ในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเครือของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอันทรงเกียรติ เสียงนาฬิกาบอกเวลาได้ดังขึ้นท่ามกลางบรรยากาศอันเงียบสงบ
เข็มนาฬิกาบนผนังที่ค่อยๆขยับในทิศทางที่เป็นวงกลม กู้จวินจับจ้องเข็มวินาทีที่ขยับเเละเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เพียงชั่วครู่เวลาห้านาทีก็ได้ผ่านไปเเล้ว กู้จวินที่ใจลอยก็หลุดออกจากภวังค์ เขารู้สึกเเปลกใจมากที่เขามาทำเรื่องไร้สาระอย่างการจ้องนาฬิกาเเละฟังเสียงการเคลื่อนที่ของเวลาเเบบนี้ มันเป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…จนถึงป่านนี้เขาก็ยังเต็มไปด้วยความเเปลกใจ
“ หมายเลขที่ 186 หลี่ชีฉวน” เสียงของประกาศดังขึ้นเรื่อยๆเป็นจังหวะจะโคลน มันเป็นเสียงที่พยาบาลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสไตล์ AI เวลาฟังอาจจะให้ความรู้สึกน่าเบื่ออยู่บ้าง หากเเต่ถ้าตั้งใจฟังก็ฟังพอรู้เรื่อง ถือเป็นน้ำเสียงมาตรฐานสำหรับการเรียกคิวของโรงพยาบาลทั่วๆไป
ทันทีที่ได้ยินเสียงประกาศชื่อลูกของตัวเอง คนเป็นเเม่ก็รีบพาลูกไปเข้าห้องตรวจทันที ส่วนผู้ปกครองคนอื่น ๆ บางคนที่ใจร้อนเพราะรอมานานเเต่ก็ไม่ถึงคิวเสียที พวกเขาก็รีบลุกขึ้นมาจากที่นั่งเเล้วตรงดิ่งเข้าไปถามพยาบาลที่เดินผ่านไปมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม“ เมื่อไหร่จะถึงตาลูกของฉัน”
ในแผนกฉุกเฉินมีการเรียกผู้ป่วยตามหมายเลข ผู้ป่วยที่ตกอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเเละมีอาการเเย่เกินกว่าจะทานทนไหวจะถูกเรียกเข้ารับการรักษาก่อน ซึ่งมันก็ตรงตามค่านิยมของโรงพยาบาลทั่วๆไป ที่เเม้จะไม่ถึงกับดึงผู้ป่วยที่กำลังจะเสียชีวิตให้รอดพ้นประตูมรณะเสมอไป เเต่ก็พอช่วยรักษาผู้ป่วยที่มีอาการป่วยเล็กน้อยได้บ้าง
ก็เหมือนผู้ป่วยหลายคนในที่นี่ตอนนี้ ส่วนใหญ่เป็นเพียงด้วยเด็กที่ป่วยด้วยโรคหวัด บางคนตัวร้อน บางคนก็ไอ เเละบางคนก็บาดเจ็บด้วยโรคต่างๆนานาชนิด ถึงกับเป็นหนักขั้นล้มลุกคลุกคลานร้องโอดโอยก็มี
ในขณะที่เขานั่งอยู่ในที่นั่งประจำตำเเหน่งหมอฝึกงาน สายตาของกู้จวินก็มองสำรวจสภาพแวดล้อมของตัวเขาเองอย่างต่อเนื่อง เเละละเลยสภาพเเวดล้อมที่ไม่เกี่ยวข้องภายนอกที่ไม่ได้คุกคามเขาอย่างสิ้นเชิง ทั้งเสียงเด็ก คนไข้ หรือกระทั่งความวุ่นวายก็ไม่อาจจะทำร้ายเขาได้เเม้เพียงนิด ถึงอย่างนั้นวันที่วุ่นวายเเบบนี้ก็ถือเป็นวันที่เลวร้ายสำหรับเขาวันหนึ่งเลยทีเดียว
ทันใดนั้นข้อความของระบบก็ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา…
‘ด้วยประสิทธิภาพของยาจากระบบ [ยาเฉพาะที่สำหรับเนื้องอกบนก้านสมอง] ทำให้เนื้องอกของโฮสต์หยุดการเจริญเติบโตชั่วคราว’
โอ้? มาเเล้วๆ
ทันทีกู้จวินแตะตัวเลือกของระบบที่ปรากฎบนหน้าจอเเบบอินเทอร์เฟทนั้นเอง ในรายละเอียดของโฮสต์ทั้งหมดก็ปรากฎขึ้นอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาเขา เมื่อมองไปที่ตัวเลขและกราฟจำนวนมากมายที่ระบุถึงสุขภาพโดยรวมของเขา กู้จวินก็มองมันเเละวิเคราะห์อย่างละเอียดเเต่ก็ไม่พบความผิดปกติใด ๆ มีเพียงอัตราการเต้นของหัวใจเท่านั้นที่มีเเนวโน้มจะลดต่ำลง
ติ๊กต็อก! ติ๊กต็อก! เวลาอย่างคงเดินต่อไปอย่างเชื่องช้า…..ความวุ่นวายในโรงพยาบาลได้ดำเนินขึ้นต่อไป
เเละหลังจากนั้นในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา “ ผู้ป่วยหมายเลขที่ 208 จางห่าวซวน เชิญ…”
ติ๊กต็อก! ติ๊กต็อก!
อีกราวๆ 2 ชั่วโมงอันยาวนานต่อมา “ ผู้ป่วยหมายเลข 231 เว่ยซินหรุย”
เเละอื่นๆ อีกมากมาย…..
ตั้งแต่เวลาเช้าตรู่ถึงเวลาบ่าย และตั้งแต่บ่ายโมงถึงจนถึงเย็นเกือบมืด กู้จวินนั่งอยู่ในแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเป็นเวลา 10 ชั่วโมงเต็มๆ
เเต่เขาทำงานโรงพยาบาลเป็นส่วนน้อย…เเต่ทำงานส่วนตัวเป็นอย่างมาก! เวลาเกือบทั้งวันนี้เขาได้บันทึกข้อมูลทั้งหมดที่ระบบลึกลับนั่นนำมาบอกเเก่ตัวเขา เเน่นอนว่าข้อมูลทั้งหมดที่จดก็คือข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพของเขาเอง ข้อมูลทั้งหมดถูกสรุปเป็นสถิติเเละต่อด้วยกราฟจนดูออกเเละวิเคราะห์ได้ง่าย เเม้ระบบมันจะน่าสงสัย เเต่เขาก็รู้สึกถึงความสะดวกสบายที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เเม้มันจะเเลกด้วยความเจ็บปวดที่สมองที่มาพร้อมกับความทรมานเเสนสาหัสก็เถอะ…เเม้จะไม่รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เเน่ชัดหรือเปล่า เเต่ความทันสมัยเเละสะดวกสบายของมันนั้นก็ไม่อาจจะละเลยได้!
“ ยารูปเเบบที่ได้จาก ‘ระบบ’ นั้น เป็นยาวิเศษเลิศภพจบเเดนอย่างเเท้จริง!” กู้จวินเอ่ยชื่นชมด้วยความจริงใจ…เขาดีใจมากที่ยานี้ช่วยยืดชีวิตของเขาให้ต่อไปได้อีกเเม้เพียงนิดหนึ่ง…มันเป็นปาฏิหารย์ที่การเเพทย์ของโลกนี้มิอาจจะทำให้เเก่เขาได้
กู้จวินมองขวดเเก้วหนาๆขวดเล็ก ๆ ที่บรรจุแคปซูลไว้ ตอนนี้เขามีสะสมอยู่ถึง 33 ขวด เเน่นอนว่าด้วยปริมาณที่มากขนาดนี้มันเเลกมาด้วยกู้จวินต้องทำภารกิจปกติติดต่อกันให้บรรลุตลอดทั้งสัปดาห์
ดูเหมือนว่ายามหัศจรรย์เหล่านี้สามารถใช้ได้จริง!
เเละยืดชีวิตออกไปได้! มันคือ ขุมทรัพย์ล้ำค่าทางวิทยาศาสตร์การเเพทย์!
อย่างไรก็ตาม….ระบบไม่ได้ทิ้งร่องรอยของเเคปซูลยามหัศจรรย์พวกนี้ไว้แม้แต่ข้อเดียว ระบบไม่ได้บอกด้วยซ้ำว่าการรักษานี้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน หรือต้องกินยาไปอีกเเค่ไหนถึงจะหายจากโรคนี้ได้อย่างสมบูรณ์
เเม้จะมีคำบรรยายบนบรรจุภัณฑ์ แต่คำศัพท์ในคำบรรยายนั้นมีความหมายน้อยกว่าภาษากรีกที่ใกล้เคียงถึง 10 เท่า จากการคาดเดาของเขาหากยาสามารถระงับเนื้องอกได้อย่างต่อเนื่องจริงๆเเล้วล่ะก็…เนื้องอกบนก้านสมองของเขาจะเหี่ยวเฉาไปเรื่อยๆและหายไปทั้งหมดเมื่อถึงจุดๆหนึ่ง ซึ่งจุดๆหนึ่งที่ว่าอาจใช้เวลาหลายเดือนหรือหลายปี ซึ่งกู้จวินไม่สามารถจะคาดเดาเป็นตัวเลขได้เลย!
กู้จวินถอนหายใจยาว ๆ เเล้วจับขวดเล็กๆในมืออย่างแน่นหนาพร้อมกับความปราถนาในจิตใจอย่างเเรงกล้า!
‘ดูเหมือนว่าสวรรค์จะไม่ยอมให้ฉันคนนี้ตาย!! งั้นก็เเสดงว่าวันเวลาที่จะได้ตามหาคนร้ายโฉดชั่วที่ทำร้ายพ่อเเม่ของเขาใกล้เข้ามาทุกทีเเล้ว…ฉันจะไม่ยอมให้พวกมันได้มีชีวิตยืนยาวหรอก!’
“อะเฮื้ออออ!” กู้จวินค่อยๆยืนขึ้นและยืดตัวบิดขี้เกียจจนกระดูกเเทบส่งเสียงลั่น เขารีบเก็บข้าวของส่วนตัวและออกจากแผนกฉุกเฉินโดยเร็วไว เพราะตอนนี้หมดหน้าที่ของเขาเเล้ว พูดง่ายๆก็คือมันถึงเวลาเปลี่ยนเวร
ในขณะที่เขาเดินผ่านประตูกระจกไปยังทางออก พื้นที่ในเเผนกฉุกเฉินตรงล็อบบี้ในยามค่ำคืนนั้นยังคงเต็มไปด้วยเสียงของคนที่ร้องไห้ ไม่ก็โวยวายกันดังลั่น พ่อเเม่พากันปลอบโยนลูกที่ป่วยด้วยความยากลำบาก ส่วนหมอเเละพยาบาลก็ต้องอดตาหลับขับตานอนเพื่อดูเเลรักษาผู้ป่วยอย่างสุดกำลัง
นี่คือความลำบากของผู้เสียสละที่อุทิศตนเองเป็นหมอ!
กู้จวินยืนอยู่ที่ทางเข้าโรงพยาบาลและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีฟ้าครามที่ค่อยมืดมิด อารมณ์ที่อธิบายไม่ได้หมุนวนอยู่ในจิตใจของเขา
การทดลองเกี่ยวกับ ‘ยาปริศนา’ นี่จะต้องดำเนินต่อไป เขาต้องหาผลกระทบระยะยาวของการรักษาให้ได้ ไม่ว่าในกรณีใดก็ตาม! เขาไม่อยากใช้ชีวิตภายใต้ความหวาดระเเวงอีกต่อไปเเล้ว
อีกอย่างหนึ่งหนูไร้ขนที่ว่านั้นไม่ได้ต้องการยามากนักในทุกๆ วัน ดังนั้นเขาสามารถเจียดเเบ่งยาให้ได้ นอกจากนี้ด้วยสถานะของนักศึกษาของเขายังสามารถขอยืมห้องทดลองสัตว์เพื่อช่วยในการเลี้ยงและให้อาหารเหลวเเก่หนูทดลองพวกนั้นได้
กู้จวินยังพอมีเงินออมเหลืออยู่ อย่างไรก็ตาม…เขาไม่มีเวลาที่จะเสียได้อีกต่อไป!!