เมื่อสายลมเย็นของฤดูใบไม้ผลิได้พัดหายไป เดือนกรกฎาคมก็มาพร้อมกับแสงแดดในฤดูร้อนที่แผดจ้า ภายใต้ท้องฟ้าสีครามอับอบอุ่นดวงอาทิตย์ที่สดใสก็ขึ้นทางตะวันออกสองเเสงสีทองสาดส่องไปทั่วหล้า
คณะแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นตั้งอยู่ในเขตมณฑลชิงหยุนอันเป็นเมืองที่คึกคักเเละเต็มไปด้วยกลิ่นอายเเห่งความสดชื่น
“ภูเขาที่สูงที่สุดในภาคตะวันออก” อยู่ในมณฑลชิงหยุน มันเปรียบได้กับคณะแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอันทรงเกียรติที่ก่อตั้งเเละมีอายุกว่าหลายศตวรรษที่บัดนี้ยังคงตั้งตระหง่านอยู่
เเละคณะเเพทยศาสตร์นี้เหมือนกับภูเขาชิงหยุนที่ได้รับการยกย่องว่าสูงที่สุดเพราะคณะนี้นั้นดีที่สุดในบรรดาคณะทั้งหมดในมหาวิทยาลัย และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยระดับโลก ที่นี่มีคณะอาจารย์ชั้นยอด นักศึกษาทุกคนที่จบการศึกษาจากมหาลัยแห่งนี้จะต้องเป็น ‘หัวกะทิในหัวกะทิ’ อีกทีเเน่นอน…
เเละความจริงก็เป็นไปตามที่คาดไว้ สถาบันชั้นเช่นนี้ย่อมมีนักศึกษามารวมตัวกันแม้ในช่วงปิดภาคฤดูร้อน พวกเขามีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ของมหาวิทยาลัยและจัดเตรียมทุกอย่างให้ดีเพื่อพัฒนาสถาบันของพวกเขา บนเส้นทางที่มีเเต่แสงแดดอันร้อนเเรง เหล่านักศึกษาเเละชาวเมืองก็ยังคงเดินเเละใช้ชีวิตประจำวันกันตามปกติ
“ การศึกษาที่ลึกซึ้งย่อมนำมาซึ่งความเมตตากรุณาต่อโลก” คำพูดอันสวยหรูอันเป็นวิสัยทัศน์ในมหาวิทยาลัยของพวกเขา มันถูกสลักไว้บนเสาหินสูงตระหง่านข้างประตูมหาวิทยาลัย เมื่อมองไปที่คำเหล่านี้ กู้จวินก็พึมพำกับตัวเองและก้าวผ่านประตูอย่างมั่นใจ
อารมณ์ที่แตกต่างพลุ่งพล่านในหัวใจของเขาในขณะที่เขาเดินผ่านประตูเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
สามวันผ่านไปหลังจากเกิดภัยพิบัติใต้น้ำ เมื่อวานนี้เขาก็รีบกระโดดขึ้นเที่ยวบินที่เร็วที่สุดเเล้วกลับไปยังเมืองตะวันออกของหัวเซี่ยทันทีหลังจากที่เรือเทียบท่าที่ชายฝั่ง
เมื่อนาฬิกาเดินไปที่ 00:00 น. ภารกิจของเขาก็กลับมารีเฟรชอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเนื่องจากสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ภารกิจทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้
เมื่อไม่มีภารกิจไหนที่ตนเองสามารถทำได้เลย เขาก็เดินกลับเข้าไปในบริเวณมหาลัยอย่างไม่ไยดี ท้ายที่สุดเเล้วอย่างน้อย…มหาวิทยาลัยภาควิชาเเพทย์ก็สามารถเป็นสถานที่ให้เขาได้ฝึกฝนเเละ ‘ทำภารกิจ’ ที่ยุ่งยากให้ผ่านพ้นได้…ที่เขากลับมานั้นเพราะไม่มีโอกาสเเละเครื่องมือ
ยิ่งไปกว่านั้นเขาต้องทดสอบประสิทธิภาพของยาที่ได้รับ การกลับไปที่มหาวิทยาลัยจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ที่ถนนข้างประตูมหาวิทยาลัยมักจะมีแผงขายของหาบเร่ที่ขายขนมเเละอาหารชนิดต่างๆ อยู่สองสามร้าน เเละเพราะเร่งรีบเกินไปกู้จวินจึงยังไม่ได้ทานอาหารเช้าเลย อีกทั้งด้วยเวลาที่เพิ่งเจ็ดโมงเช้า เขารีบเดินไปที่แผงขายขนมพื้นเมืองของจังหวัดหนึ่งทางตะวันออกเเล้วเขาก็เอ่ยปากถามคนหาบเร่ที่เเลจะสูงอายุเเล้วว่า
“ คุณลุงครับ ผมขอแพนเค้กต้นหอม 1 ชิ้น จ่ายผ่านวีเเชทได้ไหมครับ?”
“ได้สิไอ้หนู มาๆ สเเกนได้เลย”
ชายชราชี้ไปที่ป้ายคิวอาร์โค้ดขนาดเล็กที่แขวนอยู่ด้านหน้ารถเข็น ใบหน้าที่มีร่องรอยของวัยชราที่ผ่านกาลเวลาอันโหดร้ายมาหลากหลายของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มบริสุทธิ์
“ห้าเหรียญต่อหนึ่งอัน”
“ได้ครับผม” กู้จวินหยิบโทรศัพท์ออกมาเเล้วสแกนรหัสเพื่อจ่ายเงินจากนั้นเขาก็ยืนดูชายชราที่กำลังทำแพนเค้ก
คุณลุงคนนี้มีอายุมากแล้ว เขามีผมสีขาวราวกับหิมะ อย่างไรก็ตามมือของเขายังคงกระฉับกระเฉงเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลัง
กู้จวินนั้นเต็มไปด้วยความสนใจในตัวคุณลุงและดวงตาของเขาก็สดใส เขาจ้องมองการทำเเพนเค้กอย่างตั้งอกตั้งใจเเละเปี่ยมไปด้วยสมาธิ ในขณะที่ชายชราห่อแพนเค้ก เขาก็ลอบยิ้มให้ชายหนุ่ม
“ไอ้หนู! สนใจล่ะสิ! มาๆลุงจะเเถมไส้ผักเพิ่มให้เยอะเป็นพิเศษ!”
“ขอบคุณครับคุณลุง” ท่าทางเรียบง่ายของลุงขายเเพนเค้กทำให้หัวใจของกู้จวินเต็มไปด้วยความอบอุ่น
ไม่นานแพนเค้กก็สดใหม่ก็ออกจากเตา คุณลุงส่งให้เขาด้วยความใส่ใจพร้อมกับรอยยิ้มที่อบอุ่นแบบเดียวกันบนใบหน้าของเขา
“ รีบกินซะได้ในขณะที่ยังร้อน”
กู้จวินกัดเเพนเค้กร้อนๆนั่นจนจมเขี้ยว ทันใดนั้นน้ำผลไม้ร้อนๆก็พุ่งออกมาและมันทะลักเต็มปากของเขาไปหมด ใช่! เเม้มันจะร้อนไปหน่อย แต่มันก็อร่อยมาก รสสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน แม้แต่เชฟบนเรือสำราญระดับพรีเมี่ยมก็เทียบไม่ติด มันเป็นรสชาติเเบบบ้านๆขนานเเท้ ทำให้กู้จวินรู้สึกมีความสุขที่ได้กิน
บางทีนี่อาจเป็นรสชาติของบ้านเกิด! แม้ว่าที่โลกภายนอกจะปั่นป่วนและยุ่งเหยิงเเค่ไหน การกลับไปที่มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นก็เท่ากับการได้กลับบ้านอันเเสนอบอุ่น เเพนเค้กต้นหอมที่เต็มไปด้วยไอร้อน ทำให้ชายหนุ่มนั้นเกิดอารมณ์ซาบซึ้งจนเเทบน้ำตาไหล
“ ไอ้หนู เธอเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นงั้นหรือ?” ลุงเอ่ยปากถามด้วยเสียงที่สงสัยเล็กน้อย เมื่อเห็นการพยักหน้าอย่างอ่อนโยน ลุงก็ยกนิ้วขึ้นอย่างกระตือรือร้น “ดี! เป็นหมอก็สุดยอด! นี่คือคุณูปการมหาศาลที่มีต่อประเทศ เธอจะเป็นเสาหลักค้ำจุนสังคมในอนาคต!”
เสาหลักของสังคม…ยกย่องให้เกียรติอย่างสูง ดูเหมือนคุณลุงคนนี้จะเป็นผู้สนับสนุนมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอย่างแรงกล้า
กู้จวินหัวเราะเบา ๆ กับตัวเอง “ลุงชมเกินไปเเล้วล่ะครับ จริงๆผมก็เเค่…เเค่”
ฟันขาวของลุงเปล่งประกายจนเกิดเป็นรอยยิ้มกว้าง “ ไม่หรอก! ไม่ใช่เลย คนที่ฉันเคารพที่สุดในชีวิตนี้ก็คือหมอ พวกเขาคือฮีโร่ผู้ช่วยชีวิต!”
“พวกเขาสามารถช่วยเหลือคนป่วยที่เป็นโรคอะไรก็ได้!” กู้จวินฟังคำพูดของคุณลุงด้วยความซาบซึ้งใจในขณะที่ปากของเขาก็กัดเเพนเค้กที่เหลืออยู่คำสุดท้ายเข้าไปจนเกิดเสียงดังกร้วม จากนั้นเขาก็กล่าวชม
“ การเป็นหมอก็เป็นเช่นเดียวกับฝีมือทำแพนเค้กของคุณ มันยอดเยี่ยมมากครับ!”
กู้จวินเอ่ยประโยคหนึ่งชมคุณลุงต่อหน้า คุณลุงที่กำลังอารมณ์ดีก็ส่งเสียงหัวเราะร่าเริงยิ่งขึ้นไปอีก “ ฮ่า ฮ่า มาๆ คนหนุ่มอย่างเธอมาให้คนเเก่เเบบฉันเลี้ยงขนมสักชิ้น! ฉันจะทำขนมชุบแป้งทอดให้เธอสัก 1 ชิ้นเเล้วกันนะ!”
เมื่อได้รับขนมชุบแป้งทอดแล้ว กู้จวินก็ยังคงควักโทรศัพท์มาจ่ายคิวอาร์โค้ดโดยจ่ายเงินเป็นเงินดอลลาร์ให้ลุงอยู่ดี อย่างไรก็ตามเขารู้สึกราวกับว่าเขากลายเป็นของเล่นในมือของลุงแก่ๆคนนี้
กู้จวินโบกมือลาคุณลุงเเละเดินทอดน่องไปตามทางเส้นทางสำหรับเท้าพร้อมกับขนมชุบแป้งทอดในมือ ในขณะที่เขาเดินไปที่ห้องทดลองนั้น เขาได้เดินผ่านผู้คนหลากหลายอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักเรียนมาทัศนศึกษา นักท่องเที่ยวและผู้ปกครองของเด็กนักเรียน นอกจากนี้นักศึกษาจำนวนมากมายก็เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้