บทที่ 59 กุ่ยซู่หลงเสน่ห์ (ปลาย)
บทที่ 59 กุ่ยซู่หลงเสน่ห์ (ปลาย)
ประมุขเผ่าภูตผีเบื้องหน้าดูเหมือนสาวน้อยแต่มีพละกำลังแก่กล้า นางกล่าวด้วยน้ำเสียงลุ่มลึกว่า “เจ้ารู้อะไรไหม ข้อพิพาททั้งหมดในแผ่นดินหยวนหงต่างมีสาเหตุมาจากเผ่ามาร ในวันนี้เลือดเนื้อเชื้อไขของเผ่ามารแข็งแกร่งยิ่งขึ้น หากเจ้าปล่อยให้เขาเติบโต ทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหงจะตกอยู่ในอันตราย! สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนจะถูกฆ่า!”
“ถึงแม้เจ้าจะเป็นสมาชิกเผ่าภูตผี แต่เจ้าควรจะเข้าใจเรื่องนี้เอาไว้บ้าง! เจ้าจะไปช่วยคนชั่วให้มันได้อะไร!”
“หากเจ้าสามารถช่วยข้าจากเงื้อมมือของลู่หยวนในวันนี้ได้ เจ้าจะช่วยทำให้ชื่อของเผ่าภูตผีพ้นมลทิน! แผ่นดินหยวนหงในอนาคต เผ่าภูตผีจะมีชะตาอยู่ร่วมกับข้า!”
กุ่ยซู่ตัวแข็งทื่อสักพัก จากนั้นหัวเราะคิกคัก เสียงหัวเราะใสกระจ่างราวกับกระดิ่งเงินดังอยู่หลายอึดใจ เมื่อนางหยุดลงก็พลันมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตา
ไป๋เจ๋อขมวดคิ้ว “เจ้าหัวเราะทำไม?”
กุ่ยซู่หุบยิ้ม เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เผยความเกลียดชังในดวงตา “สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนเกี่ยวอะไรกับข้า? ทั่วทั้งแผ่นดินหลักเกี่ยวอะไรกับข้า?! ข้าคือกุ่ยซู่ ยอมรับเพียงนายท่านเท่านั้น!”
“ช่วยทำให้ชื่อของเผ่าภูตผีพ้นมลทินอะไรกัน! พวกข้าเผ่าภูตผี ไม่สนชะตาอยู่ร่วมกับพวกเจ้า! สิ่งที่ข้าต้องการคือการส่งต่อตำนานอันชั่วร้ายของเผ่าภูตผีไปทั่วแผ่นดินหลัก! ข้าต้องการให้มนุษย์สั่นสะท้านเมื่อได้ยินชื่อของเผ่าภูตผีจากพวกข้า!”
“เจ้ากำลังบังคับให้ข้าทรยศเจ้านายสายเลือดมารของเผ่าภูตผีอย่างนั้นหรือ?”
“วันนี้ ข้ากุ่ยซู่ จะติดตามนายท่านเพื่อรอท่านกลายเป็นจอมมาร! นับจากนี้ไป ผู้คนนับไม่ถ้วนในดินแดนหลักผู้เป็นศัตรูกับนายท่าน ถือว่าเป็นศัตรูกับเผ่าภูตผีอย่างพวกข้า!”
พลังภูตผีพวยพุ่งไปตามสายลม ถึงกับมีร่องรอยของพลังชั่วร้าย กุ่ยซู่ถือค้อนขนาดใหญ่ และเผยจิตสังหารอันแรงกล้า
“ไป๋เจ๋อ วันนี้ข้าต้องการหัวของเจ้า เพื่อสร้างความดีความชอบต่อนายท่าน!”
ตู้มมม!
กุ่ยซู่กวัดแกว่งค้อน พลังมืดนับไม่ถ้วนเคลื่อนไปตามค้อนขนาดใหญ่กลืนกินไป๋เจ๋อจนสิ้นซาก
ในเวลาเดียวกัน …ลู่หยวนกำลังไล่ตามไป๋อู๋อีไปถึงขอบค่ายกลเขตแดนสัตว์อสูร
กระบี่ยาวของเขาอาบไปด้วยโลหิต มืออีกข้างถือศีรษะเอาไว้ หากมองใกล้ ๆ มันคือศีรษะของกุ่ยเหยียน
เมื่อครู่ตอนไป๋อู๋อีกำลังหลบหนี เขาได้ใช้คำสาปทำลายวิญญาณ บังคับให้กุ่ยเหยียนกับเทียนเม่ยเอ๋อร์ออกมาต่อสู้
ไม่ไกลกันนั้น ไป๋อู๋อีกอดลูกไป๋เจ๋อเอาไว้ ด้านหลังของเขา บุคคลที่มีรูปลักษณ์ของลู่หยวนยังคงร่ายคาถา พยายามกันไม่ให้ลู่หยวนไล่ตามมา
ระบบแจ้งเตือนว่า [กุ่ยซู่ทำตามคำสั่งนายท่าน สถานะขอนางคือจงรักภักดี!]
[ค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มขึ้น 3,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาวายร้ายในตอนนี้คือ 4,000 แต้ม!]
ความเร็วของลู่หยวนไม่ได้ช้าลง คิ้วของเขาขมวดเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับกุ่ยซู่ผู้นี้ นางหลงเสน่ห์ข้าเข้าแล้วอย่างนั้นหรือ?
ทว่า… ตอนนี้เขายังไม่อาจสนใจสิ่งเหล่านี้ได้
ไม่ไกลกันนั้นไป๋อู๋อีมาถึงขอบค่ายกลโดยไม่สามารถขยับไปข้างหน้าได้อีก เขาหันมองกลับไป ในแววตาไม่มีความแตกตื่น …แต่มันสงบและน่าสะพรึง
ลู่หยวนยืนอยู่ในอากาศ พลางเผยรอยยิ้มแสยะ “อะไร? ยอมจำนนต่อโชคชะตาแล้วรอความตายงั้นหรือ?”
“รอความตาย?”
ไป๋อู๋อียิ้มออกมา “มีแต่คนไร้ประโยชน์เหล่านั้นที่รอรับความตาย! ลู่หยวน การต่อสู้นี้ยังไม่เห็นผล เจ้ายังไม่ชนะหรอกนะ!”
“จริงหรือ? วิธีที่เจ้ามีก็ใช้มาหมดแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะทำให้เจ้ารู้เองว่า ความแตกต่างระหว่างสวรรค์กับพื้นดินมันเป็นเช่นไร!”
ไป๋อู๋อีก้าวถอยหลังเล็กน้อย เทียนเม่ยเอ๋อร์ผู้อยู่ข้างเขาขยับทันที ก่อนพุ่งเข้าหาลู่หยวน!
บุตรศักดิ์สิทธิ์สะบัดแขนเสื้อออกไป ทำให้อักขระสวรรค์เคลื่อนลงมา กดเทียนเม่ยเอ๋อร์ลงกับพื้นไว้มั่นจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว
ลู่หยวนหันมามองอีกฝ่ายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน “หมดหรือยัง?”
“ลู่หยวน เจ้าตายแน่!”
ไป๋อู๋อีกอดลูกไป๋เจ๋อไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างเต็มไปด้วยโลหิตที่ไหลมาจากร่างของเจ้าตัวเล็ก เคลื่อนไปตามมือของบุตรแห่งโชคชะตาก่อนหยดลงพื้น
โลหิตสีแดงสดใสห้อมล้อมลู่หยวนอย่างรวดเร็ว ผ่านไปหลายอึดใจ โลหิตถูกสลักเป็นอักขระบนพื้น
เมื่ออักขระก่อตัวขึ้น พลันปรากฏแสงสว่างศักดิ์สิทธิ์สาดส่องขึ้นไปบนท้องนภา เสียงเหยียดหยันดังขึ้นจากที่อันห่างไกล “ใครกันที่เรียกเทพผู้นี้?”
เหนือท้องนภา แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์ยังคงทอดยาวต่อไป ชั้นหมู่เมฆพลันสลายไปทันที ราวกับมีกองทหารม้านับพันกำลังกดข่มพวกมัน
จากเหนือหมู่เมฆ เสียงหนึ่งลอยลงมาคล้ายกับเป็นเสียงแห่งสวรรค์ “ใครกันที่เรียกเทพผู้นี้?”
ไป๋อู๋อีผู้อยู่ด้านล่างเปล่งเสียงทันที “ข้าน้อยไป๋อู๋อี ขอบังอาจใช้เลือดของไป๋เจ๋อเพื่อส่งสารถึงทวยเทพ ขอให้ท่านเทพสังหารสายเลือดมารด้วย!”
“สายเลือดมารหรือ?!”
เสียงเหนือท้องนภาถูกส่งลงมา ราวกับฟ้าร้องที่มาจากสวรรค์ทั้งเก้า จนทั่วทั้งปฐพีสั่นสะเทือน!
แสงสว่างเจิดจ้าสายหนึ่งเคลื่อนผ่าน หมู่เมฆและอากาศทั้งหมดม้วนตัว ไม่ช้าพวกมันก็ก่อตัวเป็นรูปลักษณ์ของทวยเทพ แสงสว่างศักดิ์สิทธิ์รวมตัว พร้อมพลังทวยเทพที่พลุ่งพล่าน
“ใครคือสายเลือดมาร?!”
ไป๋อู๋อีชี้ไปที่ลู่หยวน “คนผู้นี้คือสายเลือดมาร!”
หมู่เมฆเหนือสวรรค์ทั้งเก้าผันผวน ดวงตาของทวยเทพจับจ้องมายังลู่หยวนเช่นกัน เพียงปรายตามอง ก็สามารถมองทะลุกลิ่นอายมารบนร่างของลู่หยวนได้ ภาพมารซ้อนทับขึ้นมาภายใต้รูปลักษณ์อันหล่อเหลานั่น
ทวยเทพเปิดปากกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “ข้าคือสมาชิกของแผ่นดินหยวนหง หากพบเห็นสายเลือดมารจะต้องสังหารทิ้ง!”
“วันนี้ ในนามของทวยเทพสวรรค์ ข้าผู้นี้จะทำการฆ่าสายเลือดมารที่นี่!”
เหนือความว่างเปล่า ท้องนภาที่เดิมแจ่มใสพลันถูกปกคลุมด้วยหมู่เมฆมืดมิด เสียงฟ้าร้องคำรามหนักหน่วง ราวกับทวยเทพกำลังบันดาลโทสะ
ไป๋อู๋อีกอดลูกไป๋เจ๋อไว้แน่น ถอยออกมาเล็กน้อย จากนั้นแตะโลหิตบนร่างของไป๋เจ๋อน้อย ทำการผนึกจุดที่โลหิตไหลออกมา จากนั้นทำแผลอย่างระมัดระวัง
วิชาอัญเชิญทวยเทพนี้ ได้รับมาจากสถานที่ลับหลังจากเขากลับมาชาติมาเกิด วิชาลับนี้ใช้โลหิตไป๋เจ๋อเป็นจำนวนมาก หากไม่ใช่เพราะวันนี้เป็นเรื่องฉุกเฉิน เขาย่อมไม่มีทางใช้เช่นกัน
ไป๋อู๋อีป้อนยาอายุวัฒนะบางส่วนให้ไป๋เจ๋อน้อย ช่วยทำให้พลังของมันมั่นคง หลังจากวันนี้ไป เกรงว่าเขาต้องตามหาหญ้าวิญญาณและยาอายุวัฒนะคุณภาพสูง เพื่อช่วยให้พลังของมันมั่นคง
บุตรแห่งโชคชะตาชำเลืองมองลู่หยวน ในใจไม่มีสิ่งรบกวน ทวยเทพจากสวรรค์ทั้งเก้าผู้ปรากฏตัวในครั้งนี้ ไม่ใช่ภาพมายาที่อยู่หน้าวิหารโบราณ แต่เป็นทวยเทพร่างจริง
ต่อให้ลู่หยวนมีความสามารถยิ่งใหญ่แค่ไหน เขาก็ไม่มีทางรอดไปได้
เขาชักกระบี่ออกมา ทำลายเคล็ดอักขระสวรรค์ ก่อนจะให้เทียนเม่ยเอ๋อร์กลับมาอยู่ด้านข้าง
ตอนนี้กุ่ยเหยียนตายแล้ว จะเสียนางไปอีกไม่ได้
องค์หญิงหางจิ้งจอกเดินมาอยู่ด้านหลังไป๋อู๋อีราวกับหุ่นเชิด จ้องมองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า แสงสว่างสีแดงในดวงตาของนางพลันสลายไป ดวงตาของนางกลอกไปมาผิดปกติ ก่อนจะกลับมาเป็นดังเดิม
บนพื้น ค่ายกลที่สร้างจากโลหิตของไป๋เจ๋อกักขังลู่หยวนเอาไว้ พลังสวรรค์รอบข้างถาโถมลงมาอย่างหนัก!
จากภายในค่ายกล ดินแดนทั้งหมดบนพื้นพังทลาย จมลงไปสิบจั้ง
ลู่หยวนยังคงยืนอยู่กลางอากาศ เงยหน้าขึ้นพร้อมรอยยิ้มเย็นชา จากนั้นหันกระบี่ออกไป “ทวยเทพหรือ? บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ยังไม่เคยฆ่าทวยเทพ ดังนั้นวันนี้จึงอยากขอลองเสียหน่อย!”
ทวยเทพในท้องนภาก้มมอง พบว่าถึงแม้ลู่หยวนกำลังมองมาจากด้านล่างขึ้นมา แต่สายตาของเขากำลังฉายแววดูถูก ราวกับทวยเทพผู้บันดาลโทสะจนทำให้ขุนเขาลำธารพังทลายผู้นั้นไม่ได้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียแล้ว!”
ทวยเทพตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากเคลื่อนลงมาเหนือสวรรค์ทั้งเก้า ฟาดเข้าใส่ลู่หยวนทันที
สายฟ้าที่กำลังเคลื่อนลงมาแทบจะทำให้ทั่วทั้งปฐพีพังทลาย อสนีบาตเปล่งประกายทำให้โลกนี้หม่นหมองไปถนัดตา
เมื่อชายหนุ่มกำลังจะพุ่งขึ้นไปพร้อมกระบี่ จิตเทวะของเขาพลันสั่นสะเทือนสักพัก และหอคอยอสูรสวรรค์ปรากฏขึ้นตรงหน้า
เมื่อสายฟ้าฟาดลงมา หอคอยขนาดเล็กสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังมารอันแข็งแกร่งพุ่งออกจากหอคอยขนาดเล็ก จากนั้นพัวพันกับสายฟ้าที่อยู่ด้านบนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกลืนกินสายฟ้าจนหมดสิ้น
พลังมารรวมตัวอย่างรวดเร็ว กลืนกินสายฟ้าทั้งหมดเข้าสู่หอคอยอสูรสวรรค์ ก่อนหอคอยจะสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับเป็นการเรอออกมา แล้วหยุดเคลื่อนไหวทันที
“สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ถูกกลืนกินงั้นหรือ?”
ไป๋อู๋อีผู้อยู่ด้านข้างตกตะลึง นี่คือสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์จากสวรรค์ทั้งเก้าเชียวนะ! แม้กระทั่งซากหอคอยนี้ยังกลืนกินเข้าไปได้งั้นหรือ?!
แถมเดิมทีซากหอคอยนี้ก็เป็นของเขา!