บทที่ 57 ไป๋เจ๋อให้กำเนิด
บทที่ 57 ไป๋เจ๋อให้กำเนิด
ลู่หยวนถอยออกมา และกวัดแกว่งกระบี่อีกครั้ง ตอนนี้พลังของกระบี่มหันตภัยเพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที ปราณกระบี่อันทรงพลังพวยพุ่งไปหาศัตรูอีกครั้ง แรงกดดันบดขยี้ทุกสิ่งรอบข้าง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เหวี่ยงกระบี่คราหนึ่ง คลื่นลมพลันโถมกระหน่ำออกมาเป็นพายุ ปราณกระบี่มหันตภัยยังไม่มาถึง แต่คลื่นวายุที่มันสร้างขึ้นเข้ามาปะทะกับโล่แล้ว เพียงแค่แรงจากกระบี่เล็กน้อย พลังของคลื่นพายุก็ระเบิดชั้นโล่ทันที!
ไป๋เจ๋อต้องโจมตีสวนกลับไปอีกครั้ง มันปลดปล่อยแสงสว่างสีทองพวยพุ่งออกมา ทำให้การเคลื่อนไหวของมันล่าช้าไปหลายอึดใจ จนกระทั่งกระบี่ยาวฟาดซ้ำลงมา
ตู้ม!
กระบี่ฟาดฟันใส่โล่จนพังทลาย โล่ทั้งหมดแตกเป็นชิ้น ๆ กลายเป็นเศษเสี้ยวก่อนสลายไป
กระบี่มหันตภัยปรากฏอยู่เหนือศีรษะของไป๋เจ๋อ และกำลังจะสะบั้นลง ซึ่งพริบตานั้นเอง แสงสว่างสีทองพลันขยายใหญ่ขึ้น ก่อนพลังอันกล้าแกร่งของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์จะแผ่กระจายไปรอบทิศ
เมื่อกระบี่มหันตภัยสัมผัสเข้ากับพลังของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มันก็ไม่สามารถรุกคืบไปได้มากกว่านี้อีก
ตู้ม!!
แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์แผ่ซ่านออกไป เกิดเป็นแรงกดดันอันทรงพลังผลักลู่หยวนจนกระเด็น
ชายหนุ่มเสียบกระบี่กลับเข้าฝัก จากนั้นถอยไปด้านหลัง
ร่างของกุ่ยซู่หายวับมาอยู่ด้านข้างลู่หยวน นางจับแขนของชายหนุ่มด้วยมือเล็ก ๆ เพื่อประคองให้ร่างของเจ้านายมั่นคง “นายท่าน!”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ตวัดกระบี่ สลายพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่แทรกซึมเข้าตัวเขาอันเป็นผลจากการโจมตีเมื่อครู่
ชายหนุ่มหรี่ตามองไป๋เจ๋อและไป๋อู๋อีผู้ถูกล้อมด้วยเขตแดนแสงสว่างสีทอง พร้อมมุมปากยกขึ้นเล็กน้อย “บุตรแห่งโชคชะตาผู้นี้ไม่เบา… กระบี่ของข้าจ่อเข้าที่ศีรษะแท้ ๆ แต่ยังคงสามารถสำแดงพลังขัดขืนได้”
กุ่ยซู่ไม่เคยเห็นฉากตรงหน้ามาก่อน ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น “นายท่าน นี่คืออะไร?”
ลู่หยวนยกมือขึ้น พลังมารสีดำห้อมล้อมพื้นที่อีกครั้ง “ไป๋เจ๋อกำลังจะให้กำเนิดแล้ว มันคือพลังรากฐานของวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ที่ให้การคุ้มครองมัน พลังนี้เป็นของวิถีสวรรค์ ข้ากับเจ้าในตอนนี้ไม่สามารถทะลวงได้”
คนฟังขมวดคิ้ว ถามต่อว่า “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?!”
ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิในอากาศ กระบี่มหันตภัยลอยอยู่ด้านข้าง เขายกมือขึ้นปิดปากหาว คล้ายกับง่วงงุนเล็กน้อย “แค่รอก็พอ”
“นายท่าน! ทำไมถึงทำตัวสบายใจเช่นนี้! พวกมันรู้ว่าท่านเป็นใครแล้วนะ!”
กุ่ยซู่ร้อนรน นายท่านช่างเป็นคนใจกว้าง ตอนนี้อีกฝ่ายหนีไปต่อหน้าต่อตาแล้ว ต้องรีบหาทางฆ่าพวกมันสิ!
หากสองคนนี้หนีไปได้ แล้วตัวตนของลู่หยวนถูกแพร่งพรายออกไป นางจะทำอย่างไร?!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ชำเลืองมองประมุขเผ่าภูตผี “เจ้าจะบอกว่าพวกเขารู้ว่าข้ามีสายเลือดมาร? จากนั้นก็จะป่าวประกาศตัวตนของข้าไปทั่วโลกใช่หรือไม่”
กุ่ยซู่พยักหน้าอย่างจริงจัง
“เหอะ…”
ลู่หยวนยิ้มหยัน ดวงตาของเขาฉายแววขบขัน “ต่อให้พวกเขาทำจริง มันก็ไม่แน่ชัดอยู่ดี… ว่าใครกันแน่ที่มีสายเลือดมาร”
หลังจากพูดจบ ชายหนุ่มหลับตา เข้าสู่สภาวะการบ่มเพาะ
เมื่อเห็นดังนี้ ถึงแม้กุ่ยซู่จะวิตก แต่นางไม่กล้าขัดคำสั่งของลู่หยวน ดังนั้นจึงถือค้อนขนาดใหญ่แล้วมายืนด้านข้างไป๋เจ๋อกับไป๋อู๋อีผู้ถูกปกคลุมในแสงสว่างสีทอง
รอให้ออกมาก่อนเถอะ พวกมันตายแน่!
…
ในห้องโถงตระกูลไป๋
ไป๋จางกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หลัก ผู้อาวุโสของตระกูลไป๋กำลังนั่งอยู่ต่ำกว่า
ทุกคนมีสีหน้าตึงเครียดยิ่ง หากทายาทตระกูลไป๋เห็นฉากดังกล่าวเข้า พวกเขาอาจจะคิดว่าตระกูลไป๋กำลังเผชิญหน้ากับหายนะ
แต่ความจริงมันก็เป็นเช่นนั้น ไม่มากก็น้อย!
ผู้อาวุโสคนหนึ่งในชุดสีเขียวถอนหายใจ “นี่ก็เกือบสิบวันแล้ว! คนจากเผ่าภูตผีเข้าไปในเขตแดนสัตว์อสูรสิบวัน! ไม่มีทายาทตระกูลไป๋เข้าไปเลย หากสัตว์เทพไป๋เจ๋อถูกพวกมันพรากไป คนอื่นจะคิดอย่างไรกับตระกูลไป๋?!”
“ข้าเกรงว่าทุกคนในแดนเหนือจะต้องต่อว่าพวกเราอย่างแน่นอน! นั่นคือเผ่าภูตผี เป็นพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับโลกทั้งใบ! หากเรื่องราวบานปลายมากกว่านี้ พวกเราอาจจะถูกตราหน้าว่าลงเรือลำเดียวกับเผ่าภูตผีแล้วก็เป็นได้!”
ผู้อาวุโสในชุดสีเขียวยิ่งมีน้ำโห บนใบหน้าฉายความความไม่พอใจเด่นชัดจนนั่งไม่ติด
ผู้อาวุโสอีกคนห้ามปรามเขาเอาไว้ จากนั้นกล่าวว่า “พวกเขาเข้าไปแล้ว พวกเราไม่สามารถฝืนเปิดเขตแดนอีกครั้งในตอนนี้ได้ ทำได้แค่รอให้ออกมาเท่านั้น”
“แต่คนของเผ่าภูตผีหายไปในโลกนี้นานแล้วนะ พวกมันจะมาปรากฏตัวในตระกูลไป๋ได้อย่างไร?!”
ผู้อาวุโสในชุดสีเขียวสะบัดแขนเสื้อ พ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชา “เช่นนั้นเอาแบบนี้เป็นอย่างไร?! มาตามร่องรอยของเผ่าภูตผีกัน”
“พอได้แล้ว!”
ไป๋จางพูดขัด ทำให้ผู้อาวุโสในชุดสีเขียวรีบนั่งลงกล่าวว่า “เชิญประมุขว่ามา”
สีหน้าของประมุขไป๋ในตอนนี้มืดมน ดูตึงเครียดยิ่ง
ว่ามาหรือ?
จะให้ว่าอะไรล่ะ?!
เขาหวังว่าจะมีเพียงคนจากเผ่าภูตผีที่เข้าค่ายกลเขตแดนสัตว์เทพเท่านั้น!
แต่ตอนนี้… ลู่หยวนกลับเข้าไปเพียงลำพัง!
เผ่าภูตผีมีทั้งความดุร้ายและความโหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีเผ่าภูตผีบางส่วนเข้าไปข้างใน แน่นอนว่าต้องมีบางส่วนที่รากฐานการบ่มเพาะเหนือกว่าลู่หยวนใช่หรือไม่?!
หากพวกเขาเผชิญหน้ากันก็ล้วนต้องอยากเอาชนะเพื่อครอบครองไป๋เจ๋อ ความขัดแย้งก็จะอุบัติขึ้น ลู่หยวนย่อมถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน!
ถึงตอนนั้นหากตระกูลลู่มาถามหาคนจากตระกูลไป๋ พวกเขาควรทำอย่างไร?
จะให้ส่งร่างของลู่หยวนงั้นหรือ?!
ยิ่งกว่านั้น หากชายผู้นั้นตาย แล้วเส้นชีพจรวิญญาณของชิวเอ๋อร์ล่ะ
ไป๋จางหลับตา รู้สึกได้ว่าปวดหัวยิ่งนัก เขากล่าวออกมาช้า ๆ “เฉาหงที่อยู่ข้างบุตรศักดิ์สิทธิ์ล่ะ พบตัวหรือยัง?”
ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่ด้านข้างตอบ “เฉาหงเหมือนจะจากไปก่อนคืนที่บุตรศักดิ์สิทธิ์จะเข้าค่ายกลเขตแดนสัตว์อสูร ส่วนไปที่ไหนนั้นไม่มีใครทราบได้”
ไป๋จางรู้สึกปวดหัวมากขึ้น บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ถูกขังอยู่ในค่ายกลเขตแดนสัตว์อสูรของตระกูลไป๋ องครักษ์รอบตัวเขาหายไป ตระกูลไป๋จึงต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมเรื่องนี้อย่างสมบูรณ์
แบบนี้มันใช่เรื่องดีตรงไหน!?!
ไป๋ชิวเอ๋อร์ผู้ยืนอยู่ด้านข้างเม้มริมฝีปาก ตั้งแต่เผ่าภูตผีทะลวงค่ายกลเข้าไปได้ ไป๋จางก็เล่าทุกอย่างให้นางฟัง
ฝ่ายบุตรีทราบเช่นกันว่าบิดากังวลเรื่องอะไร นางเองก็กังวลเรื่องการเผชิญหน้าของลู่หยวนเช่นกัน
นั่นเผ่าภูตผีเชียวนะ!
“ท่านพ่อ”
หลังจากไป๋ชิวเอ๋อร์ใคร่ครวญแล้ว นางกล่าวว่า “เส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์พิเศษยิ่ง มันสามารถทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าอาจจะต้องลองดูหน่อยว่าสามารถเปิดค่ายกลอีกครั้งได้หรือไม่”
“ไม่ได้!”
ไป๋จางปฏิเสธทันที เพราะเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์ในตอนนี้ของนางไม่มั่นคงยิ่ง หากให้ใช้มันเพื่อดึงพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ออกมา ต่อให้จะมียาอายุวัฒนะที่ลู่หยวนมอบให้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีหลักประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตนาง
ไป๋ชิวเอ๋อร์ถอนหายใจเล็กน้อย “ท่านพ่อ นี่ก็เกือบสิบวันมาแล้ว ถ้าลองคำนวณเวลาดู หากค่ายกลไม่ทำงานให้คนผู้คนเข้าไป เกรงว่า”
“ข้าบอกว่าไม่ได้!”
ไป๋จางยืนขึ้น “ข้าจะไม่เสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของเจ้าเพื่อเรื่องนี้ ข้าจะคิดหาทางเอง!”
เมื่อกล่าวจบ ผู้เป็นบิดาก็สาวเท้าออกไป ผู้อาวุโสคนอื่นจำนวนมากลุกขึ้นแล้วเดินตามเช่นกัน
ไม่ช้าก็มีเพียงไป๋ชิวเอ๋อร์ที่อยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ นางคุกเข่าอยู่ด้านข้าง ดวงตางดงามหลุบต่ำ ไร้ซึ่งประกายความหวัง
ผ่านไปหลายอึดใจ นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมสายตาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
ถ้าไม่ใช่เพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น ชีวิตของนางคงสูญสิ้นในคืนที่พลังวิญญาณรั่วไหลแล้ว ชายหนุ่มไม่เพียงมอบโอสถให้นาง แต่ยังมอบทรัพยากรจำนวนมากให้อีกด้วย
ตอนนี้ ลู่หยวนกำลังเจอกับปัญหา นางไม่อาจนิ่งดูดายได้!