กู้จวินก็เห็นด้วยเช่นกัน เช้านี้เขาดูสดชื่นมากผิดกับไช่ฉีซวนที่มีถุงใต้ตาอันดำคล้ำอย่างน่าหวาดผวา มองผิวเผินเขาเเทบไม่ต่างอะไรกับซอมบี้ หากมีใครพิมพ์ตัวอักษรว่า….
“การสั่งสอนให้ผู้คนเรียนรู้เรื่องยาด้วยวิธีผิดๆ จะต้องได้รับการลงโทษจากสวรรค์” อยู่ที่ข้างๆ ภาพปัจจุบันของเขาล่ะก็….นั่นจะเป็นโฆษณาการรับสมัครนักศึกษาที่ดีที่สุดสำหรับคณะแพทย์เเน่นอน
หากคนๆหนึ่งดูเเย่เเละน่าหวาดผวา ในทางกลับกันอีกคนก็สวยงามตามเเบบธรรมชาติจนดูน่าหลงใหล
หวังรั่วเซียงคือหนึ่งในหญิงสาวที่มีเอกลักษณ์และมีความงามตามธรรมชาติ หากเอาเธอมาเป็นนางเเบบโฆษณาคณะเเพทย์เเบบเดียวกับไช่ฉีซวน ผลกระทบของการโฆษณาจะตรงกันข้ามทันที
นั่นเป็นเพราะคนอื่นจะเชื่อว่าเธอเป็นนางแบบที่ถูกว่าจ้างให้แต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีขาวและถ่ายโฆษณา! เพราะเธอดูไม่เหมือนนักศึกษาแพทย์เลย!
ในเวลานี้หวังรั่วเซียงที่กำลังยุ่งก็หันมาสังเกตเห็นพวกเขาได้ทันทีและเธอก็ต้องตะลึง “มาทำอะไรตั้งเเต่เช้า! คงไม่ได้มาเเอบดูฉันใช่ไหม?”
“เปล่าสักหน่อย พวกเราจะมาช่วยเธอย้ายกรงหนู” กู้จวินรีบตอบทันที ดูไฝเม็ดนั้นสิ ดูก็รู้เเล้วว่าปากของเธอนั้นจัดเเค่ไหน เเล้วยังจิกกัดไม่เลิกด้วย ตัวเขาในอดีตเคยโดนตอกใส่หน้าจนหน้ายับเยินมาเเล้วหานหนึ่งด้วย ดังนั้นนี่จึงเป็นเหตุผลที่เขาชิงพูดก่อน “ หรือเธอคิดว่าพวกเราต้องการขโมยหนูแล้วเอากลับไปทำหม้อไฟ?”
“ โอ้…” หวังรั่วเซียงได้ยินคำพูดนี้ก็หันไปมองรอบ ๆ ที่มีเเต่กรงหนูทันที จริงๆเธอก็เผื่อคำตอบเเบบนี้ไว้เเล้ว เพราะยังไงประวัติศาสตร์เเบบเดิมๆก็ยังคงมีอยู่ ไม่มีใครจำไม่ได้ว่าเสี่ยกู้เคยเอาเนื้อกระต่ายที่ใช้ในการทดลองมาทำหม้อไฟ พอถามเข้า เขาก็ตอบสวนกลับมา
“การทำให้นักศึกษาเเพทย์อิ่ม ก็ถือว่ามีส่วนช่วยในเรื่องการเเพทย์เช่นกัน”
เอาเถอะ! แม้ว่าคำพูดของเขาจะเข้าท่าอยู่บ้าง เเต่การเอากระต่ายมาทำหม้อไฟ…มันก็ออกจะเกินไปอยู่บ้าง
ทันใดนั้นเธอก็หลุดออกจากภวังค์ เธอลืมไปงานย่อมสำคัญกว่า เธอจึงเอ่ยถามพวกกู้จวินด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ “จะมาช่วยขนหนูทดลองสินะ”
“อ่า! ใช่ เเล้วก็วันนี้เสี่ยกู้จะมาสังเกตการณ์ในการทดลองของพวกเราด้วย” ไช่ฉีซวนรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม…หวังรั่วเซียงไม่เชื่อคำพูดของไช่ฉีซวนสักนิด เธอมองหน้ากู้จวินเเล้วคิดในใจว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดจะจีบเธออีกครั้งใช่ไหม? เธอปฏิเสธไปตั้งนานเเล้ว ทำไมเขาถึงไม่ตัดใจอีก?
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังมองเขาอย่างสงสัย กู้จวินก็ยักไหล่ไม่ใส่ใจ เขาทิ้งตัวตนในฐานะเสี่ยกู้ไปเเล้ว ดังนั้นเขาก็ไม่สนใจเธออีก?
“เเล้วเรื่องหนู? จะให้ฉันช่วยไหม” กู้จวินเอ่ยปากถามเเละชี้ไปที่กรงหนูบนรถเข็น
“ ไม่จำเป็น” หวังรั่วเซียงตอบกลับเเบบห้วนๆ และขยับกรงหนูต่อไปด้วยตัวเดียว อย่างไรก็ตามเเม้เธอจะปฎิเสธเเต่กู้จวินและไช่ฉีซวนก็ไปช่วยเธออยู่ดี
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสามคนก็ผลักรถเข็นที่เต็มไปด้วยกรงหนูออกจากชั้นดาดฟ้าและกลับไปที่ห้องทดลองที่ชั้นแปดได้สำเร็จ
เวลานี้เป็นเวลาเช้าตรู่ ทำให้ไม่มีใครอยู่ในลิฟต์หรือทางเดิน รอบๆเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าสะพรึง
หลังจากเข้าไปในห้องปฏิบัติการ หวังรั่วเซียงเเละไช่ฉีซวนก็เริ่มย้ายกรงหนูไปที่โต๊ะทดสอบ ในเวลาเดียวกันกู้จวินก็เดินไปรอบ ๆ และมองหาเบาะแสของนิมิตโลหิตในวันนั้น
ห้องทดลองในภาพลวงตาของเขาเป็นห้องทดลองห้องนี้ใช่ไหม? เขาไม่แน่ใจเลย
นี่คือห้องปฏิบัติการธรรมดาๆ ทั่วไป มีเครื่องมือทางการเเพทย์เเละเครื่องมือสำหรับทดลองมากมาย บางส่วนถูกเเขวนไว้บนกำเเพง กู้จวินไม่รอช้า เขาเดินไปเปิดตู้อบที่มีไว้สำหรับฆ่าเชื้อเเละควานหาอะไรบางอย่างที่ทำให้เขากระตุ้นการมองเห็นนิมิตได้ จากนั้นมือของเขายื่นไปทางม้านั่งที่สะอาดเพื่อสำรวจรอบ ๆ ว่ามีอะไรที่มันสามารถกระตุ้นการมองเห็นได้บ้าง ทว่า! ก็ไม่มีแม้แต่ความรู้สึกสับสนที่คลุมเครือเกิดขึ้น
“นายกำลังทำอะไร?” หวังรั่วเซียงมองเสี่ยกู้ด้วยความตกใจเเละพลางคิด ‘คนๆนี้มาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาใช่หรือไม่? ทำไมหลังจากที่เขาเข้าไปในห้องทดลอง เขาก็ทำตัวเหมือนเขากำลังเล่นเกม RPG และเริ่มพลิกดูตู้และโต๊ะต่างๆเพื่อหาไอเท็ม’
หวังรั่วเซียงหมดความอดทนเเละเริ่มเอ่ยปากถาม “ นาย…เห็นพวกเราเป็น NPC ใช่ไหม?”
“ เอ๊ะ! อะไรเหรอๆ” ไช่ฉีซวนไม่เข้าใจว่ากู้จวินกำลังทำอะไรและไม่เข้าใจว่าหวังรั่วเซียงกำลังพูดถึงอะไร
“ ไม่ แต่ฉันแค่ดูเฉยๆ ไม่ใช่ว่าฉันจะขโมยอุปกรณ์พวกนี้” กู้จวินเริ่มหาข้ออ้างอธิบายตัวเองไม่ได้ เขาจึงเลี่ยงไปยืนอยู่ข้างๆก่อน
เขาเบนเป้าหมายมานั่งเฝ้าดูกรงหนูทั้งสองกรงเเทน แม้จะสังเกตเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ เกิดขึ้นในจิตใจของเขา กู้จวินจึงตั้งข้อสังเกตุ….บางทีตัวเเปรอาจจะไม่ได้อยู่ในห้องทดลองนี้ก็ได้ อาจมีข้อกำหนดอื่น ๆ เพื่อให้นิมิตปรากฏขึ้น เป็นเพียงว่าเขาไม่รู้เกี่ยวกับเเนวทางการเปิดนิมิตพวกนั้นก็เท่านั้นเอง
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง สมาชิกในกลุ่มคนอื่น ๆ ก็เริ่มมาถึงทีละคน โดยคนที่มีก่อนคือ ซูไห่ ถัดมาก็คือ ซูห้าวหลัน และสุดท้ายเฮ่ออี้หาน
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่ากู้จวินจะกลับมาสังเกตการณ์อีก แต่พวกเขานึกสักพักหนึ่งก็ไม่พบว่ามันน่าแปลกใจ เหตุผลเช่น ‘การสังเกต’ และ ‘การศึกษา’ ล้วนเป็นเเค่ข้ออ้าง ไอ้เสี่ยกู้คนนี้ต้องมาที่นี่เพื่อหวังรั่วเซียงอีกเเน่นอน
วันนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่มีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ เช้าวันใหม่เพิ่งเริ่มต้นไม่นาน เเม้เเต่ศาสตราจารย์กู้ที่มักจะไม่มาที่นี่บ่อยๆก็ยังปรากฏตัวขึ้นมาได้
ศาสตราจารย์กู้ยังคงกระปรี้กระเปร่าเช่นเดิม เขาเดินเข้าไปในห้องทดลองด้วยความไวว่อง อย่างไรก็ตามทันทีที่เขาเห็นว่ากู้จวินก็อยู่ในห้องนี้ด้วย ใบหน้าของเขาก็ดูน่าเกลียดขึ้นมาเล็กน้อย
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกแปลก ๆ แม้แต่กู้จวินเองก็รู้สึกด้วยก็คือศาสตราจารย์กู้ไม่ได้ดุด่าเขาเเล้ว
“ นักศึกษา ฉันมีข้อมูลใหม่ ๆ เกี่ยวเรื่องจะแจ้งให้พวกเธอทราบ” ศาสตราจารย์กู้มีเรื่องสำคัญบางอย่างที่จะประกาศ เขามองไปที่ใบหน้าของลูกศิษย์หัวกะทิทั้งห้าที่กำลังตั้งใจฟัง
“เป็นการดีที่สุด ถ้าพวกเธอจะปรับเปลี่ยนตารางการเรียนในอนาคตของช่วงฤดูร้อนนี้ ฉันจะอุทิศเวลาทั้งหมดของฉันเพื่ออบรมพวกเธอ”
ทุกคนสงสัยในทันใด เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หวังรั่วเซียงส่ายหัวเล็กน้อยเมื่อดวงตาของอีกฝ่ายพุ่งตรงมาที่เธอ เธอไม่เคยได้รับแจ้งเกี่ยวกับข่าวเหล่านี้มาก่อน และที่สำคัญ เธอเพิ่งได้ยินเรื่องเเบบนี้
“ ตอนนี้พวกเธอก็รู้ว่าประเทศนี้ให้ความสำคัญกับฟรอนเทียร์คัพครั้งนี้มากเเค่ไหน เพื่อจุดประสงค์ในการคัดเลือกกลุ่มผู้มีความสามารถทางการแพทย์ใหม่ ๆ ”
ศาสตราจารย์กู้กล่าวอย่างเคร่งขรึม เเสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการคัดเลือกครั้งนี้ได้อย่างดี
“ ตอนนี้มีการออกประกาศข่าวล่าสุดแล้ว ไม่เพียงแต่จะมีการคัดเลือกผู้มีความสามารถจากฟรอนเทียร์คัพเท่านั้น แต่ยังมีการแข่งขันทักษะทางคลินิกครั้งใหญ่อีกด้วย จุดประสงค์คือเพื่อให้นักเรียนระดับหัวกะทิของเมืองมีเวทีเพิ่มเติมในการแสดงความสามารถ!!”
คำพูดของศาสตราจารย์กู้ทำให้พวกเขาสงสัยมากขึ้น แต่ความตื่นเต้นและความคาดหวังก็เริ่มเดือดปุด ๆ ขึ้นด้วยเช่นกัน
มหาวิทยาลัยมีการแข่งขันทักษะทางการแพทย์ทุกปี โดยปกติจะเป็นการเปรียบเทียบทักษะทางคลินิก การแข่งขันร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นและมหาวิทยาลัยอื่นๆทั่วทั้งเมืองและทั่วประเทศ
กระนั้นการเเข่งเเบบนี้ก็ไม่เคยมีมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้นรัฐบาลเป็นผู้นำในการจัดการแข่งขัน! เเบบนี้ไม่ต้องเดาเลยว่ารางวัลมันหรูหราฟู่ฟ่าขนาดไหน!
“ ฉันเองก็ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นมากนัก มีผู้มีคุณวุฒิหลายคนบอกว่าจะมีการทดสอบทักษะทางคลินิก ทดสอบทักษะห้องปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์และอื่น ๆ ทั้งหมด”
ศาสตราจารย์กู้ยังกล่าวเพิ่มอีกว่านี่คือการจัดเเข่งขันเเบบใหม่ที่มีเป็นครั้งเเรก
“ ถ้าพวกเธอมีความสามารถอย่างแท้จริง พวกเธอก็มีโอกาสโดดเด่นโดยธรรมชาติอยู่เเล้วไม่ต้องกลัว!”
ใช่ คนอื่นอาจจะไม่ได้ยิน แต่กู้จวินรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจเเบบผิดปกติอย่างฉับพลัน
ก่อนหน้านี้เขาเคยได้ยินจากไช่ฉีซวนว่าครั้งนี้ฟรอนเทียร์คัพจะมีความสำคัญมากกว่าครั้งก่อนๆ ในตอนนั้นเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย เพราะยังไงเขาก้ไม่เกี่ยว
เเต่เมื่อลองคิดดูถึงเป็นไปได้ บางทีตอนนี้ประเทศอาจจะมีอะไรบางอย่างที่สำคัญเกิดขึ้นโดยที่สาธารณชนยังไม่ได้รับรู้? เเละสิ่งนี้นำไปสู่ความต้องการบุคลากรทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนของประเทศ
สิ่งนี้อาจมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติที่ก้นทะเลลองกานก็เป็นไปได้
ตอนเเรกเขายังสงสัยว่าจะเข้าไปในวงการลึกลับนั้นได้อย่างไรอยู่เลย? เเต่ตอนนี้กู้จวินรู้สึกเหมือนพบเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว
“ ศาสตราจารย์ครับ?” จู่ๆ กู้จวินก็พูดขึ้น“ ผมสามารถเข้าร่วมการแข่งขันนี้ได้ไหมครับ!?”
ทันใดนั้นอากาศก็เหมือนหยุดนิ่ง และทุกคนก็หันมามองเขาอย่างงุนงง ศาสตราจารย์กู้ก็มองเขาด้วยความงุนงงเช่นกัน