อยลำแสงสีฟ้า เจตจำนงกระบี่ที่ไม่เคยปรากฏที่ใดออกมาอย่างน่าสะพรึงกลัว
“นี่มัน…”
ลู่หยวนจ้องมองเจตจำนงกระบี่โดยรอบอย่างใกล้ชิด เขาลอบหวาดระแวงเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้ที่เคยได้ต่อสู้กับหมัวเทียน แม้อีกฝ่ายจะสามารถดึงปราณกระบี่รุ้งครามออกมาได้ แต่ก็ไม่เคยดึงเจตจำนงของมันออกมาได้เลย เห็นชัดว่าบุตรแห่งโชคชะตาไม่เคยเข้าใจเจตจำนงของกระบี่รุ้งคราม
แต่ในเวลานี้เจตจำนงกระบี่ปรากฏ นั่นเป็นเพราะเหยียนโจว
ลู่หยวนได้ยินสิ่งที่หมัวเทียนพูดก่อนหน้านี้ ว่าเหยียนโจวเป็นบรรพชนเมื่อสามแสนปีที่แล้ว
สามแสนปีที่แล้ว ยังมีสิ่งมีชีวิตอันน่าสะพรึงกลัวบนแผ่นดิน และบุคคลนั้นเปรียบดั่งตัวตนที่เป็นอมตะหรือเทพเจ้า
ชายหนุ่มไม่ทราบว่าเหยียนโจวอยู่ในขั้นใด นับประสาอะไรกับเจตจำนงของกระบี่ที่เขาสำแดงในเวลานี้
เมื่อเจตจำนงของกระบี่ควบแน่นในอากาศ บรรยากาศภายในสำนักฟ้าประทานทั้งหมดราวกับถูกวิถีสวรรค์บีบคั้น มันกำลังสร้างแรงกดดันต่อจิตใจของผู้คนโดยรอบอย่างรุนแรง
แม้แต่เฉาหงที่อยู่ในขั้นเทียมเทพยังสัมผัสได้ถึงเจตจำนงกระบี่นี้ และเขาต้องการเผชิญหน้ากับมัน
“คุณชาย” เฉาหงกล่าวเบา ๆ “เจตจำนงกระบี่นี้มีพลังแห่งวิถีซุกซ่อน เพราะฉะนั้นอย่าได้ประมาทนะขอรับ”
เขากล่าวเตือนลู่หยวนด้วยความลังเล ควรบอกให้คุณชายหลบหนีหรือไม่ เพราะแม้แต่เฉาหงเองก็ไม่อาจประเมินได้ว่าเจตจำนงกระบี่เล่มนี้แข็งแกร่งมากเพียงใด