บทที่ 33 การรั่วไหลของพลังวิญญาณ
บทที่ 33 การรั่วไหลของพลังวิญญาณ
[โอสถศักดิ์สิทธิ์พิศวงสามารถรักษาเส้นชีพจรวิญญาณที่เสียหายได้!]
ลู่หยวนลดสายตาลงเพื่อดูราคาบนป้าย มูลค่าของยานี้เท่ากับค่าชะตาวายร้าย 50,000 แต้ม!?
ห้าหมื่นค่าชะตาวายร้าย?!
มันแพงอย่างน่าพิศวงสมชื่อเสียจริง!
ตอนนี้เขามีค่าชะตาวายร้ายเพียง 6,000 แต้ม จะแลกสิ่งนี้ได้อย่างไร?
“เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น อะไรก็ได้ที่ทำให้อาการของนางไม่แย่ไปกว่านี้”
[โอสถวิญญาณคงกระพัน สามารถทำให้กลิ่นอายพลังของเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์คงที่ได้ หากดื่มยานี้เข้าไป เส้นชีพจรวิญญาณของบุคคลผู้นั้นจะคงที่ภายในสิบวัน ไม่มีการรั่วไหลหรือผันผวน!]
[มีมูลค่า 100 แต้มค่าชะตาวายร้าย!]
ลู่หยวนพยักหน้า ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย
“เอาโอสถนี้ก็ได้ ทำการแลกเปลี่ยน”
[การแลกเปลี่ยนสำเร็จ ขอท่านโปรดตรวจสอบ!]
ชายหนุ่มรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดที่กระจายตัวไปให้กลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนขยับมือซ้ายเพียงเล็กน้อยเพื่อปิดผนึกพลังวิญญาณทั้งหมดในร่างกายของไป๋ชิวเอ๋อร์
ขณะกำลังจะป้อนโอสถวิญญาณคงกระพันให้กับนาง เขาพลันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่อยู่ไม่ไกลและเคลื่อนตัวเข้ามายังสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
สายตาของเขาจับจ้องไปยังประตู …กลิ่นอายนี้คุ้นเคยมาก!
ร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาจากทางหน้าต่างอย่างชำนาญ หลังเคลื่อนไหวเพียงสองสามก้าว เขาก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าชายหนุ่ม นี่คือไป๋อู๋อี
บุตรแห่งโชคชะตาแห่งตระกูลไป๋ผู้นี้จำได้แม่นว่า ในคืนก่อนที่ตนกลับชาติมาเกิด พลังวิญญาณของไป๋ชิวเอ๋อร์รั่วไหลออกมาอย่างหนักจนทำให้นางเกือบตาย
แม้เจ้าของร่างจะพยายามอย่างเต็มที่ตลอดชีวิตให้สมาชิกตระกูลไป๋ได้มีโอกาสพบกับราชาแห่งการกลั่นโอสถนามว่าลั่วเหวิน และใช้ยาจากเขาเพื่อรักษาสภาพเส้นชีพจรวิญญาณของไป๋ชิวเอ๋อร์ให้คงที่ ถึงกระนั้น… ไป๋อู๋อีก็ยังคงไม่สามารถรับรองได้ว่าจะไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นกับไป๋ชิวเอ๋อร์ในคืนนี้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ได้ เขาจึงตั้งใจเดินทางมาที่นี่เพื่อสอบถามนาง
ขณะกำลังรีบเร่งมายังห้องของไป๋ชิวเอ๋อร์ด้วยความวิตกกังวล เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะได้พบเห็นนางที่กำลังเอนกายนอนในอ้อมกอดของชายอื่น!
ความโกรธที่จุดประกายออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจทำให้บุตรแห่งโชคชะตาทำอะไรไม่ถูกราวกับกำลังจมลงสู่ก้นบึ้งแม่น้ำ แต่เขาก็ยังพอมีสติอยู่บ้าง ดวงตาจ้องเขม็งไปยังคุณชายลู่ราวกับจะพุ่งเข้าโจมตีได้ทุกเมื่อ
“ลู่หยวน เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?!”
คู่กรณีลอบขบขันอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าสายตาอาฆาตของบุตรแห่งโชคชะตาที่รู้สึกได้เมื่อช่วงกลางวันจะสมเหตุสมผลขึ้นมาแล้ว
ไป๋อู๋อีมีความรู้สึกรักใคร่ต่อไป๋ชิวเอ๋อร์ เมื่อเห็นคุณชายต่างตระกูลจับจ้องนางโดยไม่ละสายตาในช่วงเช้าที่ผ่านมา เขาจะเมินเฉยได้อย่างไร?!
ในเวลานี้ลู่หยวนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี ไม่น่าแปลกใจที่ไป๋ชิวเอ๋อร์มีเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ในครอบครอง ก็นะ… พระเอกจะหลงรักผู้หญิงธรรมดาได้อย่างไร?!
ชายหนุ่มเหยียดหยาม “ข้าก็ควรถามเช่นเดียวกันว่าเจ้ามาทำอะไรที่นี่?”
ไป๋อู๋อีจ้องมองคู่กรณีผู้กำลังจับไม้จับมือหญิงอันเป็นที่รัก พร้อมดวงตาแทบลุกเป็นไฟ “ลู่หยวน เอามือสกปรกของเจ้าออกไปเสีย!”
“หากข้าไม่ปล่อย แล้วเจ้าจะทำเช่นไร?”
“เจ้าตายแน่!”
ไป๋อู๋อีโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก กลิ่นอายพลังรอบตัวเขาพุ่งทะยานขึ้น ลำแสงในมือปกคลุมไปทั่วห้องอย่างสมบูรณ์ ลมหายใจทั้งหมดที่กระจายอยู่นอกห้องพลันถูกทำลายหายไป
ในเวลานี้ห้องถูกปิดกั้นโดยสมบูรณ์ แยกออกจากโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง …บุคคลภายนอกไม่สามารถรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในได้
ไป๋อู๋อีเหยียดมือขวาออกมา ก่อนที่หอคอยสามชั้นจะปรากฏขึ้นในมือของเขา
หอคอยถูกปกคลุมด้วยกลิ่นอายพลังสีดำ ขณะเดียวกันก็มีลำแสงสีแดงเข้มเฉิดฉายออกมา จิตสังหารอันรุนแรงแผ่ซ่านไปทั่วห้องในทันที บ่งบอกว่าสิ่งนี้ไม่ธรรมดา
นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เขาได้รับมา ซึ่งถูกซ่อนอยู่ในมุมที่ไม่สะดุดตาของบ้านตระกูลไป๋
พลังที่ซ่อนอยู่ในอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นสิ่งที่เกินจินตนาการ แม้เขาจะเป็นผู้ครอบครอง แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะเข้าไปในอาวุธศักดิ์สิทธิ์นี้และเข้าใจพลังลึกล้ำภายในได้อย่างสมบูรณ์
หลังจากเกิดใหม่ ไป๋อู๋อีก็ได้รับสิ่งนี้มาไว้ในมือทันที แม้จะยังไม่เข้าใจความหมายที่ลึกซึ้งซึ่งซ่อนอยู่ในหอคอยนี้ทั้งหมด แต่มันก็ถือว่าเป็นอาวุธที่ทรงพลัง ทว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา หากใช้หอคอยนี้ร่วมกับการโจมตีก็จะสามารถต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นเทียมเซียนได้!
แต่ลู่หยวนเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น ดังนั้นวันนี้อีกฝ่ายจะต้องตายอย่างแน่นอน!
ในตอนแรกเขาไม่ต้องการเสียสละอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ เพราะหากผู้คนรู้ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักธารสุญญะเสียชีวิตที่นี่ นั่นก็อาจเป็นหายนะของตระกูลไป๋
ทันทีที่หอคอยซึ่งเป็นอาวุธที่ทรงพลังชิ้นนี้สำแดงพลัง คุณชายลู่จะไม่เหลือแม้เพียงเถ้าถ่าน หลังจากนั้น เขาจะสร้างเรื่องโกหกผู้อื่นว่าอีกฝ่ายถูกสังหารระหว่างเดินทางกลับ เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของตระกูลลู่
ในความทรงจำก่อนกลับชาติมาเกิดของไป๋อู๋อี หมัวเทียนเพิ่งสังหารลู่หยวนและหลบหนีไป ผู้คนจากตระกูลลู่พยายามค้นหาเขาอยู่นานแต่ก็ไม่พบ และเมื่อหมัวเทียนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ชายผู้นั้นก็ได้กลายเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานและโค่นล้มตระกูลลู่จนล่มสลายไปแล้ว
หากการกลับชาติมาเกิดของตัวเองทำให้เรื่องราวผิดเพี้ยนไปจริงละก็…
เขาจะสร้างประวัติศาสตร์นั้นขึ้นมาอีกครั้งเอง!
จิตสังหารปรากฏชัดในสายตาของไป๋อู๋อี หากลู่หยวนกล้าแตะต้องผู้หญิงของเขา สิ่งเดียวที่รอคอยอยู่คือความตาย!
กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากหอคอยในทันที ความร้อนในห้องลดลงอย่างกะทันหัน หากลองสังเกตให้ดีจะพบว่า พื้นที่ทั้งหมดในห้องบิดเบี้ยวไป
ไป๋อู๋อีมองไปยังบุตรศักดิ์สิทธิ์ราวกับกำลังจ้องมองคนตาย “ลู่หยวน นี่คือสมบัติศักดิ์สิทธิ์ชิ้นแรกของข้า ถือเป็นเกียรติสำหรับเจ้าที่จะได้ตายด้วยอำนาจของมัน!”
ลู่หยวนเยาะเย้ย “สุนัขที่เพิ่งอยู่ในครึ่งก้าวสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ก็มักจะอวดดีเช่นนี้ ไป๋อู๋อี เจ้าคิดจริงหรือว่าหอคอยที่พัง ๆ นี่จะสามารถทำร้ายข้าได้?”
ฝ่ายตรงข้ามอ้าปากค้างเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยเพียงสามคำ “ข้าไม่สน”
จากนั้นหอคอยก็สั่นสะเทือน พลังอันน่าสะพรึงกลัวราวกับยมทูตที่ชั่วร้ายปะทุออกมาทันที จนทุกอย่างในห้องต้องพังทลายลง
ตู้ม!!
แต่ลู่หยวนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมพร้อมกับไป๋ชิวเอ๋อร์ที่เอนกายอยู่ในอ้อมแขนของเขา แม้กระทั่งเตียงนอนนั้นก็ยังไม่บุบสลายแม้แต่น้อย
ไป๋อู๋อีขมวดคิ้ว…
เป็นไปไม่ได้!
แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ในขั้นเทียมเซียนก็ไม่สามารถทนต่อพลังที่ถูกปลดปล่อยนี้ได้ แต่อีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นจักรพรรดิยุทธ์กลับนิ่งเฉยต่อพลังอันแข็งแกร่งนี้ รอยยิ้มที่มุมปากของอีกฝ่ายยังคงสยายกว้างไม่เปลี่ยนแปลง ราวกับไม่รู้สึกสะทกสะท้าน
“นี่คือพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเจ้าแล้วหรือ?”
ดวงตาของลู่หยวนเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม “ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำซะจริง!”
ชายหนุ่มหรี่ตาลง แรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวปะทุออกมาจากร่างกายของเขา ซึ่งทำลายแสงจากหอคอยที่แผ่กระจายโดยรอบทันที
แรงกดดันนี้แข็งแกร่งราวกับทัณฑ์สวรรค์ที่ปกคลุมไปทั่วตระกูลไป๋ ทำให้เหล่ายอดฝีมือในตระกูลรู้สึกแน่นหน้าอกขณะหลับใหลราวกับกำลังจะถูกบดขยี้ จนสะดุ้งตื่นขึ้นและกระอักเลือดออกมาฉับพลัน
เมื่อแรงกดดันนี้แผ่ซ่านออกมา ไป๋อู๋อีก็ไม่มีเวลาแม้แต่จะป้องกัน เขาถูกบดขยี้จนล้มลงกับพื้นในทันที แม้จะระดมพลังรากฐานการฝึกฝนทั้งหมดของร่างกาย ก็ไม่อาจต้านทานได้
บุตรแห่งโชคชะตาต้องการใช้พลังจากหอคอยเพื่อต่อต้าน แต่พลังโจมตีของหอคอยนั้นก็ถูกระงับเช่นเดียวกัน จนไม่อาจใช้ต้านทานได้เลย
ลู่หยวนวางไป๋ชิวเอ๋อร์ลงกับเตียงก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปหาอีกฝ่าย เขายื่นมือออกไปและคว้าเอาหอคอยมาไว้ในกำมือตน มันสั่นสะเทือนตลอดเวลาราวกับกำลังพยายามต่อต้านการควบคุมของชายหนุ่ม
“ไป๋อู๋อี นี่คือที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเจ้าแล้วหรือ?”
วายร้ายเย้ยหยัน ฝ่ามือของเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ทันใดนั้น… แรงสั่นสะเทือนจากหอคอยก็ค่อย ๆ หยุดลงอย่างเชื่องช้า แสงอันทรงพลังพลันสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง ก่อนหอคอยจะนิ่งสงบในมือของลู่หยวน