ภายในชั่วพริบตานั้นทุกคนก็หันไปมองกู้จวินด้วยความเเปลกใจปะปนกับความหวาดกลัว ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและเเทบไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินจากปากของกู้จวินนั้นจะเป็นความจริง
[เสี่ยกู้ + การแข่งขันทักษะทางคลินิก] คำศัพท์ 2 คำนี้มานำพวกมันมารวมกัน…พนันได้เลยว่าความฉิบหายที่สุดในประวัติศาสตร์จะต้องอุบัติขึ้น!! มหาวิทยาลัยจะต้องอับอาย….ไม่สิ เมืองนี้ทั้งเมือง ร้ายเเรงสุดอาจจะเป็นประเทศนี้ทั้งประเทศที่ต้องพบกับความโชคร้ายไม่มีที่สิ้นสุด
ยิ่งไปกว่านั้นนี่ไม่ใช่การแข่งขันปกติ!! มันเป็นเวทีเเข่งขันของสุดยอดนักศึกษาเเพทย์หัวกะทิจากสถาบันชั้นนำ พูดง่ายๆ มันคือเวทีที่บรรดาอัจฉริยะและผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะสูงลิบลิ่วในวิทยาลัยการแพทย์ชั้นนำของจังหวัดทุกจังหวัดในภาคตะวันออกมารวมตัวกัน
มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นอาจมีอัจฉริยะทางการแพทย์อยู่ภายใต้ปีกของพวกเขาเป็นส่วนมาก เเต่ก็มีเด็กอีกหลายคนที่เป็นอัจฉริยะด้านอื่นๆ มากมาย ดังนั้นไม่ต้องเดาเลยว่าการเเข่งขันจะดุเดือดเเค่ไหน!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหาวิทยาลัยคู่แข่งที่สำคัญ คู่เเข่งเหล่านี้มีความเป็นมาที่ยาวนานไม่ต่างจากมหาวิทยาอีสเทิร์นเลย ดังนั้นอิจฉริยะมากมายย่อมปรากฎขึ้นที่นั่นด้วย เช่น มหาวิทยาลัยชิงหยุน มหาวิทยาลัยซีหัว และมหาวิทยาลัยตงหยาง มหาวิทยาลัยพวกนี้ล้วนเเต่มีบุคลากรที่มหัศจรรย์ทั้งนั้น!
เเละนี่การแข่งขันที่สำคัญที่สุดระหว่างมหาวิทยาลัยการแพทย์ชั้นนำทั้ง 4 แห่งในภาคตะวันออก!
ต้องต้องสงสัยเลยว่าการเเข่งขันนี้จะดุเดือดไม่ต่างอะไรกับ ‘สงครามโลก’ พวกเขาย่อมจะเเข่งขันกันดุเดือดตั้งเเต่ภายในมหาวิทยาลัยตนเองเพื่อเลือกตัวเเทนเเน่ เเละเมื่อมาเเข่งขัน…..พนันได้เลย ต่อให้โจทย์เป็นการผัดตัดต่อปอดเทียม…มันก็อาจจะมีเเนวโน้มที่จะผ่าตัดสำเร็จเเละเกิดนวัตกรรมใหม่ๆในงานด้วยซ้ำ! ดีไม่ดี…อาจจะถึงกับเเย่งกันผ่า!
“อยากเเข่งเหรอ? เพื่ออะไรล่ะ?” ศาสตราจารย์กู้เอ่ยปากถามกู้จวินด้วยน้ำเสียงที่ว่างเปล่า
“ตั้งใจจะทำให้การเเข่งขันที่ทรงเกียรติ…กลายเป็นหายนะทางการเเพทย์ใช่หรือไม่?” ศาสตราจารย์กู้เอ่ยปากถามอีกครั้งหนึ่ง…คราวนี้น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกดดันจนเหล่าเด็กๆบางคนในห้องรู้สึกกดดันเเทนกู้จวิน
“อุ๊บ! อิๆ!!” ซูไห่เป็นคนแรกที่เริ่มหัวเราะเบา ๆ เพราะกลั้นไม่อยู่ จากนั้นจางฮ่าวหลันและเฮ่ออี้หานก็ส่งเสียงหัวเราะตามมา
พวกเขาต่างมองว่ากู้จวินกำลังพูดเรื่องตลก พูดถึงอะไรที่เป็นไปไม่ได้ พวกเขาสะใจมากที่ศาสตราจารย์กู้ตอกกลับกู้จวินไปทั้งเเบบนั้น
ในทางกลับกันไช่ฉีซวนตกอยู่ในความเงียบ เเม้เเต่หวังรั่วเซียงก็ไม่แม้แต่จะสะดุ้งด้วยซ้ำ เธอสามารถบอกได้จากสีหน้าของกู้จวินว่าเขากำลังจริงจังอยู่ เเต่ความจริงจังที่ว่าของเข้านั้น…มันไม่เข้ากับสถานการณ์ในตอนนี้เอาเสียเลย!
“ ศาสตราจารย์ครับ ผมเป็นคนพูดจริงทำจริง ผมอยากจะเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้!!” กู้จวินพูดอย่างใจเย็นโดยไม่รู้สึกขุ่นเคืองกับการเยาะเย้ยของคนพวกนี้ เเม้ในใจจะอดโมโหไม่ได้ก็ตาม…เขารู้ว่าคนพวกนี้ไม่ได้จะสนิทพอที่จะล่วงรู้ความคิดเเละความเปลี่ยนไปของเขานัก
“เธออยากจะเข้าการเเข่งขันอย่างนั้นหรือ?” ใบหน้าของศาสตราจารย์กู้กลายเป็นเย็นชายิ่งว่าเดิม เปลวไฟแห่งความโกรธลุกโชนอยู่ในดวงตาของเขา จากนั้นเขาก็สบตาของกู้จวินเพื่อถามอะไรบางอย่าง “เเล้วเธอมีคุณสมบัติใดที่คิดว่าตนเองควรจะได้รับเลือกให้เข้าเเข่งล่ะ?”
บรรยากาศโดยรอบในห้องปฏิบัติการตกลงสู่ความเงียบทันที เช่นเดียวกับความสงบก่อนเกิดพายุ ทุกคนตกอยู่ในความงุนงงเเละมองหน้ากันไปมา พวกเขาลองสมมติตนเองเป็นกู้จวิน พวกเขาคาดว่าเเม้เเต่พวกเขาเองก็ยังตอบไม่ได้ หรือถ้าตอบๆไป มันอาจจะเป็น…. “ฉันเป็นใครกัน?” ไม่ก็ “ฉันมาทำอะไรที่นี่” เเน่นอน!
ไช่ฉีซวนตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างเเท้จริง หัวใจของเขาปรารถนาที่จะพูดแทนเพื่อช่วยเพื่อนของเขา เต่เขาก็ตกใจจนพูดอะไรไม่ออก สุดท้ายเขาได้เเต่มองกู้จวินเเบบเงียบๆ
ในอดีตศาสตราจารย์กู้คงจะยินดีช่วยเหลือกู้จวินและคอยให้คำแนะนำแก่เขา อนิจจาที่เรื่องมันถึงขั้นนี้ไปเเล้ว…ศาสตราจารย์คงจะไม่ช่วยกู้จวินอีก…เเต่เพื่อกู้จวิน เขาจะตัดสินใจขอร้องเเทนให้…ต่อให้ต้องกอดขาเเละพูดจาขอร้องไปเขาก็ยอม
“ ศาสตราจารย์กู้ครับ เมื่อไม่นานมานี้กู้จวินเขา…..”
“ ฉันได้ยินมาว่ากู้จวิน…เขาพยายามหนักมากในช่วงนี้….” ยังไม่ทันที่ไช่ฉีซวนจะพูดจาขอร้องจบประโยค ทันใดนั้นเสียงไพเราะก็ดังกึกก้องไปทั่วห้องปฏิบัติการ เป็นหวังรั่วเซียงที่เอ่ยปากพูดแทนเขา ประโยคเดียวประโยคนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะหวังรั่วเซียงจู่ๆ จะพูดขึ้นมาเพื่อช่วยกู้จวิน
กู้จวินมองพวกเขาสองคนด้วยความซาบซึ้ง แล้วหันไปหาศาสตราจารย์กู้ จริงๆเเล้วกู้จวินไม่ได้โกรธอาจารย์ที่ตำหนิเขา สิ่งเดียวที่กู้จวินปรารถนาก็คือให้ศาสตราจารย์รับรู้ถึงความพยายามของเขาก็เท่านั้นเอง
กู้จวินเอ่ยปากขอร้องอย่างจริงใจ “ ศาสตราจารย์กู้ครับ หากสวรรค์ให้โอกาสเเม้เเต่โจรร้ายก็กลับใจทัน ผมเชื่อว่าด้วยความสามารถของผม ผมจะได้รับสิทธิ์ในการยืนอยู่บนเวทีนั้นเเน่นอน”
ศาสตราจารย์กู้มองอดีตนักเรียนอัจฉริยะของเขาที่เคยเหลวเเหลกในอดีตค่อยๆกลับใจ ความโกรธภายในจิตใจของเขาก็ค่อยๆจางหายไปจากใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขา ในไม่ช้าเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังก็งอกเงยขึ้นมาอีกครั้งภายในหัวใจของศาสตราจารย์กู้
เขามีความเข้าใจในระดับหนึ่งเกี่ยวกับนักเรียนคนนี้ กู้จวินเป็นเด็กที่ฉลาดและมีความสามารถสูงอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแต่เขาก็ไม่ได้รับการกระตุ้นศักยภาพเลยและมีนิสัยขี้เกียจอยู่เป็นนิจ
อย่างไรก็ตามช่วงเวลาแห่งความเกียจคร้านนั้นคงไม่ได้เป็นกันตลอดชีวิต เขาตั้งความหวังไว้เสมอว่ากู้จวินจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นในอนาคต
เขามองกู้จวินที่มีใบหน้าจริงจังเเละเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณอย่างนักสู้ เเม้จะมีร่างกายที่ผอมบาง…ผอมเเละดูคล้ายคนเจ็บป่วย
ศาสตราจารย์กู้นั้นเขาประเมินเเละตรวจให้ผู้ป่วยหลายพันคนมาตลอดหลายปี ในฐานะแพทย์! ศาสตราจารย์กู้รู้ว่าเขาสามารถเล็งเห็นอะไรบางอย่างในตัวคน เเละมีความสามารถในการดูนิสัยใจคอของคนเพิ่มมาด้วยความบังเอิญ
ในขณะที่ความคิดนั้นผ่านเข้ามาในจิตใจของเขาศาสตราจารย์กู้ เขาก็ไม่สามารถเก็บความโกรธไว้ได้อีกต่อไป
“ การแข่งขันครั้งนี้เชิญเฉพาะผู้ที่มีความสามารถมากที่สุดในบรรดานักเรียนเเพทย์ผู้มีความสามารถระดับหัวกะทิ ภายในมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับเลือกให้เข้าชิงฟรอนเทียร์คัพ เเละพวกเขาเท่านั้นที่มีสิทธิ์! หากเธออยากเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแท้จริงก็รีบไปปรับปรุงตัวเองแล้วรอโอกาสต่อไปซะ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นกู้จวินก็พยักหน้าตอบรับด้วยความมั่นใจ ชั่วขณะหนึ่งเเววตาของเขาก็ปรากฎความหยั่งรู้ออกมา
ลึก ๆ แล้วเขารู้สึกว่าศาสตราจารย์กู้ได้ปิดบังข้อมูลบางอย่าง หากประเทศกำลังจัดการแข่งขันครั้งใหญ่อย่างเอิกเกริกเเบบนี้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ประเทศอาจจะเชิญชวนนักศึกษาแพทย์เเบบไม่ค่อยเฉพาะเจาะจงเพื่อค้นหาเพชรในตมก็เป็นไปได้ นั่นมันก็หมายความว่าศาสตราจารย์กู้บางทีอาจจะได้รับโควต้าบางอย่างมา เมื่อสรุปได้เเล้วกู้จวินก็รีบกล่าวขอร้องด้วยเเววตาอ้อนวอนทันที “ อาจารย์ครับ! ได้โปรดเถอะ ผมอยากจะพิสูจน์ตัวเองให้คุณเห็น…ผมจะทำให้ได้!”