ตอนที่ 103 ผิดพลาด
“ ฉันได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว แล้วก็พบว่ามีความคล้ายคลึงกันอยู่บางอย่าง นั่นก็คือทุกเหตุการณ์จะมีกู้จวินอยู่เสมอ นอกจากนี้คนไข้ทั้ง 3 คนยังกรีดร้องเพราะเจอกู้จวิน…เป็นไปได้ว่ากู้จวินคือต้นเหตุของเรื่องดังกล่าว”
ในขณะที่คําว่า “กู้จวิน” ออกมาจากปากของผู้อาวุโสฉิน สายฟ้าฟาดก็ผ่านลงตรงลานกว้างอย่างรุนแรง เสียงของมันนั้นดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ทั่วบริเวณของเฟคต้า เสียงของมันดังกระหึมคล้ายกับพายุที่สามารถทําลายล้างโลกได้อย่างมหาศาลที่กําลังเกิดขึ้นบนโลกใบนี้
และทันทีที่จบประโยคทั้งหมด เมฆฝนก็ซัดสาดเข้ากับอาคาร เม็ดฝนนั้นตกกระหน่ำจนสาดกระเซ็นไปทั่ว ทําให้หน้าต่างของอาคารทั้งหลายถูกปกคลุมไปด้วยฝนและเห็นแต่เพียงความมืดมิด อันไร้ซึ่งแสงสว่าง
“ เป็นไปได้มากที่กู้จวินจะเป็นตัวกระตุ้นอาการของเหล่าผู้ป่วยจริง และในแง่ร้าย เขาอาจจะเป็น “สิ่งที่อยู่ในต้นไทร” นั้นด้วยก็ได้” ศาสตราจารย์ฉันพูดอย่างเชื่องช้า หากแต่คําพูดที่เขาพูดออกมาล้วนเต็มไปด้วยความกังวลทั้งสิ้น
“อะไรนะครับ?” หัวหน้าทีมชิวแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่อาวุโสฉินบอก กู้จวินเป็นตัวกระตุ้นเหรอ? พวกเขาทั้งหมดในเฟคต้ารู้จักเด็กคนนี้ดี เขาทราบว่ากู้จวินเป็นที่ดีและเก่ง และแทบไม่มีใครมีความเกลียดชังและความบาดหมางกับเขา ดังนั้นคําตอบนี้จึงน่าจะเป็นความจริงเพราะคงไม่มีใครใส่ร้ายเขาเพราะความบาดหมาง โดยเฉพาะในเมื่อมันเป็นเรื่องของงาน
หัวหน้าทีมชิวเพียงแค่หัวเราะออกมากลบเกลื่อนแม้ในหัวจะเต็มไปด้วยความคิดที่จุนงง เขาทราบดีว่าทีมจิตวิทยามักจะมีส่วนร่วมกับทฤษฎีที่ไม่สามารถหยั่งรู้ได้และเป็นเรื่องไกลตัวเกินกว่า ทุกคนจะเข้าถึงนอกจากนี้เก้าครั้งในสิบครั้งที่พวกเขาคํานวณนั้นมักจะเป็นจริง ต่อให้มันจะไร้สาระแค่ไหนก็ตาม!
“ ตะ…แต่ว่ากู้จวินได้ติดต่อกับผู้ป่วยจํานวนมากเลยนะครับ ทําไมถึงอาการกําเริบแค่ 3 คน? พี่ฉิน คุณก็น่าจะรู้ด้วยว่าพวกทีมจิตวิทยาใช้เวลาทั้งวันในการสงสัยสิ่งต่างๆ เอาจริงๆ โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาไม่เชื่อใจคนทั้งโลก! แล้วคนแบบนั้นน่ะจะเชื่อใจได้เหรอครับ?” หัวหน้าชิวพยายามแก้ต่างแทนกู้จวิน
“ ครั้งนี้แตกต่างออกไป…พวกเราไม่รู้ชัดเจนเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของเรื่องนี้” ศาสตราจารย์ฉินถอนหายใจ ข้อมูลบางอย่างถูกปิดบังโดยเหล่าเบื้องบน และพวกเขาก็ไม่รู้ เนื่องจากเขาไม่มีระดับอํานาจที่เพียงพอ ศาสตราจารย์ฉินส่ายหัวให้กับความไร้อํานาจของตนเอง
“ ฉันไม่ได้แจ้งฝ่ายสืบสวนเกี่ยวกับสถานการณ์คลุมเครือแบบนี้และสิ่งที่เราควรทําอย่างเดียวคือ สังเกต เพื่อซื้อเวลาให้ทีมจิตวิทยาทําการวิเคราะห์เพิ่มเติม อีกอย่างหนึ่งเรื่องนี้จะถูกเก็บเป็นความลับ อย่าบอกกู้จวิน! ปล่อยให้เขาทําตามใจและทํางานต่อไปเรื่อยๆ” ศาสตราจารย์ฉินสั่งเสียงเข้ม
“ เข้าใจแล้วครับ” หัวหน้าทีมชิวพยักหน้า แม้เขาจะไม่เชื่อสิ่งไร้สาระทางทฤษฎีที่ทีมจิตวิทยาบอกแต่มันก็เป็นคําสั่ง เขาย่อมทําตามอย่างไม่อาจจะเลี่ยง
****
[การผ่าตัดครั้งที่ 2 การตัดข้อไหล่ กู้จวินมีส่วนร่วมอีก 7% เขาได้ทําการเย็บเพียงบางส่วน]
[การผ่าตัดครั้งที่ 3 การตัดข้อต่อสะโพก การมีส่วนร่วมของปู่จวินเพิ่มขึ้นเป็น 99% เพราะเขาเป็นผู้รับผิดชอบในการจับเนื้อเยื่อให้เข้าที่ระหว่างการผ่าตัด]
[การผ่าตัดครั้งที่ 4 การตัดแขน การผ่าตัดครั้งนี้นับว่าเป็นการผ่าตัดที่รุนแรงและยากมาก ผู้ป่วยถูกตัดตั้งแต่ช่วงเอวลงไปเพื่อเลาะเอาเนื้อร้ายออก กู้จวินได้มีส่วนร่วมถึง 10% และนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดแขนที่แท้จริง]
[และเปอร์เซ็นต์การมีส่วนร่วมก็เพิ่มขึ้นเป็น 12% ในระหว่างการผ่าตัดครั้งที่ 5 ซึ่งมันก็คือ การตัดแขน]
[และในระหว่างการผ่าตัดครั้งที่ 6 เขาได้รับผิดชอบการตัดสะโพกทั้งสองข้าง และได้เปอร์เซ็นการเข้าร่วมเท่ากับ 15%]
[และดูเหมือนว่าเขาจะได้ใจเกินไป นี่คือความสงบก่อนพายุจะเข้า เมื่อสิ่งต่างๆดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบ “ความล้มเหลว” ก็เกิดขึ้นในระหว่างการผ่าตัดครั้งที่ 7!!]
เป็นการตัดแขนอีกครั้งหนึ่ง…ซึ่งมีความยากน้อยกว่าการตัดสะโพกทั้งสองอย่างผู้ปวยรอบที่ถัดๆมา อย่างไรก็ตามผู้ป่วยเป็นหญิงชราที่มีอายุมากกว่า 70 ปี ด้วยร่างกายที่อ่อนแอและไร้เรี่ยวแรง เธอจึงไม่สามารถทนต่อความทรมานของการเลื่อยกระดูกเป็นเวลานานภายใต้การดมยาสลบเล็กน้อยได้ ในระหว่างการเลื่อยกระดูก เธอก็เกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น แม้ทีมแพทย์จะพยายามอย่างเต็มที่แต่เธอก็พ่ายแพ้และจากไปอย่างทุกข์ทรมาน
การดําเนินการที่ล้มเหลวนี้ไม่ได้ช่วยในการสะสมคะแนนการมีส่วนร่วมของกู้จวิน เมื่อเผชิญหน้ากับการตายของผู้ป่วย ทุกคนก็ทําได้เพียงกลิ่นผลไม้แห่งความพ่ายแพ้อันขมขึ้นนี้ลงไปเงียบๆ ในขณะที่ศัลแพทย์รุ่นใหญ่มีสีหน้าขมขื่น เหล่าพยาบาลรุ่นน้องที่อายุน้อยก็แอบไปร้องไห้ที่มุมห้อง ดวงตาของแต่ละคนแอบมีน้ําตาเอ่อขึ้นมาด้วยความเศร้าโศกเสียใจ
แต่นี่ก็ไม่ใช่การเผชิญหน้ากับความตายของผู้คนเป็นครั้งแรก! หากยังเดินบนเส้นทางนี้ พวกเขาย่อมจะพบเจออีก
อย่างไรก็ตามเสียงร้องที่บีบหัวใจและคําวิงวอนร้องขอความตายยังคงดังก้องอยู่ในใจของพวกเขาอย่างไม่หยุดยั้ง เสียงกรีดร้องแห่งความเจ็บปวดของหญิงชราและการยินยอมอยู่ในเงื้อมมือแห่งความตาย ทั้งหมดทั้งมวลทําให้พวกเขาโศกเศร้าและจิตตกไปอีกหลายเดือน
เมื่อถึงจุดนั้นกู้จวินก็ได้แต่ขบกรามและกําหมัดแน่นเพื่อเล่นเกมชักเย่อกับต่อมน้ำตาของตนเอง เขาไม่ยอมร้องไห้ออกมาเด็ดขาด อนิจจา! ร่างกายของเขามันช่างซื่อสัตย์กับอารมณ์ของตนเอง ไม่นานลูกปัดอุ่น ๆ ก็กลิ้งลงมาที่แก้มของเขาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะผ่าตัดพลาด…สมัยเรียนเขาก็ทําพลาดตั้งเยอะ เพียงแต่ตอนนั้นสิ่งที่เขาผ่ามีเพียงซากหนูและซากศพ มันไร้ชีวิตตั้งแต่เริ่มต้น เขาอาจจะเสียใจเพียงแต่บางครั้งฟอร์มาลีนที่มีกลิ่นฉุนและแสบร้อนมันก็ปกปิดน้ำตาแห่งความเสียใจเอาไว้ได้
“นั่นแหละคือชีวิต” จู้รุ่ยเหวินปลอบโยนกู้จวิน และหลี่หัวหลงด้วยการตบไหล่อย่างแรงและค้างเอาไว้เพื่อให้กําลังใจ มือใหม่ทั้งสองเพิ่งเผชิญกับชีวิตที่หลุดลอยไปด้วยปลายนิ้วของพวกเขาเป็นครั้งแรก จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะอาการเป็นแบบนี้
“ เราไม่สามารถช่วยทุกคนได้ ในฐานะแพทย์เราต้องเตรียมพร้อมสําหรับเรื่องแบบนี้”
กู้จวินเช็ดน้ำตาของเขาทันที ใช่!! มันไม่มีเวลาให้เขาอารมณ์อ่อนไหว เพราะการผ่าตัดครั้งที่ 8 กําลังเริ่มต้น เขาจะต้องทําภารกิจ!!
ความล้มเหลวครั้งที่สองเกิดขึ้นระหว่างการดําเนินการผ่าตัดครั้งที่ 13 คราวนี้เป็นเด็กชายตัวน้อยที่อายุไม่ถึง 5 ขวบ มันเป็นการผ่าตัดแขนทั้งสองข้าง บรรยากาศในห้องผ่าตัดครั้งนี้เต็มไปด้วยความหนักอึ้งของอารมณ์ หากเป็นการจากไปของชายชราพวกเขาสามารถอ้างว่าผู้ป่วยอยู่ในวัยชราได้และคงจะตายเองในอีกไม่นาน อนิจจาเด็กเล็กๆคนนี้เขายังไม่ได้ใช้ชีวิตให้เต็มที่เลย โรคร้ายกลับพัดพาชีวิตเขาไปเสียแล้ว!
อย่างไรก็ตามครั้งนี้น้ําตาของกู้จวินจะไม่ไหลลงบนแก้มอีกต่อไป การตายของเด็กชานมันกลายเป็นแรงจูงใจของเขาในการช่วยชีวิตคนอื่นอีกคน
ในเช้าวันที่ 3 ทีมปฏิบัติการการทําการผ่าตัดเสร็จสิ้น 20 ครั้งตรงตามกําหนดเวลาเป๊ะๆ การผ่าตัดครั้งสุดท้ายของพวกเขาคือการตัดสะโพกทั้งสองข้างอีกครั้ง นอกจากนี้ยังยาวที่สุดในบรรดา 20 คนซึ่งใช้เวลาเกือบ 6 ชั่วโมง!
และทีมของจู้รุ่ยเหวินที่ได้รับมอบหมายให้ผ่าตัดผู้ปวยทั้งหมด 20 คน โดยแผนกศัลยกรรมกระดูกนั้นสําเร็จ!! โดยมีอัตราความสําเร็จ 90% ซึ่งมันสูงกว่า 76 % ก่อนหน้านี้มาก
สําหรับทีมที่เป็นศัลยแพทย์หลักคนใหม่ ผู้ช่วยมือใหม่คนที่ 2 และ 3 แต่เกิดความล้มเหลวแค่ 2 ครั้งในการผ่าตัด 20 ครั้งนั้นยอดเยี่ยมมากแล้ว
เมื่อการผ่าตัดจบสิ้น ในที่สุดทีมแพทย์อย่างจู้รุ่ยเหวิน เสิ่นเจียงกัว เยี่ยนไห่เจ๋อ กู้จวิน และหลี่หัวหลง รวมถึงพยาบาลอย่างน้องสาวเฉินและน้องชายหวังต่างก็ถอนหายใจยาวๆ เป็นเวลานาน มันรู้สึกดีมากเมื่อความกดดันทั้งหลายทั้งแหล่ถูกยกออกจากไหล่ของพวกเขา ตอนนี้ใบหน้าของทุกคนซีดและคล้ายจะมีเลือดไหลออกมาได้ทุกเมื่อ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา ความเหนื่อยล้าในการผ่าตัดทําให้พวกเขาแทบจะไม่ได้นอนและพักผ่อนรวมกัน 10 ชั่วโมงเลยด้วยซ้ํา
“ อา…” ในขณะที่ผู้รุ่ยเหวินเดินออกจากห้องผ่าตัด เขาก็คุกเข่าลงและล้มลงบนพื้น เขาแทบจะทรงตัวไม่อยู่แม้จะจับเข้ากับกําแพงด้วยซ้ำ!
“ ศัลยแพทย์จู้” กู้จวินร้องเรียกและรีบวิ่งไปข้างๆ ศัลแพทย์รู้พร้อมกับคนอื่น ๆ
“ฉันสบายดี! ฉันสบายดี..” จู้รุ่ยเหวินพึมพําเบา ๆ กับตนเองในขณะที่เขาฉีกหน้ากากแห่งความอ่อนแอออก ทว่าเขาก็ยังหอบอย่างอ่อนแรง “ ฉันแค่ต้องนั่ง ฉันสบายดี.”
เมื่อเห็นความเหนื่อยล้าของศัลยแพทย์หลัก สภาพจิตใจของเสิ่นเจียงกัวก็เริ่มหดหูเช่นกัน ทันใดนั้นเขาก็ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ “ ฉันก็อยากพักเหมือนกัน ฉันคิดว่าฉันแก่แล้วแก่จริงๆ”
พอเห็นทุกคนพักหลีหัวหลงและกู้จวินก็นั่งลงและพิงกําแพงทางเดินตามทุกคนเช่นกัน แพทย์เหล่านี้รู้สึกเหนื่อยล้าแต่พวกเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะนอนหลับลงได้
แม้วิสัญญีแพทย์และพยาบาลจะมาช่วยงาน…แต่พวกเขาไหนเลยจะเหนื่อยเท่าแพทย์…ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถพักผ่อนและนอนได้ทันที
“72 ชั่วโมง กับการผ่าตัด 20 ครั้ง!”
กู้จวินหลับตาลงเล็กน้อยและพักผ่อน ในเวลานี้เขาไม่ต้องการที่จะคิดเกี่ยวกับอะไรอีกต่อไปแล้ว เช่นเดียวกับที่ศัลยแพทย์จุรุ่ยเหวินกล่าวเอาไว้ว่า “ นั่งก่อนแล้วเราจะสบายเอง”
ในขณะที่เขาหลับตาก็มีข้อความแจ้งหลายอย่างปรากฏขึ้นในระบบ ทว่าตอนนี้เขาไม่มีพลังงานเพียงพอที่จะกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้
[คุณเข้าร่วมการผ่าตัดสองดาวที่ประสบความสําเร็จผลงานส่วนตัว: 15% และเป็นอันดับ 3 ของทีมผ่าตัด]
ความสามารถของมือแห่งความเชี่ยวชาญได้เพิ่มขึ้น! ระดับปัจจุบันคือระดับ 2 (ความสามารถ 20000/30000)
ผลงานส่วนตัวสะสมในปัจจุบัน: 156%
ภารกิจ “ลับ เสร็จสมบูรณ์”
รางวัลภารกิจกําลังรอให้รวบรวม: รูปถ่ายที่ไม่ชัดและทรุดโทรม 1 รูป
[คลิกเพื่อรับรางวัลของคุณ!]