ในคืนนั้นกู้จวินนอนหลับไม่สนิทเเม้เเต่นิดเดียว เขาจับโทรศัพท์มือถือของหลี่เยี่ยรุ่ยเอาไว้แน่นหนา ราวกับกลัวว่าใครที่ไหนจะมาขโมยโทรศัพท์เครื่องนี้ไป เเละเขาจะสูญเสียเส้นทางในการตามหาความจริงทั้งหมด คืนนั้นทั้งคืนกู้จวินตกอยู่ในความหวาดระเเวง เเม้กระทั่งหลับเขายังตกอยู่ในฝันร้าย
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นก่อนที่ท้องฟ้าภายนอกจะสว่างไสว กู้จวินรีบผุดลุกขึ้นจากเตียงนอนเพื่อไปอบน้ำอาบท่าชำระร่างกายให้สะอาดเอี่ยมอ่อง แม้ว่าเขาจะนอนน้อย…ไม่สิ เเทบไม่ได้นอนเลย
เเต่สมองของเขายามนี้กลับไม่ได้เหนื่อยล้า ในทางตรงกันข้าม…สมองของกู้จวินกลับเเจ่มใสกว่าเเต่ก่อนมากมาย ไม่มืดมัวเเละทำให้หงุดหงิดเหมือนเเต่ก่อนอีก
อาการเจ็บปวดที่รบกวนเขาก่อนหน้านี้ก็ได้หายสาปสูญไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นั่นทำให้ชายหนุ่มเริ่มสงสัยในประสิทธิภาพของยาใน ‘ระบบ’ อีกครั้ง!
หลังจากอาบน้ำชำระร่างกายเสร็จ เขาก็กลับมาในห้องเเล้วหยิบยาของระบบที่เก็บไว้ในขวดโหลออกมา 1 เม็ด จากนั้นก็กินเข้าไปพร้อมกับน้ำสะอาดที่ตั้งอยู่มุมห้อง 1 เเก้วถ้วน เมื่อกินเสร็จ…กู้จวินก็มองไปที่ขวดโหลที่บัดนี้เหลือยาเพียง 32 เม็ดเท่านั้น
“ ฉีซวน ตื่นเถอะ! ได้เวลาไปที่ห้องปฏิบัติการแล้ว” กู้จวินเข้ามาใกล้เตียงของเพื่อนเเล้วเขย่าตัวเพื่อปลุกเขาเเบบทุกๆที
“ อืม…เช้าเเล้วเหรอ? โอเค ฉันรู้เเล้ว” ไช่ฉีซวนตื่นขึ้นมาอย่างร่าเริง หลังจากที่ได้ยินกู้จวินเรียกชื่อพร้อมกับเขย่าตัวของเขา จากนั้นไช่ฉีซวนก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาจากนั้นก็พบว่านี่มันเพิ่งหกโมงเช้าเท่านั้นเอง
ไช่ฉีซวนมักจะตื่นตอนหกโมงครึ่งของทุกๆวัน ดังนั้นวันนี้จึงถือว่าเขาถูกปลุกให้ตื่นก่อนเวลาปกติ นั่นก็เพราะกู้จวินที่นอนไม่ค่อยหลับ เเต่เขาก็ตื่นเช้า ในเมื่อตื่นเเล้วจะให้เขานอนนิ่งเเกล้งเก๊กอยู่บนเตียงไปทำไม เสียเวลาชีวิตเปล่าๆ
“ โอเค ฉันตื่นแล้ว นายไม่ต้องยืนจ้องเเบบนั้นก็ได้ ฉันรู้ๆ เอ่อ เหมือนกันที่คนเฒ่าคนเเก่พูดเอาไว้ ‘เด็กหนุ่มทั้งหลายหากเกียจคร้านในการเรียนเเละไร้ความหมั่นเพียร เมื่อถึงยามที่สีผมของเขาถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว…เขาจะต้องช้ำใจในการกระทำนั้น’!” เมื่อเห็นกู้จวินยืนจ้องเขม็งเขาก็รีบเอ่ยประโยคออกมาอย่างร่าเริงจากนั้นก็เข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำอีกคน
หลังจากออกจากหอพัก ทั้งสองคนก็ขี่จักรยานไปที่ร้านขายอาหารยามเช้าที่ตั้งอยู่บนถนนใกล้เคียงเพื่อซื้ออาหารเช้าอุ่นๆก่อนจะมุ่งหน้าไปยังอาคารปฏิบัติการทางการแพทย์
แม้ว่าจะเป็นช่วงเช้าที่สวยงาม เเต่มันก็เต็มไปด้วยความวุ่นวายมีคนมากมายเดินพลุกพล่านอยู่บนท้องถนน กู้จวินพยายามเเอบตรวจสอบเเบบลับๆ ว่ามีใครติดตามเขาอยู่หรือไม่? แต่เขากลับพบว่าเเถวนี้ไม่มีอะไรที่น่าสงสัยอยู่เลย
หลังจากซื้ออาหารเสร็จ คนทั้งคู่ก็มาถึงด้านนอกของอาคารปฏิบัติการทางการเเพทย์เเละมองหาที่จอดรถจักรยานสำหรับสองคัน จากนั้นเมื่อจอดเสร็จไช่ฉีซวนก็นึกถึงเรื่องนั้นได้เเละเอ่ยปากถาม
“กู้จวิน พวกเราไปที่ชั้นดาดฟ้าเพื่อเอาหนูทดลองกันก่อนดีไหม?”
“ตกลง ไปเอาหนูมาก่อนก็ได้” กู้จวินพยักหน้า การออกกำลังกายในตอนเช้าอย่างขึ้นไปดาดฟ้าก็ดีเช่นกัน
ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่สายลับหรือผู้ถือหุ้นของบริษัทใหญ่โตในหนังเท่านั้นที่ชื่นชอบขึ้นไปบนดาดฟ้า นักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นก็มักจะขึ้นไปบนดาดฟ้าเช่นกัน…เเน่นอนว่าวัตถุประสงค์ในการขึ้นดาดฟ้านั้นย่อมเเตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง…บางคนก็ขึ้นมาเพื่อสูบบุหรี่ บางคนขึ้นมาเพื่อออกกำลังกาย ในขณะที่บางคนขึ้นมาเพื่อรับหนูทดลองกลับไป….
นั่นเป็นเพราะมีสถานที่เลี้ยงหนูทดลองอยู่สองแห่ง หนึ่งคือศูนย์วิจัยสัตว์ทดลองที่อยู่ถัดจากอาคารห้องปฏิบัติการ ค่าใช้จ่ายในการดูเเลหนูเฉลี่ยอยู่ที่ 10 หยวนต่อวัน สำหรับการทดลองของกลุ่มพวกเขาต้องใช้หนูทั้งหมด 150 ตัว รวมเป็น 250 หยวนต่อวัน
งบประมาณทั้งหมดของพวกเขาอยู่ที่ 30,000 หยวนเท่านั้น หากเขาเลี้ยงหนูเเค่ที่นี่ เงินสำหรับการทดลองก็จะถูกผลาญจนหมด ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องมีเเผนอื่น ราคาของค่าเลี้ยงหนู…นักศึกษาเเพทย์ธรรมดาไม่สามารถที่จะจ่ายไหว
ดังนั้นคณะจึงจัดห้องเพาะพันธุ์สำเร็จรูปไว้บนดาดฟ้าของอาคารห้องปฏิบัติการและติดตั้งเครื่องปรับอากาศเพื่อให้หนูทดลองเหล่านี้ได้รับอากาศที่เหมาะสม นั่นคืออบอุ่นในฤดูหนาว เเละเย็นสบายในฤดูร้อน ทั้งหมดก็เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของนักศึกษาเเพทย์ที่เป็นเสมือนเสาหลักของประเทศในวันข้างหน้า
อย่างไรก็ตามนั่นเป็นเพียงความฝันในอุดมคติ ความจริงของที่นี่ก็คือสถานที่เเห่งนี้ไม่มีผู้ดูแลมืออาชีพ มีเพียงนักศึกษาที่คอยผลัดเปลี่ยนกันมาดูเเลเเละจัดการที่นี่เเบบขอผ่านๆไปที ความเป็นอยู่ของหนูทดลองไม่ต่างอะไรกับการมีชีวิตเเบบตามเวรตามกรรม
สภาพสุขาภิบาลที่นี่ก็ย่ำแย่เช่นกัน ในบางครั้งอาจเห็นหนูตัวใหญ่สีดำที่มักจะปรากฎตามท่อน้ำทิ้งแอบเข้ามาจากช่องทางใดช่องทางหนึ่งที่มีเเต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ เพื่อขโมยอาหารภายในกรงของหนูทดลอง ได้ยินว่าบางครั้ง หนูทดลองถึงกับตกใจจนเกือบหัวใจวายเมื่อเห็นพวกมัน
สำหรับหนูที่ไช่ฉีซวนและกลุ่มของเขากำลังค้นคว้าอยู่นั้น พวกมันถูกดูเเลไว้บนดาดฟ้า และมีสมาชิกในกลุ่มของพวกเขาคอยดูแลพวกมันเป็นการส่วนตัวทุกๆ วัน
ที่นี่แตกต่างจากศูนย์วิจัยที่มีเวลาให้เข้าจำกัด เพราะชั้นดาดฟ้าเเห่งนี้เปิดตลอด 24 ชั่วโมง…เเละที่สำคัญก็คือเปิดทุกวัน!
กู้จวินเดินตามไช่ฉีซวนอย่างใกล้ชิด และเขาได้กลิ่นเหม็นตุๆ ของหนูทดลองจากทางขึ้นบันได เเละเมื่อเขาขึ้นมาถึงดาดฟ้า เขาก็เห็นห้องสำเร็จรูปที่มีหลังคาสีน้ำเงินตั้งเป็นแถวรวมกันเป็นหกห้อง
เเละสองห้องเเรกนั้นมีหนูทดลองอยู่สามตัวเเละหนูที่ว่ากำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน ส่วนห้องสุดท้ายที่กู้จวินปรายตาไปมอง มันไม่มีหนูสักตัว เเละมีเพียงขยะค้างปีที่ส่งกลิ่นเหม็นเน่าอัดอยู่ในนั้นเเทน…ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันอัดมาตั้งเเต่ปีไหน ชาติไหนเเล้ว
เสียงร้องของกลุ่มหนูทดลองนั้นดังสนั่นเพียงพอที่จะรบกวนความสงบสุขในยามเช้าของพวกเขา จากนั้นกู้จวินเเละไช่ฉีซวนก็เดินเข้าไปในห้องสำเร็จรูปห้องหนึ่ง
และพวกเขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเห็นร่างที่คุ้นเคยกำลังทำงานยุ่งอยู่ในห้องๆนั้น
คนๆ นั้นคือ หวังรั่วเซียง ตอนนี้เธอกำลังขนย้ายหนูจากในห้องขึ้นมาบนรถเข็นอย่างทุลักทุเล
“อา?” ไช่ฉีซวนมองภาพหญิงสาวตรงหน้า จากนั้นก็หันกลับมาทางกู้จวินเเล้วพูดจาเบาๆเเบบให้รู้กันเเค่เขาเเละกู้จวินเเค่สองคน “อ่า! จริงๆเเล้ว เเม่ ‘พจนานุกรม เคลื่อนที่ของพวกเราเนี่ย เธอจะมาเช้ากว่านี้ทุกๆวัน’”
โดยปกติแล้วเมื่อพวกเขามาถึงห้องปฏิบัติการ หวังรั่วเซียงก็จะย้ายกรงหนูไปแล้ว เเละไม่มีทางที่พวกเขาจะเจอเธอได้
ไช่ฉีซวนไม่คิดว่าเธอจะเคลื่อยย้ายหนูเเละทำงานได้เร็วขนาดนี้ เอาจริงๆวันนี้ชายหนุ่มคิดว่าเขาน่ะมาเร็วกว่าทุกวันเเล้ว ดังนั้นวันนี้จะต้องดีกว่าเมื่อวาน เเต่ใครเล่าจะรู้!
แม้ว่าเเม่พจนานุกรมเคลื่อนที่จะเป็นหัวหน้ากลุ่มการทดลองในครั้งนี้ เธอคือรากฐานที่สำคัญของการทดลองที่ขาดไม่ได้ แต่พฤติกรรมที่เป็นแบบอย่างของเธอนั้นก็ทำให้เขาถอนหายใจเบาๆออกมาด้วยความชื่นชม
“ ผู้หญิงมักจะทุ่มเทและเต็มใจเสียสละเวลาให้กับงานด้วยความอดทน ใครกันที่ชอบบอกว่านายพลต้องเป็นผู้ชายเท่านั้นน่ะ!” ไช่ฉีซวนบ่นพึมพำด้วยความนับถือในตัวของหวังรั่วเซียง