“ การอนุมานนี้ดูสมเหตุสมผลดี แต่…” กู้จวินบ่นพึมพำ แต่เขารู้สึกเหมือนว่าสิ่งต่างๆไม่ง่ายอย่างที่เขาคิด
ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกฟ้า! การปรากฎของคนเหล่านี้เป็นยิ่งกว่าลางร้าย เขาคิดหาเหตุผลใหม่ทันที! นั่นก็เพราะเขาสังเกตุได้ว่าคนพวกนี้เเปลกมาก ใบหน้าของคนที่ตามคนเข็นศพนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก
พวกนี้เป็นใครกันแน่?
หลังจากรอสักพัก ทีมงานของนักเก็บศพก็กลับมาพร้อมกับเข็นรถเข็นเปล่า ถังสีขาวที่ดูยาวหายไปแล้ว!
กู้จวินตั้งใจสำรวจคนเหล่านี้อย่างรอบคอบ แต่ก็ยังไม่สามารถสังเกตเห็นความผิดปกติใด ๆ จากตัวคนพวกนี้ได้
“มองอะไรอยู่? พวกเราไปกันเถอะ” ซูไห่เร่งให้ทุกคนรีบไปเสียที จะมายืนเเอบมองคนอยู่มุมตึกไม่ได้ พวกเขามีธุระจะต้องทำรู้ไหม? “ ฮ่า ฮ่า พวกเรามาถึงเวลาที่เหมาะสมจริงๆ!”
ต้องเข้าใจว่าคุณภาพของศพมนุษย์นั้นมีหลากหลาย ศพมนุษย์จำนวนมากมาจากผลพวงของอุบัติเหตุที่น่าเศร้า ศพบางส่วนมีสภาพเละเทะจนดูไม่จืด มีบางคนที่มีหัวบวมจากการกระเเทกจนคล้ายกับลูกบอล ไม่ต้องสังสัยเลยว่าตอนที่เขายังมีชีวิตเเละกำลังจะตายมันจะเจ็บปวดมากเพียงไหน
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยผ่าช่องท้องของศพๆหนึ่งในวิชาเรียน ในระหว่างการผ่าศพนั้น…เหตุเกิดที่ในตึกภาควิชาคลินิคชั้น 3 พวกเขาผ่าศพที่ช่องท้องเเละพบว่าอวัยวะที่อยู่ภายในนั้นเน่าเสียทั้งหมด! เห็นได้ชัดว่าเป็นผลของการบาดเจ็บภายในที่เกิดจากรถชนอย่างรุนแรง…นั่นทำให้ไม่สามารถผ่าต่อได้อีก จัดเป็นศพที่ไม่เหมาะเเก่การนำมาเรียนในระดับสูงอย่างยิ่ง!
อย่างไรก็ตามหากต้องการเรียนรู้กายวิภาคอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่สามารถศึกษาจากศพที่ไม่สมบูรณ์ได้ เพื่อที่จะผลิตนักเรียนเเพทย์คุณภาพดี พวกเขาจำเป็นต้องใช้ศพที่มีคุณภาพสูง!
ดังนั้นจึงมีการต่อสู้เงียบ ๆ ระหว่างชั้นเรียนและกลุ่มในชั้นเรียนอยู่เสมอ นักศึกษาชายที่รับผิดชอบในการเคลื่อนย้ายศพ พวกเขามักจะเลือกศพที่มีคุณภาพสูงให้กับกลุ่มของพวกเขาเอง
การมีศพที่มีศีรษะสภาพสมบูรณ์อยู่บนโต๊ะชำแหละนั้นเป็นเรื่องที่คนจำนวนไม่น้อยอิจฉาและอยากได้เป็นอย่างมาก หากเเต่นั่นเป็นเรื่องที่หายากจริงๆ
มันเป็นเรื่องของความโชคดี เนื่องจากศาสตราจารย์มักจะแจกจ่ายศพใหม่ๆ ทุกครั้งที่มีกายวิภาคศาสตร์ทุกครั้ง เเละหมุนเวียนไปเรื่อยๆ อย่างน้อยทุกกลุ่มในชั้นเรียนจะต้องโชคดีอย่างน้อยครั้งหนึ่ง….
อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีของกู้จวินนั้นเขาไม่ได้กำลังเรียนในชั้นเรียน หากเเต่เป็นการซ้อมเพื่อเตรียมเเข่งขัน
ตอนนี้นักศึกษามีทั้งหมด 5 คน ไม่สิ เป็น 6 เเล้วถ้ารวมกู้จวินเข้าไปด้วย พวกเขามีโอกาสที่จะผ่าซากศพได้ทั้งหมดทุกคน! ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังมาทันเวลาที่นักเก็บศพมาส่งศพใหม่ๆพอดี
ในขณะที่เดินไปห้องเก็บศพ ซูไห่ก็ไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นในใจเอาไว้ได้ เขารีบบอกเพื่อนที่เหลือทันที “ เราต้องเลือกศพที่สมบูรณ์ที่สุดนะ เข้าใจไหม? นี่ช่างเป็นโอกาสที่หายากจริงๆ!”
ใช่! นี่เป็นโอกาสที่หายากมาก กู้จวินคิดว่าตราบใดที่สามารถพบร่างของมนุษย์ที่ผิดปกติได้ ภารกิจยากลำบากของเขาก็จะประสบความสำเร็จ
“ใช่ๆ พวกเราควรเลือกร่างกายของศพที่มีความผิดปกติ” กู้จวินเอ่ยปากบอกทุกคนทันที เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่เเย่นัก
“โอ้ใช่ ได้เลย เอาตามนั้นเเหละ!” ไช่ฉีซวนพยักหน้าทันทีเหมือนไก่จิก “ หากมีมนุษย์ที่มีรูปร่างผิดปกติให้เลือกมนุษย์ที่มีรูปร่างผิดปกติเเล้วกัน”
แน่นอนว่าซูไห่เเละจางฮ่าวหลันก็เห็นพ้องต้องกันว่าความคิดของ ‘เสี่ยกู้’ ในครั้งนี้นั้นดีงามมากทีเดียว แม้ว่าความสมบูรณ์ของร่างกายจะดูยอดเยี่ยมและถือว่าหายาก เเต่มันจะไปมีค่าไปมากกว่า ‘ศพที่ร่างกายผิดปกติในพันธุกรรม’ ได้อย่างไร?
ระหว่างการสนทนาอันเเสนสนุก พวกเขาก็เดินมาจนถึงลานด้านนอกของห้องเก็บศพเเล้ว และพวกเขาก็ได้เห็นใบหน้าที่คุ้นเคยนั่นก็คือผู้ดูแลของห้องเก็บศพ ‘ลุงซุย’
ลุงซุย…เขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีพุงบวมโป่งและมีใบหน้าที่มันเยิ้มราวกับกระทะทอดไข่ เขาดูเหมือนภาพถ่มน้ำลายของ [หูถู่หู] หนึ่งในภาพเลื่องชื่อของนักปราชถ์…ฟ่านจิงจงจิ่วในอดีต
“ คุณลุงซุยครับ จริงๆ ศาสตราจารย์กู้บอกให้พวกเรามายืมศพครับ” ซูไห่กล่าวอธิบายทันทีด้วยความเร่งรีบราวกับกลัวชายเบื้องหน้าเปลี่ยนใจไม่ให้ยืม
“อืม! ฉันรู้นานเเล้ว ศาสตราจารย์กู้โทรมาบอกฉัน” ตาเเก่ซุยมองเเต่หน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาเอง โดยไม่เงยหน้าขึ้นมองเหล่านักศึกษาด้วยซ้ำ เขาเเค่จิ้มหน้าจอเเละเล่นเกมส์ต่อไป
“ เข้าไปเอาสิ เเต่ฉันจะไม่ช่วยพวกเธอหรอกนะ เพราะฉันเหนื่อยมาก วันนี้คงมีคนมาเอาศพหลายคน” ลุงซุยยังคงเล่นเกมส์ต่อไปเเละโบกมือไล่เด็กหนุ่มให้เข้าไปจัดการศพเอาเอง
“ คุณซุยครับ พวกนักเก็บศพเป็นใครกันครับ?” กู้จวินถามด้วยความสงสัย เเละเขาอยากจะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับคนพวกนั้นจริงๆ
“ หา!? ไม่ใช่เรื่องของฉัน ฉันต้องใส่ใจด้วยรึ?” ตาเเก่ซุยตะคอกอย่างไม่พอใจ
“ พวกเขาเป็นใครก็ช่างเถอะ เเต่คงไม่พ้นพวกคนไร้ทางเลือก หากพวกเขามีทางเลือกอื่น พวกเขาก็คงไม่ทำงานเเบบนี้หรอก ขนศพน่ะสนุกดีรึ? ไปๆ ไปเอาศพได้เเล้ว” ตาเเก่ซุยโบกมือไล่อย่างหงุดหงิด
กู้จวินเงียบ นั่นไม่จำเป็นต้องเป็นความจริงเสมอไป ตัวอย่างเช่น ผู้ดูแลระบบเเอดมินในบริษัทใหญ่…ส่วนใหญ่ทุกคนเป็นคนธรรมดา แต่ในขณะที่บรรณารักษ์บางคนก็มีอิทธิพล
ซูไห่รีบเปิดประตูเหล็กของห้องเก็บของและเร่งให้พวกเขารีบเข้าไปอย่างรวดเร็ว กู้จวินจึงตามเข้ามาด้วยอย่างช่วยไม่ได้
ตอนทีที่เข้ามาในห้องเก็บศพ แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะสวมหน้ากากปิดหน้ากันแน่น แต่ก็ยังได้รับกลิ่นเหม็นของฟอร์มาลีนที่รุนแรงอยู่ดี กลิ่นนี้ทำให้พวกเขาเวียนหัวจนเเทบหัวทิ่ม
ห้องเก็บศพนี้กว้างขวางมาก ผนังโดยรอบเต็มไปด้วยเศษขยะทุกชนิด มีเครื่องมือที่ถูกทิ้ง โต๊ะและเก้าอี้ที่เต็มไปด้วยฝุ่นและรถเข็นที่ใช้กันทั่วไป
เเละเศษขยะที่ว่านี้มันถูกเอามากองปิดกั้นเเสงอาทิตย์ที่จะเข้ามาทางหน้าต่าง นั่นทำให้แสงส่องเข้ามาไม่ได้ และเพดานก็มืดมิดจนน่าสะพรึงกลัว
กลางห้องเก็บศพนั้นมีถังเก็บศพที่แตกต่างกันสองถังถูกจัดวางอย่างเรียบร้อย ถังเก็บศพของมหาลัยคือถังเก็บสแตนเลส ที่ทุกถังถูกปกคลุมไปด้วยฝุ่นและวางไว้ที่ด้านหลังจนเเทบมองไม่เห็น
เเละถังที่วางอยู่ข้างหน้าคือถังเก็บสีขาวที่เพิ่งมาใหม่ ดังนั้นจึงเหลือพื้นที่เพียงพอให้คนเดินผ่านและเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ได้เท่านั้นเอง
มองผ่านๆ มีถังเก็บศพสีขาวห้าสิบถัง
“ไอ้โยววว…” ไช่ฉีซวนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คนเหล่านี้ทั้งห้าสิบคนก็คือคนที่ครั้งหนึ่งเคยมีชีวิตอยู่
กู้จวินขมวดคิ้วและมองไปที่ถังเก็บสีขาวเหล่านี้ด้วยความกระสับกระส่ายในใจ
“ เร็วเข้า ศาสตราจารย์กู้และคนอื่น ๆ รออยู่นะ” ซูไห่นั้นตอนนี้เขาถือว่าเป็นผู้นำ หลังจากสั่งเสร็จ เขาก็เดินไปที่ถังเก็บสีขาวที่อยู่ตรงกลางของแถวหน้า
เขาและจางห้าวหลันสองคนยืนอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งของเเต่ละฝั่ง จากนั้นพวกเขาก็จับที่จับของฝาถังเก็บในเวลาเดียวกัน ทันใดนั้นกลิ่นฟอร์มาลีนเข้มข้นก็พุ่งออกมา
พวกเขาสองคนมองซากศพที่อยู่ในถังเก็บและอุทานออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน “ หืม? นี่พวกนายก็เข้ามาดูสิ!”
กู้จวินรีบเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย จากนั้นก็ค่อยๆยื่นหัวเข้าไปดูในถังเก็บศพที่เต็มไปด้วยความมืดเเละกลิ่นเหม็นที่น่าสะพรึง