ตอนที่ 122 เขาคือคนในภาพ
ทันทีที่วีดีโอถูกเปิด…ความเงียบก็หวนคืนสู่ค่ายทหาร กู้จวินนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และจับ ตามองภาพที่เกิดขึ้นในวีดีโอทั้งหมด สิ่งที่เขาเห็นก็ไม่ต่างจากทหารที่อยู่ในค่ายนั่นก็คือภาพวีดี โอของคนไข้ที่กําลังจ้องมองมาที่หน้าจอ และกู้จวินก็รู้สึกว่าผู้ป่วยที่ว่าคนนั้นจับจ้องมาที่เขาด้วย
“นี่เป็นวิธีการหนึ่งทางจิตวิทยา สําหรับการสืบสวนสอบสวนโดยเฉพาะ มันเป็นกลง่ายๆที่มีไว้สําหรับทดสอบการจดจําใบหน้าของผู้ปวย” หวังเค่ออธิบายให้กู้จวินฟัง แต่เขาก็ไม่ได้ลงลึกมากอะไร เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คนเรียนแพทย์จะรู้เทคนิคนี้ดีอยู่แล้วเพราะมันก็เชื่อมโยงกับวิชาจิตวิทยาเช่นเดียวกัน จากนั้นเขาก็อธิบายต่อ “คนไข้คนนี้คือหนึ่งในคนไข้ทั้งหมดจากคนไข้ทั้งหมด 1024 คนที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการประสาทหลอนที่อาศัยอยู่ในค่ายนี้”
“การทดสอบการจดจําใบหน้าเหรอครับ?” กู้จวินรู้ว่านี่เป็นขั้นตอนการสืบสวนประเภทหนึ่งที่ใช้ในการสืบสวนคดีอาชญากรรม โดยปกติผู้ที่ตกเป็นเหยื่อหรือพยานจะถูกขอให้เลือกผู้ต้องสงสัยจากภาพที่กําหนด และโดยมากมักจะเป็นความลับเพื่อป้องกันความปลอดภัยให้พยาน
“ เราผสมภาพของคนสามสิบคนเข้าด้วยกัน พวกเขามีโครงสร้างลักษณะใบหน้าและทรงผมที่แตกต่างกัน กลุ่มงานจิตวิทยายืนยันกับเราว่าไม่มีคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะในการเลือกรูปภาพ และก่อนกระบวนการนี้จะเริ่มขึ้น เราไม่ได้ให้คําแนะนําใด ๆ กับผู้ป่วยคนใดเลย”
หวังเค่อกล่าวตามความจริง เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องโกหกกู้จวิน
5 ขั้นตอนนี้เริ่มจากการที่คอมพิวเตอร์สุ่มเล่นภาพของคนทั้งสามสิบคนให้คนไข้ได้ดูและเปรียบเทียบ ในครั้งแรกผู้ปวยแค่มองผ่านพวกเขาเท่านั้น ไม่ต้องทําอะไรทั้งสิ้น แต่หลังจากการหมุนครั้งที่สองของการสุมภาพสามสิบภาพ คนไข้จะถูกถามว่ามีใครในสามสิบคนที่คล้ายกับคนที่พวกเขาพบระหว่างภาพหลอนหรือไม่? พวกเราจะดูว่าพวกเขาจะเลือกรูปหนึ่งในสามสิบรูปนั้น แล้วรูปที่เลือกนั้นจะเป็นรูปไหน?”
ทันใดนั้นในวิดีโอที่กําลังเล่นดวงตาของผู้ป่วยก็เบิกกว้างขึ้น เขายกนิ้วชี้ “ นี่คือเขา! ฉันเคยเห็นผู้ชายคนนี้”
วิดีโอเปลี่ยนไปอีกมุมหนึ่ง ตอนนี้กู้จวินเห็นว่ามีคอมพิวเตอร์วางอยู่ตรงหน้าคนไข้และภาพที่แสดงบนจอภาพ? เป็นรหัสการฝึกงานของเขาที่ได้จากเฟคต้าและถูกยึดไปตั้งแต่ฝึกงานจบ และมันคือรหัสและหน้าของเขาเอง! คําว่า “กู้จวิน” ถูกระบุอย่างชัดเจน
“…” กู้จวินหายใจเข้าลึก ๆ แต่มันก็ไม่ได้ทําให้หัวใจของเขาคลี่คลายความกังวลเลย เขาไม่อาจจะเถียงอะไรออกมาทั้งสิ้น เพราะไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหน เขาไม่รู้จักผู้ป่วยรายนี้มาก่อน เขาไม่เคยพบชายคนนี้มาก่อนในชีวิตของเขาด้วยซ้ำ! แม้แต่ในนิมิตก็ยังไม่เคยเห็น แต่ก่อนที่เขาจะคิดได้ วิดีโอก็เปลี่ยนไปยังผู้ป่วยรายถัดไปและภาพถัดไปอีกครั้ง…
และนรกที่แท้จริงก็พลันอุบัติขึ้น!! ภาพที่พวกเขาทั้งหมดระบุเป็นชายคนเดียวกัน และ นั่นก็คือ “กู้จวิน” และระบุแน่ชัดขนาดนี้ถ้าฝ่ายสืบสวนไม่มาหาเขานั่นแหละที่จะน่ากลัวยิ่งกว่า!!
สมาชิกของแผนกสืบสวนรอบตัวเขาหันมาที่เขาด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความสงสัย ความอันตรายและความรุนแรงอย่างที่สุด พวกเขาใช้สายตาเรียกร้องคําอธิบายจากเขาอย่างกดดัน หรือบางที่นี่อาจเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาของพวกเขาที่จะกดดันให้ตัวเขายอมจํานนเพื่อที่เขาจะสารภาพเพื่อแลกกับการลงโทษที่เบาลง
“แต่!! เขาจะสารภาพอะไร? สารภาพเรื่องนิมิตรึ? โอเค..บางทีเขาอาจจะถูกปลดแล้วลงเอยที่โรงพยาบาลบ้า”
“ หมอกู้จากคนไข้ 1024 คน 751 คนระบุตัวคุณได้” หวังเค่อเลือกตัวเองให้เป็นผู้ไกล่เกลี่ยน้ำเสียงของเขามีเป้าหมายชัดเจนแม้จะไม่ได้บอกหรือโทษกู้จวินตรงตัวแต่มันก็ไม่ต่างกันนัก “ อีก 206 คนไม่ได้เลือกคุณ หกสิบเจ็ดเลือกคนอื่น และจาก 751 ที่เลือกคุณมากกว่าครึ่งหนึ่งในจํานวนนั้น หรือก็คือ 397 คน พวกเขายืนยันแน่นอนว่าพวกเขาได้พบคุณในภาพหลอนของพวกเขา แต่พวกเขาจํารายละเอียดไม่ได้ว่าคุยอะไรกับคุณ”
เซาอี้ชง ถังซีหยิน และคนอื่น ๆ กําลังจ้องมองกู้จวินเขม็งอยู่ในขณะนี้ พวกเขาไม่รู้จักกู้จวินเป็นการส่วนตัวและไม่เคยเห็นกู้จวินมาก่อนด้วย แต่หลังจากพูดคุยกันสั้น ๆ พวกเขาคิดว่ากู้จวินค่อนข้างเป็นคนที่น่าไว้วางใจ
แต่ผลจากการระบุตัวตนวีดีโอถึงเจ็ดสิบสามเปอร์เซ็นต์ที่ระบุว่ากู้จวินมีส่วนเกี่ยวข้อง….นั่นก็เพียงพอที่จะตัดสินว่ากู้จวินเป็นอาชญากรในคดีปกติแล้ว!!
และพวกเขายังมีพยานพร้อมรูปภาพอีกกว่าสิบรูปด้วย และตอนนี้พวกเขามีภาพตัวอย่าง 1024 ภาพและมีถึงสามสิบภาพที่คล้ายกับกู้จวิน…และเจ็ดสิบสามเปอร์เซ็นต์ของผู้ปวยระบุว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน แต่มันน่าแปลกที่กู้จวินไม่ใช่บุคคลสาธารณะและเขาไม่เคยตกเป็นข่าวใดๆ มาก่อน เขาไม่ได้ใช้รูปของตัวเองในโปรไฟล์โซเชียลมีเดียด้วยซ้ำ มันทําให้ทุกอย่างดูน่าสงสัย
ดังนั้นฝ่ายสืบสวนต้องรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่เหตุใดเขาจึงเพิ่งมา…หรือว่ามันเกี่ยวกับพลังงานผิดปกติ!
หลังจากเห็นกู้จวินเงียบ…ตอนนี้ใบหน้าของหวังเค่อก็มีแต่ความรุนแรงเท่านั้น ถ้ากู้จวินไม่ใช่คนของเฟคต้าเหมือนกันเป็นได้ว่าปานนี้เขาคงม่องไม่ก็โดนทรมานไปแล้ว
“ หมอกู้ พวกเราสงสัยว่าคุณคือ สิ่งที่อยู่ในต้นไทร” ที่คนไข้เหล่านี้อ้างถึง!”
“ครับ…ฉันเข้าใจ แต่หัวหน้าหวัง” กู้จวินพูดเบา ๆ ความหวังในใจของเขามันพังทลาย ไปแล้วเพราะวีดีโอซังกะบ๊วยทําให้แผนเขาพังหมด ตอนนี้หลังของเขาเปียกโชกด้วยเหงื่อเย็นทําให้ความหนาวเย็นเข้าแทรกถึงกระดูก ทําให้ใบหน้าของกู้จวินดูซีดอย่างสมบูรณ์ “ ฉันไม่รู้ว่าอะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้จริงๆ ฉันหวังว่าคุณจะให้ความกระจ่างกับฉัน…”
เขามองไปรอบ ๆ ตัวเขาเพื่อหาคนช่วยสนับสนุน แต่เขาก็ตระหนักว่านอกเหนือจากหวังเค่อแล้ว พวกคนอื่นที่เหลือยังคงจ้องมองเขาอย่างเข้มงวดและมองมาที่เขาราวกับกําลังมองไอ้วายร้าย พวกเขายังคงกดดันกู้จวินอย่างโหดเหี้ยม สิ่งนี้ทําให้ความโกรธภายในตัวเขาประทุขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ฉันแตกต่างจากนักฆ่าพวกนั้นนะ!! ฉันไม่ใช่คนของลัทธิชีวิตหลังความตาย!”
เขานึกถึงหวังรั่วเซียง ไช่ฉีซวนและเพื่อน ๆ ของเขาทั้งหมด เขานึกถึงศัลยแพทย์ชู้ ทีมผ่าตัดของเขาและศาสตราจารย์กู้ ตอนนี้ถ้าเลือกได้เ กู้จวินอยากจะไปซบอกพวกเขาและหนีไปจากคนเลวร้ายพวกนี!
ถึงเขาจะฉลาด..แต่เขาก็เป็นแค่เด็กเพิ่งโตคนหนึ่ง!!
เขานึกย้อนไปถึงการทํางานหนักในห้องแล็บ ความพยายามในการฝึกฝน การต่อสู้ที่โต๊ะผ่าตัดเสียงหัวเราะที่เขาแบ่งปันและน้ำตาที่หลั่งออกมากับเพื่อน ความรู้สึกสนุกสนานที่เขาได้พบอีกครั้ง เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นที่จะเป็นหมอที่กลับมาในที่สุด
“ฉันเป็นหมอ!!” ดวงตาของกู้จวินกลับมามุ่งมั่นเต็มไปด้วยพลังอีกครั้งและน้ำเสียงของเขาก็สงบและมีพลังอย่างไม่น่าเชื่อ
“ ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ ฉันเพิ่งอยู่ในการผ่าตัดที่ยากลําบาก เราต้องดึงพยาธิตัวน้อยที่ถูกหนอนยักษ์ใต้ดินนั่นทิ้งไว้ข้างในแขนขวาท่อนบนของคนไข้ หนอนและถุงเนื้อเยื่อทั้งหมดต้องถูกตัดออกและเลาะเนื้อที่เป็นไปได้ว่าติดเชื้อทั้งหมดออกไป และเราต้องทําความสะอาดแผลอย่างถูกต้องทั้งหมด! เราทํางานกันอย่างหนักเป็นเวลาสิบสามชั่วโมง”
เขาได้เห็นความโหดร้ายของลัทธิชีวิตหลังความตาย เขาได้เบาะแสบางอย่างจากภาพนิมิตและความทรงจําของเขา เขาไม่เคยสงสัยเลยสักครั้งว่าลัทธิชีวิตหลังความตายหรือแม้แต่ตัวเขาเองจะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
แต่…
กู้จวินกวาดไปทั่วใบหน้าของหวังเค่อ เซาอี้ชง และคนอื่น ๆ
“ คุณเจ้าหน้าที่สืบสวนทั้งหลาย ฉันเองก็เกลียดผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลังโรคต้นไทรบ้าบอนี่เช่นเดียวพวกคุณเหมือนกัน ฉันหวังว่าฉันจะช่วยคุณจับพวกมันได้ในคืนนี้เลย! แต่ฉันเป็นแค่หมอ ฉันทําได้แค่ช่วยชีวิตผู้ป่วย และนั่นคือสิ่งที่ฉันทําได้มากที่สุด พวกคุณเข้าใจไหม?”
เมื่อได้ยินคําสารภาพจากกู้จวินการจ้องมองจากคนกลุ่มนั้นก็อ่อนลงไปในทันที หลังจากการผ่าตัดนานกว่าสิบชั่วโมงโดยที่เขาไม่ได้กินน้ำแม้แต่หยดเดียว นี่คือหมอที่ดีอย่างแท้จริง!
“ หมอกู้” หวังเค่อพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นประดุจจะปลอบขวัญ “ เราไม่ได้สงสัยว่าคุณเป็นคนแพร่กระจายโรค แต่เราเชื่อว่าคุณอาจมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่บ้าง ความสงสัยทั้งหมดนี้มันมาจากเบาะแสและสถานการณ์ที่พวกเราได้พบ และตอนนี้พวกเรากําลังสืบหามันอยู่”
“ สถานการณ์อะไรอีก?” กู้จวินถามด้วยความงุนงง นี่คนพวกนี้ยังจะสงสัยอะไรเขาอีก??
“ เอาล่ะ! ให้เราทําการทดลองเพื่อหาคําตอบเถอะ เราถูกกดดันเรื่องเวลา คุณก็แค่คิดว่านี่คือการทํางานล่วงเวลาแล้วกันนะหมอกู้”
จากนั้นหวังเค่อและคนของเขาสองสามคนก็พากู้จวินไปยังค่ายทหารเล็ก ๆ ติดกัน และมันก็คือห้องวิดีโอ ห้องด้านหน้าถูกแยกออกจากห้องด้านหลังด้วยผนังกระจกใส กู้จวินได้รับคําสั่งให้นั่งบนเก้าอี้ในห้องด้านหลังและหันหน้าไปทางห้องด้านหน้า
“ หมอกู้ เราจะพาคนไข้ 1024 คนเข้าไปในห้องด้านหน้าเป็นทีม ๆ ละสิบคนเพื่อดูคุณและเราจะดูว่าเกิดอะไรขึ้น”
นั่นคือทั้งหมดที่หวังเค่อบอกให้เขาฟังก่อนที่เขาและคนอื่น ๆ ในทีมของเขาจะออกไป พอหวังเค่อออกไปแล้วเขาก็มองเห็นประตูกันเสียงระหว่างห้องทั้งสองอย่างชัดเจน
“ ” กู้จวินมองเห็นกล้องที่มุมทั้งสี่ของห้อง และเมื่อมองผ่านหน้าต่างกระจกเขาสามารถเห็นทีมของหวังเค่อยืนอยู่ด้านข้าง ในไม่ช้าถังซีหยินและนักวิจัยอีกคนก็ได้นําคนไข้สิบคนเข้ามา
พวกเขามีภูมิหลังที่แตกต่างกัน มีทั้งชาย หญิง เด็กและผู้ใหญ่ มีปู่ ย่า ตา ยายที่นั่งรถเข็น หญิงวัยกลางคนใช้กระปอง ส่วนคนหนุ่มสาวคุ้นเคยกับแขนขาปลอมแล้วและเด็กที่แขนเสื้อขาด เพราะไม่มีอวัยวะเทียมใส่ และเมื่อพวกเขามองไปที่กู้จวิน พวกเขาก็เต็มไปด้วยความกลัวและความไม่อยากจะเชื่อ คนที่มาจากภาพหลอนของพวกเขาจะนั่งอยู่ตรงหน้าพวกเขาได้อย่างไร?
สีซีดเซียวผุดขึ้นมาจากใบหน้าของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้ใหญ่ด้วยความตื่นตระหนก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สามารถหยุดร้องไห้ได้จนกระทั่งถังซีหยินต้องยกเลิกการทดลองรอบนี้ก่อนเวลาเพื่อพาเธอออกไปสงบสติอารมณ์
ถึงเหตุการณ์จะดูน่ากลัว..แต่กู้จวินก็ไม่ขยับตัวใดๆทั้งสิ้น การแสดงออกของเขาไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย เขาเพียงนั่งเงียบ ๆ ฟังเสียงกระซิบเบา ๆ ของผู้ป่วยที่ให้รายละเอียดเพิ่มเติม และเขาคิดว่าคนพวกนี้กําลังกล่าวโทษเขาต่อผู้ตรวจสอบชัวส์ๆ