บทที่ 27 พิชิตตำหนักฟ้าประทาน
บทที่ 27 พิชิตตำหนักฟ้าประทาน
เมื่อได้รู้ว่าสำนักฟ้าประทานได้รับโชคลาภครั้งใหญ่ พวกเขาจึงรวมตัวกันและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อฉวยเอาโชคลาภนั้นมา!
ด้วยการรวมตัวของสามสำนัก สำนักฟ้าประทานจะต้องถูกโค่นล้มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
ทันใดนั้นมีศิษย์คนหนึ่งรีบวิ่งมาจากประตูด้านนอกของสำนักพลางตะโกน “ท่านเจ้าสำนัก แย่แล้วขอรับ! ผู้คนมากมายนับหมื่นรวมตัวกันห่างจากสำนักเราเพียงไม่กี่ลี้ พวกเขาเร่งรีบมาพร้อมกับกองกำลัง เราอาจกำลังจะถูกโจมตีในไม่ช้า!”
ใบหน้าของตู้เหิงเผือดสียิ่งขึ้น เขาจ้องมองลู่หยวนด้วยรอยยิ้มแหย ภายในรู้สึกละอายใจไม่น้อย
เมื่อพิจารณาจากการแสดงออกของคุณชาย แน่นอนว่าอีกฝ่ายรู้ดีถึงเรื่องที่สำนักอื่นกำลังเร่งบุกโจมตีสำนักฟ้าประทาน จึงฉวยโอกาสยื่นขอเสนอเพื่อให้สำนักอยู่ภายใต้ตระกูลลู่
ช่างเป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม!
หากไม่เห็นด้วยกับลู่หยวน พวกเขาจะต้องต่อสู้กับสำนักอื่นด้วยตนเอง และสำนักฟ้าประทานจะต้องถูกโค่นล้มอย่างแน่นอน
แต่หากเห็นด้วยกับเงื่อนไขในวันนี้ สิ่งที่ต้องสูญเสียก็ไม่มีอะไรไปมากกว่าการตกอยู่ภายใต้ตระกูลลู่
ทั้งสองตัวเลือกนี้ทำให้ตู้เหิงรู้สึกลำบากใจ
ลู่หยวนไม่รีบร้อน เขานั่งกระดิกเท้า และจิบชารอคอยการตัดสินใจของเจ้าสำนักอย่างใจเย็น
เหล่าผู้อาวุโสที่เหลืออยู่ยืนมองหน้ากันโดยไม่เอ่ยสิ่งใด พวกเขายืนนิ่งอยู่ในระยะไกล แต่จิตใจร้อนรนราวกับกำลังถูกเปลวไฟมอดไหม้
จากนั้นไม่นาน ศิษย์อีกคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา “ท่านอาจารย์ คนจากสองสำนักเดินทางมาถึงประตูภูเขาสำนักเราแล้ว พวกเขาฆ่าฟันและเปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรง แนวป้องกันภูเขาถูกเปิดใช้งานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อาจต้านทานได้นานนัก!”
จากนั้นไม่นาน ศิษย์อีกคนก็วิ่งตามมา “ศิษย์หลายร้อยคนจากสำนักของเราเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการขัดขวางศัตรู เหล่าศิษย์ที่เหลือซึ่งอยู่นอกห้องโถงกำลังถูกส่งตัวไป!”
เมื่อตู้เหิงได้ยินดังนั้น เหงื่อเม็ดใหญ่ก็พลันไหลท่วมหน้าผากก่อนจะไหลอาบลงมายังแก้ม ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ได้ยินเสียงการโจมตีที่นอกประตูภูเขาของสำนัก ศัตรูกำลังระดมโจมตีแนวป้องกันภูเขาอย่างไม่ลดละ
เสียงนั้นดังก้องอยู่ในใจของทุกคน ในที่สุดเหล่าผู้อาวุโสคนหนึ่งก็ทนไม่ได้อีกต่อไป เขาพุ่งตัวออกไปคุกเข่าด้านข้างตู้เหิงพลางกล่าว “ท่านเจ้าสำนัก มัวรอสิ่งใดอยู่? ยอมรับเงื่อนไขของคุณชายเสีย!”
ตู้เหิงจ้องมองผู้อาวุโส จิตสังหารปรากฏชัดในแววตาของเขา
ผู้อาวุโสจ้องกลับอย่างดุร้าย “ท่านจะทำอะไรข้า? ตอนนี้ยอดฝีมือมากมายด้านนอกประตูถูกสังหาร! กระบี่ของศัตรูเฉือนคอศิษย์ของเรา! หากไม่รีบตัดสินใจ ท่านเองก็จะถูกบดขยี้ที่นี่เช่นเดียวกัน!”
เจ้าสำนักตู้กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เจ้าไม่รู้หรือว่าการตอบตกลงเงื่อนไข จะทำให้ที่นี่เป็นสำนักฟ้าประทานเพียงในนามเท่านั้น!”
“เป็นสำนักฟ้าประทานเพียงในนามแล้วอย่างไร?!” ผู้อาวุโสหัวเราะเยาะ “ตอนนี้เราก็เป็นสำนักฟ้าประทานเพียงในนามอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? ดูสำนักฟ้าประทานในปัจจุบันเถิด เทียบได้สักครึ่งของเมื่อก่อนหรือไม่?”
“ลองเปรียบเทียบตนกับสุนัขสักตัวเถิด ตู้เหิง เจ้าจำเป็นต้องรู้ว่าการถูกเลี้ยงดูจากคนบางกลุ่มโดยได้รับน้ำผึ้งและน้ำนมชั้นดี ก็เพียงพอแล้วที่จะติดตามอย่างนอบน้อม!”
“ในเมื่อเจ้าเป็นเช่นนี้ เจ้าหวังจะฝึกฝนผู้ใดให้มากอบกู้สำนักฟ้าประทานของข้า?!”
“ตู้เหิง หยุดเพ้อฝันเสียเถิด! สำนักฟ้าประทานเป็นสำนักเพียงในนามมาเนิ่นนานแล้ว!”
ผู้อาวุโสที่เหลืออยู่ก็พยายามเกลี้ยกล่อมเจ้าสำนัก “มีประโยชน์อะไรที่จะยืนหยัดเช่นนี้ในตอนนี้? เจ้าต้องการเห็นศิษย์แห่งสำนักของเราจำนวนนับไม่ถ้วนล้มตายลงในวันนี้อย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของคนฟังพลันซีดเซียว หัวใจของเขาเริ่มหวั่นไหว
เสียงต่อสู้โครมครามดังกัมปนาทอยู่ด้านนอก… แนวป้องกันทั้งหมดถูกทำลายสิ้น
ตอนนั้นเอง เสียงของบุคคลหนึ่งดังก้องทั่วท้องนภา “ตู้เหิง รีบออกมาพบข้าคนนี้เสีย!”
หัวใจของเจ้าสำนักตู้สั่นไหว เขาหันหน้าไปตามทิศทางของเสียง ก่อนจะพบชายชราในชุดคลุมสีทองถือกระบี่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้านอกห้องโถง คิ้วของชายชราผู้นั้นขมวดแน่น ดูดุร้ายอย่างยิ่ง
นี่คือเจ้าสำนักกระบี่สวรรค์ หรงเทียนรุ่ย!
หรงเทียนรุ่ยเองก็จ้องมองมาเช่นเดียวกัน “เจ้าหมาแก่ตู้เหิง ซ่อนตัวอยู่ที่นี่เองสินะ!”
ยามนั้นเอง น้ำเต้าขนาดใหญ่ทะยานจากพื้นขึ้นสู่เวหา ก่อนจะปรากฏหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งอยู่บนนั้น นางคือเจ้าสำนักฟ้าคำรน โจวอิน
ผู้ที่กำลังนั่งจ้องมองไปยังตู้เหิงด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ “นี่ เจ้าสำนักตู้ เราไม่ได้พบกันนาน ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก”
ตู้เหิงจ้องมองนางด้วยแววตาโกรธแค้น
กระบี่ใต้ฝ่าเท้าเจ้าสำนักกระบี่สวรรค์พุ่งมายังห้องโถงใหญ่ “เจ้าหมาแก่ตู้เหิง ข้าแนะนำให้เจ้ายอมรับชะตากรรมของตนเสีย จงอย่าโทษข้าที่โหดร้ายและไร้ความปรานี วันนี้ข้าจะสังหารเจ้าให้สิ้นใจคาสำนักฟ้าประทาน!”
จิตสังหารแผ่ซ่านในแววตาของคนฟัง “ไอ้ลูกหมาหรง!”
อีกด้านหนึ่ง ลำแสงสีขาวสว่างวาบขึ้น เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายยืนถือกระบี่เปื้อนเลือดกลางอากาศ “อมิตาพุทธ ไม่จำเป็นต้องเสวนากับเขาอีกต่อไป สังหารเขาแล้วแสวงหาโชคให้แก่เราเสีย”
“นักบวชเสวียนชิง?!” ตู้เหิงจ้องมองเลือดที่แปดเปื้อนบนกระบี่ในมือเขาด้วยแววตาแดงก่ำ “สำนักปฐมกาลของเจ้าได้รับการช่วยเหลือจากสำนักฟ้าประทานมาโดยตลอด เหตุใดตอนนี้จึงคิดฉวยเอาผลประโยชน์?!”
นักบวชเสวียนชิงกล่าวอย่างเฉยเมย “ข้าจดจำเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจว่า ข้าจะสวดมนต์แผ่เมตตาให้กับสำนักฟ้าประทานเป็นเวลาหนึ่งวันเต็ม เพื่อที่พวกเจ้าจะได้ไปเกิดใหม่”
ซวี่รั่วหลิงคุกเข่าลงเคียงข้างลู่หยวนและแนะนำคนเหล่านี้ให้เขาได้รู้จัก
ในขณะที่คุณชายจากตำหนักธารสุญญะเอนกายลงบนที่นั่ง พลางเอ่ยถามด้วยความสนใจ “วันนี้สามสำนักรวมตัวกันเพื่อปิดล้อมที่นี่ เจ้าไม่ต้องการเข้าร่วมการต่อสู้หรือ?”
หญิงสาวนิ่งสงบ “หากคุณชายออกคำสั่ง รั่วหลิงก็พร้อมที่จะไป แต่หากคุณชายไม่ออกคำสั่ง รั่วหลิงก็จะอยู่ปรนนิบัติท่านที่นี่”
ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มพลางชมการต่อสู้เบื้องหน้าด้วยความสนใจ “หากเป็นเช่นนั้น เราก็มาดูการต่อสู่นี้กันก่อนเถิด”
เมื่อเห็นนักบวชเสวียนชิงและคนอื่น ๆ เข้าใกล้ตู้เหิง เสียงแห่งการสังหารก็ดังกัมปนาทในหูของตู้เหิง
หลังจากที่ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ เห็นศิษย์ถูกสังหาร พวกเขาก็ต่างรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก และรีบเร่งออกไปทำการต่อสู้เพื่อแก้แค้น
ตู้เหิงกำหมัดแน่น กระบี่ยาวปรากฏขึ้นในมือ ก่อนจะทะยานขึ้นสู่เวหาเข้าสู่สนามรบในทันใด
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเค่อ เจ้าสำนักตู้ก็สูญเสียการควบคุม ความเร็วในการเหวี่ยงกระบี่ค่อย ๆ ช้าลง
ด้วยการโจมตีอันรุนแรง หรงเทียนรุ่ยปลดปล่อยกระบี่ยาว พุ่งเข้าฟาดฟันตู้เหิงทันที
ฉัวะ!
ตู้เหิงล่องลอยไปอย่างไร้ทิศทางและตกกระทบพื้นในทันใด
เขาต้องการที่จะยืนหยัดและต่อสู้อีกครั้ง แต่เรี่ยวแรงในร่างกายดูเหมือนจะหมดลงโดยสมบูรณ์ จนไม่สามารถแม้แต่จะลุกขึ้นได้
ศิษย์หลายคนถูกสังหารและนอนจมกองเลือดต่อหน้าต่อตา ส่วนผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
เป็นไปได้ไหมว่าสำนักฟ้าประทานกำลังจะถูกทำลายด้วยมือเขา?
หรงเทียนรุ่ยวางกระบี่ยาวบนบ่าของศัตรูคู่อาฆาต พลางกล่าวด้วยความภาคภูมิใจทันที “ตู้เหิงเอ๋ยตู้เหิง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
ความสิ้นหวังในใจเจ้าสำนักตู้แผ่ซ่านไปทั้งร่าง เขาหลับตาลงและรอคอยความตายที่กำลังจะมาถึง
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังก้องขึ้นในหู “ตู้เหิง ข้าจะถามอีกครั้ง ท่านยินดีจะอยู่ภายใต้ตระกูลลู่หรือไม่?”
เจ้าสำนักกระบี่สวรรค์เงื้อกระบี่ยาวขึ้นสูง และเมื่อกำลังจะฟาดฟัน เจ้าสำนักตู้ก็กล่าวขึ้นทันที “สำนักฟ้าประทานยินดีจะอยู่ภายใต้คำสั่งคุณชาย”
หรงเทียนรุ่ยไม่เข้าใจความหมายของคำพูดนี้ และไม่ต้องการที่จะพยายามทำความเข้าใจด้วย จึงฟาดกระบี่ยาวในมือขึ้นเตรียมจะฟัน
เคร้ง…
กระบี่หักลอยออกไป ขวางกระบี่ของหรงเทียนรุ่ยไว้ในทันที
ก่อนคมกระบี่หักจะฟาดฟันกระบี่ของเจ้าสำนักกระบี่สวรรค์จนกระเด็นออกไป
หรงเทียนรุ่ยถอยหลังไปราวสองสามก้าวและพยายามพยุงร่างกายให้ยืนอย่างมั่นคง เขาตะโกนด้วยความตกใจทันที “เจ้าเป็นผู้ใดกัน?!”
“เจ้าสำนักหรงช่างเกรี้ยวกราดยิ่งนัก”
ลู่หยวนเดินทอดน่องออกมาจากห้องโถง ตามมาด้วยสตรีประดับข้างกายอย่างซวี่รั่วหลิง
หรงเทียนรุ่ยไม่รู้จักชายหนุ่มคนนี้ แต่เมื่อพิจารณาจากฐานการฝึกยุทธ์ของเขาแล้ว ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะอยู่ในขั้นจักรพรรดิยุทธ์”
หึ อ่อนแอเพียงนี้ก็ยังคิดจะเป็นวีรบุรุษอย่างนั้นหรือ?!
หรงเทียนรุ่ยยกกระบี่ในมือขึ้นและฟาดฟันทันที
ขณะที่เจ้าสำนักหรงกำลังพุ่งเข้าใกล้ลู่หยวน เขาพลันมองเห็นลำแสงแห่งกระบี่กะพริบขึ้นเบื้องหน้าเป็นเงาสีดำวาบผ่านไป ไม่นาน… ก็พลันบังเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น
หัวของหรงเทียนรุ่ยแยกออกเป็นสองส่วน และเขาก็ตายในทันที
โจวอินและนักบวชเสวียนชิงที่กำลังเฝ้าดูอยู่ไม่ไกลพลันตกตะลึงเช่นเดียวกัน