“ ฉันต้องเรียนแพทย์ให้ได้และเป็นหมอที่ดีให้สำเร็จ” กู้จวินสาบานกับตัวเองด้วยใจตั้งมั่น
ก่อนหน้านี้เขาได้มองย้อนกลับมาดูวิถีชีวิตของเขาเองในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ในบางครั้งเขาเชื่อว่าความเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายในระยะสุดท้ายที่กำลังจะพรากชีวิตของเขาไปคือการลงโทษที่มาจากสรวงสวรรค์
เเละตอนนี้เขามีโอกาสครั้งที่สองแล้ว เขาตัดสินใจว่าชีวิตที่ได้มานี้จะไม่ปล่อยให้เสียเปล่า เขาจะเดินทางบนเส้นทางเเห่งการเเพทย์ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นเเละไม่มีวันเสียใจเด็ดขาด!
เเละอย่างเเรก….สิ่งที่เขาควรทำอย่างยิ่งก็คือ การตรวจสอบ!
เขารู้ว่าพลังลึกลับของระบบนี้ต้องเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์มหันตภัยใต้ทะเลลึกอย่างเเน่นอน ถึงเเม้ว่าเรื่องเเบบนี้มันอาจจะเกิดได้ค่อนข้างบ่อย…เเต่ได้ยินว่ามันไม่รุนเเรง เเละยังมีภาพเเปลกๆที่หลี่เยี่ยรุ่ยเคยพูดถึงเอาไว้ กู้จวินเเน่ใจว่าต้องมีบางอย่างที่ผิดปกติ ดังนั้นเเล้ว! เขาจะต้องพิสูจน์เเละรอการติดต่อจากพรรคพวกของหลีี่เยี่ยรุ่ยทุกๆคน
เเละที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ กู้จวินอาจจะ ‘ตาย’ ก่อนที่จะได้รู้! ไม่มีใครรู้เเน่ชัดว่าภารกิจปกติที่มอบยาเเบบนี้จะคงอยู่ไปถึงเมื่อไหร่? ความมั่นคงในชีวิตใดๆก็เเทบไม่มี ดังนั้นเขาจึงคิดว่าบางทีเขาอาจจะตายก่อนจะไขความจริงให้กระจ่างหมดก็เป็นไปได้
เขาเเค่อย่างรู้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุของพ่อแม่ของเขาหรือไม่!? เเล้วเรือ [ซีเบิร์ด] ที่ว่านั่นอยู่ที่ไหนกันเเน่?
“รู้สึกว่าตอนนั้นหลี่เยี่ยรุ่ย…เหมือนเขาจะถ่ายอะไรบางอย่างที่ดูเเปลกๆได้?” ขณะที่กู้จวินพักเหนื่อย เขาก็หยุดเดินเเล้วยืนนิ่งๆอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งในสวนของมหาวิทยาลัย จากนั้นหลังจากคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาหมายจะติดต่อไปทางเบอร์โทรที่คนเหล่านั้นทิ้งไว้ในเขา
เป็นเวลาครึ่งเดือนแล้วที่พวกเขาเกิดอุบัติเหตุทางเรือด้วยกัน ทว่าหลังจากนั้นตั้ง 15 วันเเล้วเขาก็ติดต่อใครไม่ได้สักคน ราวกับคนพวกนี้หายไปจากสารระบบชั่วนิรันดร์
ไม่กี่วันก่อนเขาได้เริ่มโดยส่งข้อความถึงหลี่เยี่ยรุ่ยและอู่ต้งทางวีเเชทที่พวกเขาเคยมอบไว้ให้ อนิจจา! ไม่เพียงแต่ไม่มีเสียงตอบรับ…เเม้เเต่โทรทางเครือข่ายสื่อสารก็ไม่ติด ราวกับว่าชาย 2 คนนี้ได้หายไปจากพื้นโลกเรียบร้อย!
สำหรับหลินเสี่ยวถังสาวเเสบประจำทีมนั้น กู้จวินไม่ได้แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกับเธอไว้ ทำให้เขาไม่ได้ติดต่อเธอ…มันราวกับว่าตัวตนของเธอนั้นเป็นเเค่ภาพมายาเเละฝันตื่นหนึ่ง!
กู้จวินอยากรู้ข้อมูลทั้งหมด ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับการบันทึกเสียงเเละการอัดวีดีโอ แต่ยังรวมถึงผลลัพธ์ในการผ่าตัดของหลี่เยี่ยรุ่ยว่าตอนนี้เขาเป็นอย่างไรเเล้วบ้าง กระดูกของเขานั้นหายดีหรือยัง!? เเผลติดเชื้อหรือไม่!?
“หรือว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา!?” กู้จวินคิดในใจอย่างเคร่งเครียดเเละจริงจังอย่างมาก ความคิดของเขาเต็มไปด้วยความกังวล
หลังจากนิ่งอยู่พักใหญ่ กู้จวินก็เดินไปตามทางเพื่อกลับไปยังหอพักของมหาวิทยาลัย ความคิดที่สงสัยเเละความเป็นห่วงข้อมูลผุดขึ้นมาในจิตใจเขาซ้ำเเล้วซ้ำเล่า!
ด้วยภูมิหลังของพวกเขา…กู้จวินกังวลว่าพวกเขาจะถูกลักพาไปเสียก่อน? หรือบางทีเฮลิคอปเตอร์อาจจะประสบอุบัติเหตุ? เป็นไปไม่ได้!! หากเป็นเบบนั้นจริง กัปตันที่ผิดพลาดซ้ำเเล้วซ้ำเล่าเเบบนั้นควรจะลาออกจากอาชีพของเขาได้เเล้ว ยิ่งไปกว่านั้น! ไม่มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ในตลอดหลายวันที่ผ่านมาเลย
ในขณะที่กำลังเดินไปเเละคิดไปด้วย กู้จวินก็พลันรู้สึกถึงลางสังหรณฺ์เเปลกๆ ตรงหน้าได้ เขาเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งกำลังจ้องมองเขาจากทางแยกด้านหน้า เเละในชั่ววินาทีที่กู้จวินเเละชายเเปลกหน้าคนนั้นสบตากัน ชายที่ว่าก็รีบหลบสายตาเเล้วหันจากไปทันที
คิ้วของกู้จวินขมวดมุ่นอย่างงุนงง เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับ ผู้ชายคนนี้…ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พบกับชายคนนี้เป็นครั้งแรก เขาดูคุ้นตาอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงเเต่กู้จวินจำไม่ได้ว่าเป็นใคร
รูปลักษณ์ร่างกายของชายคนนี้ดูธรรมดาและรูปร่างใบหน้าของเขาก็ไร้ซึ่งจุดเด่น เขาดูเหมือนลุงวัยกลางคน ถึงกระนั้นกู้จวินก็รู้สึกได้ว่าดวงตาของชายคนนั้นถูกปกคลุมไปด้วยความรู้สึกเศร้าหมอง ราวกับจะชักจูงให้คนที่มองเขารู้สึกโชคร้ายไปชั่วนิรันดร์
“ หรือฉันคิดมากไปหรือเปล่า?” กู้จวินส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ เพราะภาพลวงตาเเละความคิดที่สับสน มันเลยทำให้เขาสงสัยในทุกสิ่งทุกอย่างมากเกินไป เเละถ้าเป็นเเบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอีกไม่นานเขาคงได้กลายเป็นคนจิตผิดปกติ
ตลอดทางเดินที่กลับไปยังบริเวณหอพักของมหาวิทยาลัย เขารู้สึกว่าตนเองเริ่มจะมีสติมากขึ้นและจับตามองสภาพแวดล้อมรอบๆตัวเป็นพิเศษ ทว่า! ต่อให้จ้องจนตาเเทบถลน เขาไม่เห็นร่างของชายคนนั้นอีกเลย
บางทีชายคนนั้นอาจเป็นแค่คนจรเดินผ่านไปมา หรือเขาอาจจะเเค่ตาฝาดไป? กู้จวนเองก็ไม่แน่ใจในจุดนี้อีกต่อไปเเล้ว…เพราะเขาเริ่มเหนื่อย บางทีอาจเป็นไปได้ว่าเขานั้นตาฝ้าฟางจนเผลอสมมติตัวตนคนออกมาก็เป็นไปได้
บริเวณหอพักของมหาวิทยาลัยนั้นจริงๆเเล้วก็คล้ายๆกับอพาร์ทเมนท์เก่าแก่ที่ดูเรียบง่าย มันมีจำนวนห้องเพียงไม่กี่ห้อง ด้านนอกมีช่องระบายอากาศจำนวนมาก เละติดตั้งมุ้งป้องกันเเมลงและด้านในก็เห็นสีเขียว คาดว่าคงจะเป็นต้นไม้เล็กที่นักศึกษาปลุกไว้เเก้เหงา
ในขณะที่เขาครุ่นคิดถึงลักษณะที่ปรากฏซ้ำ ๆ ของชายคนนี้ เขาก็มาที่ชั้นห้าของหอพักเเล้ว เขาได้เเต่ส่ายหัวให้ตนเองเเละเดินเข้าไปในห้องนอน
นักศึกษาหลักสูตร 8 ปีนั้นส่วนใหญ่พวกเขาจะพักในห้องเเบบรวม 4 คน ทุกคนจะมีเตียงส่วนตัวและที่นอนเเบบสองชั้น
ในห้องมีโต๊ะเรียนและตู้เสื้อผ้าในตัว เช่นเดียวกับนักศึกษาแพทย์ทุกคน ในห้องนี้มีหนังสือและบันทึกทางการเเพทย์จำนวนนับไม่ถ้วนวางระเกะระกะ นอกจากความยุ่งเหยิงแล้วยังมีอุปกรณ์การวินิจฉัยร่างกายวิภาคของมนุษย์และอื่น ๆ อีกมากมายวางกลาดเกลื่อนบนพื้นจนเเทบจะไม่มีที่จะเดิน ทั้งหมดนี้เป็นอุปกรณ์ของคณะเเพทย์เท่านั้น มีราคาเเพง เเต่สำหรับนักศึกษาที่มีสิทธิ์ใช้ฟรี พวกเขาก็ทำเหมือนมันเป็นเเค่ของราคาถูก
เนื่องจากตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน มีเพียงสองคนเท่านั้นที่อยู่ในห้องคือเขาและไช่ฉีซวน
ขณะที่เขาเดินเข้าไป เขาก็ได้กลิ่นหอมชวนน้ำลายสอเต็มจมูก เขาเห็นไช่ฉีซวนที่กำลังนั่งอยู่ริมระเบียงพร้อมหนังสือในมือ ข้างๆเขามีหม้อต้มที่ส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่ ฝาของหม้อต้มขยับจนเกิดเสียงดังเนื่องจากเตาเเก๊สนั้นเร่งไฟจนน้ำในหม้อเดือดปุดๆเเละเกิดเเรงดัน
“เห้! ฉีซวน นายกำลังทำซุปอะไร?” กู้จวินเอ่ยถามทันทีที่เห็นไอน้ำเเละได้กลิ่นหอมๆที่ลอยออกมาจากตัวหม้อ
ระหว่างนักศึกษาที่พักในห้องนี้ทั้ง 4 คน ไช่ฉีซวนมีความถนัดในการทำอาหารมากที่สุด เขามักจะเสนอซุปอร่อย ๆ ให้ทุกคนสักชามหรือสองชามอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ความคิดทั้งหมดในการทำลายเครื่องใช้ไฟฟ้าอันเป็นเครื่องครัวที่เเสนจะกินพื้นจึงหายไปอย่างรวดเร็ว
“ ซุปเครื่องในหมูกับบูลเบอร์รี่” ไช่ฉีซวนหันมาเห็นกู้จวินเขาก็วางหนังสือ“พยาธิวิทยาทางการแพทย์ ” ลงทันทีเเละยิ้มให้กู้จวิน
ไช่ฉีซวนเช็ดใบหน้าที่เหนื่อยล้าของเขาที่เต็มไปด้วยเหงื่อไคลอย่างละเอียด และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเหนื่อยล้า
“วันนี้พวกเราผ่าตัดหมู 2 ตัวในห้องปฏิบัติการ จะบอกให้ว่าหมูทั้งสองตัวเป็นสินค้าพรีเมี่ยมที่เลี้ยงดูโดยไม่ใช้ยาปฏิชีวนะแม้แต่หยดเดียว ปลอดสารเเละสะอาดมาก เเต่คนพวกนั้นกลับจะทิ้งอวัยวะภายในของหมูไปทั้งหมด ฉันเสียดาย เลยคิดว่าจะดีมากถ้าเราเอากลับมาทำซุปสักชามเพื่อให้ร่างกายที่เหนื่อยล้าของเรากลับมากระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง อ้อ! หวังรั่วเซียงเองก็เห็นด้วยกับฉัน…เเต่เธอไม่กิน”
หลังจากกู้จวินกลืนน้ำลายอึกใหญ่เขาก็ถามอยากหิวกระหาย
“มีส่วนแบ่งของฉันไหม?”
กลิ่นหอมที่น่าหลงใหลนี้ ทำให้เขารู้สึกอยากอาหาร ในขณะที่คนอื่นเกลียดอวัยวะภายในของสัตว์ทดลอง เเต่สำหรับเขาเเล้ว…เขาไม่สะทกสะท้านหรอก ถ้ากินได้เขาก็กินหมด!
ในอดีตพวกเขาเคยนำกระต่ายที่ถูกชำแหละแล้วกลับมาจากชั้นเรียนกายวิภาคของสัตว์และจัดปาร์ตี้หม้อไฟกันอย่างร่าเริง!
“แน่นอน! ฉันทำหม้อขนาดใหญ่ โอ้ ใช่!” ทันใดนั้นไช่ฉีซวนดูเหมือนจะจำอะไรบางอย่างได้
“ ห้องไปรษณีย์ได้ส่งพัสดุมาให้นายน่ะ”
“ พัสดุอะไร?” กู้จวินตกใจ เขาไม่ได้สั่งซื้อทางออนไลน์เมื่อเร็ว ๆ นี้สักหน่อย หรือจะเป็นคนเเกล้งหลอกส่งพัสดุให้เขาเสียเงิน…จะบอกให้ตอนนี้เขาไม่มีเงินเเล้ว
“ มันคือพัสดุระหว่างประเทศน่ะ ไม่เก็บเงิน มีนอยู่บนโต๊ะทำงานของนาย ลองไปดูสิ!” ไช่ฉีซวนงงงวย เขาไม่นึกว่าจะมีคนส่งจดหมายมาให้กู้จวินผู้ที่หายสาปสูญพักหนึ่งได้…อีกทั้งยังมาจากต่างประเทศ!
“พนักงานหญิงในห้องส่งจดหมายบอกว่าพัสดุนี้ค้างอยู่กับพวกเขามาสองสามวันแล้ว ไม่มีใครสามารถยืนยันข้อมูลของผู้รับได้ เเต่หลังจากตรวจสอบพักใหญ่ถึงได้รู้ว่าเป็นของนาย พวกเขาเลยส่งมาที่นี่”
“ โอ้?” กู้จวินเดินไปที่โต๊ะของเขาด้วยความสงสัย ทันใดนั้นเขาก็เห็นพัสดุกระดาษสีเหลืองขนาดเล็กบนโต๊ะ
เมื่อหยิบมันขึ้นมาเขาก็มองไปที่ใบตราส่งบนหีบห่อ ทั้งหมดถูกเขียนด้วยภาษาอังกฤษและภาษาจีน มันส่งมาจากมัลดีฟส์
ผู้ส่งคือ ตัวเลข“ 233333” และผู้รับคือ“มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นคณะแพทยศาสตร์ กู้จวินนักศึกษาปีที่ 8”
มัลดีฟส์?
ทันใดนั้นความคิดประหลาดก็เกิดขึ้นในจิตใจ หรือเป็นพวกหลี่เยี่ยรุ่ยส่งมา?
กู้จวินหยิบกรรไกรบนโต๊ะขึ้นมาทันทีและเปิดพัสดุอย่างระมัดระวัง ข้างในมีกล่องกระดาษเล็ก ๆ เขาเปิดมันไปเรื่อย ๆ เเละสิ่งที่อยู่ในกล่องก็ทำให้เขาตกตะลึง….