บทที่ 24 ซวี่รั่วหลิงยอมจำนน
บทที่ 24 ซวี่รั่วหลิงยอมจำนน
สำนักฟ้าประทานได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้ อาคารหลายหลังพังทลาย และเหล่าศิษย์ทั้งหมดกำลังรวมตัวกันอยู่ภายในจัตุรัสเพื่อรอฟังข่าว
ผู้อาวุโสที่เหลืออยู่เห็นผลของการต่อสู้จากระยะไกลแล้ว และเมื่อพวกเขาเห็นว่าลู่หยวนกำลังมุ่งหน้ามาทางนี้ ทั้งหมดก็ก้าวไปด้านหน้าพร้อมกล่าวคำเคารพ “รบกวนบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว”
ลู่หยวนไม่ใส่ใจคนเหล่านี้ เขาเดินผ่านไปอย่างไม่แยแส ตรงไปหาสมาชิกของตระกูลลู่และซวี่รั่วหลิง ก่อนจะหยิบยาอายุวัฒนะออกมาแล้วแจกจ่ายให้กับทุกคนเพื่อให้ทั้งหมดปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ
หลังจากนั้นไม่นาน อาการบาดเจ็บของพวกเขาถูกระงับลงอย่างรวดเร็ว
ซวี่รั่วหลิงปรับลมหายใจเสร็จสิ้นแล้ว หลังเห็นว่าเสื้อคลุมของอีกฝ่ายเปื้อนโลหิต จึงถามออกไปอย่างห่วงใย “คุณชาย เป็นอย่างไรบ้าง?”
ชายหนุ่มยกยิ้มแล้วตอบกลับ “ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่โลหิตของข้า แต่เป็นของหมัวเทียน”
ซวี่รั่วหลิงดูเหมือนจะไม่ได้ยินประโยคท้าย สีหน้าของนางผ่อนคลายลง “ดีแล้วที่คุณชายปลอดภัย”
ลู่หยวนลอบคิดในใจ …สาวน้อยคนนี้ดูเหมือนจะไม่มีความรู้สึกใดต่อหมัวเทียนแม้แต่น้อย
“หลิงเอ๋อร์”
ลู่หยวนหยิบคัมภีร์เร้นลับออกมาแล้วมอบให้ซวี่รั่วหลิง “นี่เป็นของเจ้า”
ซวี่รั่วหลิงยื่นมือเรียวออกไปรับมันไว้ เมื่อเปิดขึ้นดู ดวงตางดงามค่อย ๆ เบิกกว้างเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนกว่า “คุณชาย สิ่งนี้เป็นของข้าหรือ?”
ชายหนุ่มเอามือไพล่หลังก่อนพยักหน้ารับ เขาลดเสียงให้นุ่มนวลลงโดยไม่ตั้งใจ “นี่คือคัมภีร์เร้นลับของตระกูลลู่ และไม่สามารถส่งมอบให้กับบุคคลภายนอกได้ แต่หลังจากเจ้าได้รับมันแล้ว เจ้าสามารถฝึกฝนมันได้”
ซวี่รั่วหลิงรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง คัมภีร์เร้นลับเล่มนี้จะทำให้ร่างหยินของนางสมบูรณ์ และหากฝึกฝนสำเร็จแล้ว ตำรานี้จะปรับปรุงร่างกายของนางให้สามารถเดินต่อไปบนเส้นทางการบ่มเพาะได้อีกยาวไกล
เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยม!
ลู่หยวนมอบของสำคัญให้กับนางอย่างง่ายดาย และชายหนุ่มยังลดน้ำเสียงให้เบาด้วย อาจเป็นเพราะเขาไม่ต้องการให้สมาชิกคนอื่นในตระกูลลู่ทราบ และบางทีการทำเช่นนี้อาจมีความเสี่ยงตามมาภายหลัง
ซวี่รั่วหลิงถือคัมภีร์เร้นลับนั้นไว้ในมือ แววตางดงามสบเข้ากับอีกฝ่ายอย่างไม่ตั้งใจ เวลานี้นางรีบกล่าวขอบคุณทันที “ความเมตตาของคุณชายนี้ รั่วหลิงไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน แต่หากคุณชายไม่รังเกียจ รั่วหลิง…”
ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาเพื่อหยุดนางแล้วเอ่ย “ไม่มีหนทางตอบแทนงั้นหรือ? ยังก่อนเถิด แต่โอกาสที่ข้าจะมอบให้เจ้ามันมีมากมายยิ่งกว่านี้เสียอีก”
คุณชายตำหนักธารสุญญะพาหญิงสาวตรงไปยังแท่นสูง เขาหยุดยืนต่อหน้าศิษย์ทั้งหมดของสำนักฟ้าประทานแล้วพูดกับตู้เหิงด้านข้างว่า “เจ้าสำนักตู้ ควรประกาศตำแหน่งนายหญิงของสำนักในเวลานี้!”
เมื่อศิษย์ทั้งหลายเห็นว่าลู่หยวนเดินขึ้นแท่นสูง ทั้งหมดต่างหันสายตาไปจับจ้องทันทีราวกับรู้ว่าอีกฝ่ายมีเรื่องสำคัญจะบอกกล่าว
ตู้เหิงพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว เขาก้าวมาด้านหน้าของศิษย์ทั้งหมดของสำนักฟ้าประทานแล้วเอ่ยปาก “ทุกคน โปรดเงียบด้วย!”
เสียงจอแจด้านล่างเงียบลงทันที ทุกคนหันสายตาจับจ้องไปหาผู้พูด
เสียงของเจ้าสำนักตู้ดังกังวานชัดเจน “นับจากวันนี้ไป ซวี่รั่วหลิงจะขึ้นเป็นผู้สืบทอดแห่งสำนักฟ้าประทาน!”
เมื่อทุกคนที่อยู่ด้านล่างได้ยินอย่างนั้นแล้ว พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน
“ผู้อาวุโสสี่ไม่ได้บอกหรือว่าตำแหน่งผู้สืบทอดถูกตัดสินแล้ว และมันเป็นของศิษย์พี่หมัวเทียน! ทำไมวันนี้ถึงเปลี่ยนใจและส่งมันให้กับศิษย์พี่ซวี่รั่วหลิงแทน?”
“ใช่! ศิษย์พี่ซวี่รั่วหลิงมีความบกพร่องทางร่ายกาย เมื่อเทียบกันแล้วศิษย์พี่หมัวเทียนย่อมดีกว่า ท้ายที่สุดแล้วศิษย์พี่หมัวเทียนมีเนตรเทวะที่หาพบได้ยากในรอบหนึ่งพันปี!”
“ที่จริงข้าได้ยินจากศิษย์พี่หมัวเทียนว่าศิษย์พี่หญิงซวี่รั่วหลิงถูกลักพาตัวไปโดยบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่ และเขาก็รับนางเป็นสาวใช้ในตำหนักธารสุญญะแล้ว!”
“เป็นเช่นนั้นจริงหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว อีกทั้งศิษย์พี่หมัวเทียนยังบอกด้วยว่า เขาพบศิษย์พี่ซวี่รั่วหลิงเมื่อเดินทางไปชุมนุมที่ตระกูลอวิ๋น และต้องการพานางกลับมา แต่เป็นศิษย์พี่หญิงซวี่รั่วหลิงไม่ยินยอม และไม่เพียงแต่จะชื่นชมบุตรศักดิ์สิทธิ์ตระกูลลู่ นางยังกล้าทำบางสิ่งกับศิษย์พี่หมัวเทียนด้วย!”
แม้ว่าพวกเขาจะลดเสียงลง แต่ด้วยฐานการบ่มเพาะของบุคคลที่ยืนบนแท่นสูง คำพูดเหล่านี้พวกเขาย่อมได้ยินชัดเจน
ใบหน้าของซวี่รั่วหลิงค่อย ๆ ซีดลง มือกำแน่น ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย
การสนทนาเหล่านั้นยังไม่ทันสิ้นสุด ปราณกระบี่คมปลาบพลันพุ่งทะยานไปด้านหน้า! สิ้นเสียงฟาดฟันสองสามครั้ง ศีรษะทั้งสามก็ร่วงหล่นลงพื้น
ลู่หยวนขยับมือเล็กน้อย ก่อนกระบี่มหันตภัยจะหวนคืนสู่มือ
ศิษย์หญิงหลายคนกรีดร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก และศิษย์ที่อยู่โดยรอบเผยใบหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าสำนักตู้”
ชายหนุ่มพูดแผ่วเบา ทว่าเผยจิตสังหารรุนแรงออกมาในน้ำเสียง
จิตใจของตู้เหิงเต้นไม่เป็นจังหวะ เวลานี้เขารีบตอบกลับ “บุตรศักดิ์สิทธิ์โปรดบอกกล่าวกับข้าเถิด”
“ภายในสำนักฟ้าประทาน ใครบางคนคิดใส่ร้ายผู้สืบทอดคนใหม่ แต่ท่านกลับยืนเฉยงั้นหรือ? ไม่คิดจะพูดกล่าวสิ่งใด คิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงลมที่ผายออกหรือไร?”
จิตสังหารปะทุออกรุนแรง แต่เวลานี้ตู้เหิงแทบจะหยุดหายใจ เขารีบก้มศีรษะลงอย่างรวดเร็ว
“คุณชาย ข้าต้องขออภัยด้วยแล้ว!”
ลู่หยวนพูดต่อ “และเจ้าหมัวเทียนผู้นั้น พวกเจ้าได้เห็นสิ่งที่เขากระทำในภูเขาด้านหลังหรือไม่? คนอย่างเขาน่ะหรือสมควรเป็นผู้สืบทอดสำนักฟ้าประทาน?”
ตู้เหิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปล่งเสียงต่อว่าบุคคลด้านล่างทันที “ซวี่รั่วหลิงคือผู้สืบทอดสำนักฟ้าประทานของข้า คนเหล่านั้นที่คิดใส่ความนาง พวกมันทั้งหมดสมควรตาย! ใครก็ได้! เก็บศีรษะและร่างกายของพวกมันแล้วเอาไปสับโยนให้สุนัขกินเสีย!”
หลายคนก้าวไปด้านหน้า พร้อมลากศพออกไปทันที
เจ้าสำนักหยุดบริภาษ หัวใจของเขาเต้นช้าลง ก่อนจะพูดต่อ “หมัวเทียนเข้าสู่หอคอยรุ้งครามโดยไม่ได้รับอนุญาต แล้วยังขโมยกระบี่รุ้งครามออกไป เขาถูกจับได้และประหารชีวิตในที่เกิดเหตุ โจรเช่นนี้ไม่สมควรที่จะเป็นศิษย์ของสำนักฟ้าประทาน วันนี้หมัวเทียนตายตกไปจากสำนักฟ้าประทานแล้ว! ในอนาคต หากผู้ใดกล้ากล่าวถึงหมัวเทียนอีกครั้ง ข้าจะสับมันเป็นชิ้น ๆ!”
ศิษย์ด้านล่างรีบตอบสนองทันที และเวลานี้ตู้เหิงรู้สึกอึดอัด เขารักหมัวเทียนมาก แต่ความจริงก็คือความจริง อีกฝ่ายตายตกไปแล้ว ไม่ต่างจากตะเกียงที่ถูกดับไฟ สุดท้ายเจ้าสำนักตู้ทำได้เพียงยอมรับความจริงเท่านั้น
ซวี่รั่วหลิงเห็นว่าลู่หยวนปกป้องตน นางจึงรู้สึกอบอุ่นใจยิ่งนัก “ขอบคุณคุณชายแล้ว”
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง นางจึงกล่าวต่อ “แต่รั่วหลิงต้องการจะยืนเคียงข้างคุณชาย รั่วหลิงไม่ต้องการเป็นผู้สืบทอดของสำนักฟ้าประทาน”
หลังจากที่อาศัยอยู่ในตระกูลลู่หลายวัน ซวี่รั่วหลิงได้พบเจอสิ่งต่าง ๆ มากมาย ในอดีตผู้อาวุโสของที่นี่คล้ายกับว่าเป็นห่วงนาง แต่พวกเขาไม่เคยสนใจนางอย่างแท้จริงสักครั้ง
วันนี้นางมาที่สำนักฟ้าประทานพร้อมกับลู่หยวน และในบรรดาผู้อาวุโสก็มีอาจารย์ของนางด้วย แต่จนถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็ยังไม่คิดชายตามองนางแม้แต่น้อย
ภายในสำนักนี้ แม้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นเจ้าสำนัก นางก็ไม่ต้องการจะอยู่
ชายหนุ่มรู้ความคิดของซวี่รั่วหลิงได้อย่างง่ายดาย เขากล่าวเสียงต่ำว่า “หากเจ้าไม่อยากอยู่ที่นี่ แล้วจะสืบทอดเจตจำนงของกระบี่รุ้งครามได้อย่างไร?”
ซวี่รั่วหลิงเงยหน้าขึ้นทันที นางแทบไม่เชื่อถ้อยคำที่ได้รับฟัง “คุณชาย ท่านกล่าวสิ่งใด?”
ลู่หยวนจับมือซวี่รั่วหลิงแล้วพานางไปที่ภูเขาด้านหลัง “ตามข้ามา”
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็พานางกลับมายังที่ตั้งของกระบี่รุ้งคราม
คุณชายตำหนักธารสุญญะเปลี่ยนน้ำเสียง “ผู้อาวุโส ข้าพาซวี่รั่วหลิงมาแล้ว”
ผู้อาวุโสเทียนเหยียนล่องลอยออกมาจากกระบี่รุ้งคราม
ซวี่รั่วหลิงรีบทำความเคารพทันที “คารวะท่านอาจารย์!”
“อืม เงยหน้าเถิด”
อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเห็นว่ามีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณล่องลอยตรงหน้า คิ้วคมทรงดาบของจิตวิญญาณนี้คล้ายกับจะดูดุดันและสง่างามยิ่งนัก
ผู้อาวุโสเทียนเหยียนกล่าวต่อ “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าจะต้องฝึกฝนทักษะกระบี่กับข้าผู้นี้”
หญิงสาวตอบกลับ ก่อนจะหันมองผู้เป็นนายเล็กน้อย
ผู้อาวุโสเทียนเหยียนเห็นอย่างนี้แล้ว เขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าซวี่รั่วหลิงสนใจในตัวลู่หยวน ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์ตระกูลลู่ ในเรื่องความอาวุโสแล้ว แม่นางซวี่ถือว่าเป็นศิษย์สำนักและหลานสาวคนหนึ่งของข้า แต่วันนี้นางได้รับสืบทอดเจตจำนงแห่งกระบี่ของข้า และถือได้ว่าเป็นผู้สืบทอดของข้าเช่นกัน ดังนั้นหากข้าจะเป็นธุระหมั้นหมายนางไว้กับเจ้า เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
หลังได้ยินแล้ว นางถึงกับเผยสีหน้าแดงก่ำ
ลู่หยวนเลิกคิ้ว เขาคิดวางแผนให้ซวี่รั่วหลิงเป็นเพียงสาวรับใช้ แต่ต่อมา โอกาสทุกสิ่งที่เขาได้รับล้วนแต่มุ่งเป้าไปที่นางหมดสิ้น ดังนั้นชายหนุ่มจึงคิดว่าจะฝึกฝนนางให้แข็งแกร่งเพื่อให้นางเป็นผู้สนับสนุนเขาภายหลัง
ชายหนุ่มไม่เคยคิดอยากแต่งงานกับนาง
แต่ก่อนที่เขาจะกล่าวปฏิเสธ ซวี่รั่วหลิงก็กล่าวขึ้นว่า “ต้องขอบคุณท่านอาจารย์ที่เมตตา แต่รั่วหลิงทราบดีว่าคุณชายผู้นี้จะเป็นใหญ่ในแผ่นดินภายภาคหน้า ด้วยพรสวรรค์ของรั่วหลิงแล้ว ไม่สมควรได้ยืนเคียงข้างเขาในฐานะภริยา”
ซวี่รั่วหลิงหยุดสักครู่ ก่อนจะกล่าวเสริมว่า “รั่วหลิงพร้อมจะยืนเคียงข้างคุณชาย แต่เป็นในฐานะสาวใช้เจ้าค่ะ”
[ระบบแจ้งเตือน : ซวี่รั่วหลิงยอมจำนนต่อท่าน และกลายเป็นผู้ติดตาม!]