ระบบศัลยเเพทย์…ในยุคสิ้นโลก – ตอนที่ 32

ห้องปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์เต็มไปด้วยเเสงสว่างเจิดจ้า เเสงของไฟนีออนนั้นส่องสว่างจนดูเหมือนกับทั่วทั้งห้องนั้นเต็มไปด้วยความกว้างขวาง

 

ด้านในห้องปฏิบัติการกายวิภาคศาสตร์ถูกเเบ่งออกเป็นสามแถวด้วยจำนวนโต๊ะชำแหละแช่เย็นเเบบควบคุมอุณหภูมิได้หกตัว มีวงจรสำหรับปรับอุณหภูมติดตั้งไว้ถูกตรงกลาง โดยโต๊ะทั้งหมดทำจากสแตนเลสเกรดพรีเมี่ยม เพดานเหนือโต๊ะผ่าแต่ละตัวมีโคมไฟไร้เงาและกล้องสำหรับอัดวีโอการผ่าเเต่ละครั้ง ที่ผนังด้านหลังของห้องปฏิบัติการแขวนป้ายที่มีพื้นหลังสีน้ำเงินด้านในมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยตัวอักษรที่ทรงพลังว่า

 

[ความกล้าหาญที่เหนือกว่าความกล้าหาญก็คือ ความเคารพรักในผู้วายชนม์อย่างไร้เงื่อนไข ]

 

โต๊ะชำเเหละที่อยู่ในห้องปฏิบัติการ เเน่นอนว่ามันคือโต๊ะที่มีไว้สำหรับผ่าศพ เเละในขณะนี้หนึ่งในโต๊ะชำเเหละทั้งหมด มีศพวางไว้อยู่ เเละศีรษะของศพนั้นถูกปกคลุมด้วยผ้าเปียกที่แช่ฟอร์มาลีนกันเน่า

 

สภาพศพยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ยกเว้นเพียงเเค่แขนท่อนบนด้านซ้ายเท่านั้นที่ผิดรูปเเบบและบิดเบี้ยวจนน่าสะพรึง

 

ศาสตราจารย์กู้พานักศึกษาทั้งหกคนไปที่ข้างโต๊ะชำเเหละและทำพิธีไว้อาลัยให้กับศพด้วยความ ‘เคารพรัก’ ดั่งคำที่เขียนเอาไว้ด้านหลังป้ายที่เเขวนบนผนังห้อง

 

 

 

ทุกคนสวมเสื้อกาน์วสีขาว ใส่หน้ากากและถุงมือรัดกุม

 

ก่อนหน้านี้ทั้งสี่คนขนศพมาโดยใช้รถเข็น จากนั้นก็นำศพไปวางไว้บนโต๊ะชำแหละ

 

ซูไห่ได้รายงานสถานการณ์ผิดปกติในห้องเก็บศพให้ศาสตราจารย์กู้ได้รับรู้ ศาสตราจารย์กู้ที่ได้ฟังก็ขมวดคิ้วและไม่เข้าใจว่าสถานการณ์เเปลกๆที่ว่ามันคืออะไร…..

 

แต่สิ่งที่ทำให้เขาสับสนยิ่งกว่านั้นก็คือแขนท่อนบนด้านซ้ายของร่างกายศพมันผิดเพี้ยนเเบบเเปลกๆต่างหาก….เขาไม่เคยพบอะไรเเบบนี้มาก่อน

 

นี่เป็นความผิดเพี้ยนทางพันธุกรรมที่ไม่เคยปรากฎในประวัติศาสตร์มาก่อน เเม้เเต่เขาก็ดูมันไม่ออกเช่นกัน เเละเขาก็ไม่สามารถระบุได้ว่านี่เป็นความผิดปกติชนิดไหน!

 

หลังจากช่วงเวลาแห่งความเงียบได้ผ่านพ้นไป ศาสตราจารย์กู้ก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมออกมา และพูดกับนักศึกษาหัวกะทิอย่างจริงจัง

 

“ ต่อให้ฉันไม่พูดอะไร เเต่เด็กอย่างพวกเธอน่าจะรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว จำเอาไว้! การแข่งขันในครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย ฉันหวังว่าพวกเธอจะสามารถฝึกฝนให้ดีด้วยความตั้งใจเเละพัฒนาฝีมือของตนเอง อย่าปล่อยให้การเสียสละของผู้ตายลงเอยด้วยความว่างเปล่า! จงฝึกให้หนักเเล้วพัฒนาตนเองซะ!”

 

ทุกคนพยักหน้าหนักเเน่น พวกเขาทุกคนมีสีหน้าเคร่งขรึมเหมือนกันกันบนใบหน้า กู้จวินเองก็เหมือนกัน เขาไม่เคยแสดงท่าทีล้อเล่นหรือไม่ตั้งใจในขณะที่อยู่ในห้องกายวิภาคของมนุษย์อันเป็นสถานที่ผ่าศพเเห่งนี้เลยเเม้เเต่ครั้งดียว

 

“ ฉันขอพูดตรงไปตรงมา….” ศาสตราจารย์กู้มองศพมนุษย์ที่น่าสงสารบนโต๊ะชำแหละ เเล้วกล่าวกับนึกศึกษาเบื้องหน้าตามความจริงที่ได้รับรู้

 

“ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าแขนข้างซ้ายด้านบนของศพนี้ผิดปกติเเบบไหน นี่เป็นความพิการแต่กำเนิดหรือความผิดปกติที่ได้รับมาในภายหลังก็ไม่อาจจะทราบได้…ดังนั้นหน้าที่นี้เป็นของพวกเธอเด็กรุ่นใหม่เเล้ว ทุกคนน่าจะมีความรู้ทางด้านชันสูตรกันอยู่บ้าง ลองเชื่อมโยงจากนั้นถ้ารู้สึกถึงอะไรเเปลกๆหรือพอรู้อะไรเกี่ยวกับศพนี้ก็พูดขึ้นมาได้…คำตอบไม่มีถูกผิด เว้นเเต่เมื่อพิสูจน์ได้ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์! ดังนั้นไม่ต้องอาย”

 

 

 

แม้แต่ศาสตราจารย์กู้ก็ไม่รู้เหรอเนี่ย? ซูไห่หันไปมองจางห้าวหลันด้วยสายตางงงวย จางห้าวหลันเองก็ยักไหล่ไม่ทราบเเละหันไปมองเฮ่ออี้หานเป็นทอดๆ ทุกคนมองกันไปมองกันมา บรรยากาศในห้องปฏิบัติการเริ่มผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

เเน่นอนว่า ‘ทาส’ทางการแพทย์เหล่านี้ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักจนเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติของหมอมืออาชีพ และภาพของเนื้อเน่าเปื่อยมันเป็นอะไรที่คุ้นเคยสำหรับพวกเขา

 

เมื่อพวกเขาเริ่มลงชำแหละร่างกายมนุษย์ ปกติเเล้วพวกเขาจะไม่รู้สึกหวาดกลัวร่างกายที่ไร้ชีวิตของมนุษย์…เพราะมันถูกปกคลุมไปด้วยผ้าสีเขียวจนรอบ ทว่ามันกับเป็นคนละเรื่องทันทีเมื่อพวกเขาจะต้องผ่าใบหน้าของศพ…นักศึกษาส่วนใหญ่เเทบทั้งหมดจะเกิดอาการเครียดจนถึงกับหยิบมีดไม่ขึ้นเเละลงมือผ่าเพื่อฝึกฝนไม่ได้

 

นี่คือกลไกความกลัวของมนุษย์!! สำหรับมนุษย์ส่วนใหญ่ พวกเขามองว่ามือหรือลำไส้ใหญ่เป็นเพียงสิ่งที่ตายแล้วมันไร้ซึ่งชีวิตอย่างสิ้นเชิง พวกเขาสามารถลงมือทำอะไรก็ได้เเบบไม่ขัดเขิน แต่สำหรับใบหน้าของคนนั้นคือที่สิงสถิตของวิญญาณ…พวกเขาทำใจลงมีดไม่ได้อย่างเด็ดขาด

 

 

 

แต่ตอนนี้มือซ้ายของศพที่ผิดปกติ ทำให้พวกเขามีแรงกดดันที่มองไม่เห็นมากกว่าเเรงกดดันใดๆที่เคยประสบมาทั้งหมด!

 

เฮ่ออี้หานอดไม่ได้ที่จะหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อดึงความกล้าให้ตัวเอง เเต่ทันทีที่เธอสูดอากาศเข้าไปนั้น กลิ่นเหม็นเน่าเเละกลิ่นฟอร์มาลินฉุนกึกได้ถูกสูดเข้าไปเเทนอากาศบริสุทธิ์จนเธอสำลักเเละจะขาดใจตายเพราะความเหม็นซะเอง

 

 

 

ศาสตราจารย์กู้มองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นนักศึกษาหัวทะที่เป็นลูกศิษย์เอกของเขามีลักษณะเช่นนี้ หัวใจของเขาก็จมลงสู่ความสิ้นหวัง บางทีเขาคงหวังมากเกินไป

 

เมื่อคิดดูแล้วเขาก็นึกได้ว่าศพเหล่านี้คือทรัพยากรเพื่อการฝึกฝนสำหรับการแข่งขันที่มาจากรัฐบาล

 

ดูสิ! ขนาดเเค่ศพสำหรับฝึกฝนยังยากขนาดนี้

 

ถ้าไปถึงการแข่งขันจริง ใครจะรู้ว่าต้องผ่าวัตถุอะไรที่แย่กว่าศพพวกนี้อีก?

 

อาจารย์อย่างเขารู้สึกเครียดเเทนเด็กๆจริงๆ ยิ่งมองเห็นเด็กที่ทำหน้าทำตาเหมือนไม่รู้เรื่อง เขาก็ยิ่งผิดหวัง

 

 

 

ศาสตราจารย์กู้หันไปดูหวังรั่วเซียงเเละไช่ฉีซวน เขาเห็นเด็กสองคนนั้นกำลังอยู่ในอาการสงบ พวกเขาครุ่นคิดอย่างไม่ตื่นตระหนกเเละดูีเเบบเเผน…ส่วนกู้จวิน?

 

ในเวลานี้ศาสตราจารย์กู้เลิกมองเด็กคนอื่นเเล้วหันมามองกู้จวิน เเละกู้จวินที่ว่าก็ยืนนิ่งด้วยความสงบ เเต่เขาไม่รู้จริงๆว่ากู้จวินสงบลงเพราะใจเย็นหรือหวาดกลัวศพจนพูดอะไรไม่ออกกันเเน่!

 

“เอาล่ะ! เรามาผ่าบริเวณหลังมือของแขนท่อนบนด้านซ้ายกันก่อน…” ศาสตราจารย์กู้จงใจต้องการทำให้พวกเขาตื่นตัวเเละเลือกสิ่งที่พวกเขากลัวที่สุดให้ลงมือผ่าดูก่อน….

 

ในฐานะแพทย์ คุณจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมากมาย เเละคุณไม่สามารถเตรียมตัวก่อนเข้าสู่สนามรบได้ทุกครั้ง!!

 

เช่นครั้งนี้!

 

“หา!” ซูไห่เเละเฮ่ออี้หานก็อุทานขึ้นมาพร้อมกัน แม้แต่หวังรั่วเซียงที่กำลังทำหน้านิ่งก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้

 

ในที่สุดไช่ฉีซวนก็แสดงสีหน้าประหม่าเเล้วเอ่ยถามด้วยความกังวล “ ศาสตราจารย์ครับ พวกเราไม่จำเป็นต้องอุ่นเครื่องก่อนหรือครับ!?”

 

ในชั้นเรียนกายวิภาคศาสตร์ตามปกติจะมีการทบทวนก่อนการลงมือปฏิบัติจริง ผู้ที่เป็นอาจารย์จะพูดคุยเกี่ยวกับความรู้กายวิภาคศาสตร์ที่เกี่ยวข้องและใช้หน้าจอทีวีในการสอนนักศึกษาให้เข้าใจมากขึ้น รวมถึงการเปิดวีดีโอพร้อมกับการผ่าเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการเรียนมากขึ้น เเละนักศึกษาก็จะเข้าใจในเนื้อหาและจัดลำดับของเนื้อหากายวิภาคศาสตร์ได้มากขึ้น รวมถึงเตรียมจิตใจให้พร้อมที่สุดสำหรับการผ่าศพ

 

ในกรณีแม้ว่าจะไม่มีวีดีโอสอนการผ่ามือซ้ายที่มีรูปร่างผิดปกติให้พวกเขาเห็น แต่ก็ควรจะมีวีดีโอการผ่าส่วนอื่น ๆ ให้พวกเขาดูก่อนและต้องดูมันเพื่ออุ่นเครื่อง

 

 

“อ้อ! จะออกกำลังกายก่อนผ่างั้นเหรอ? งั้นเปิดเพลงเต้นก่อนดีไหม? จากนั้นก็อัดคลิปไปด้วย…” ศาสตราจารย์กู้ตอบอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีทางได้อุ่นเครื่องจริงๆ

 

 

 

นี่คือเรื่องตลกที่เย็นชา…มุกตลกที่ยิ้มไม่ออก แต่ทุกคนก็ไม่กล้าพูดอะไรมากอีกต่อไป พวกเขากลัวว่าพวกเขาจะได้ออกกำลังกาย เต้นอารบิกในห้องผ่าศพกันจริงๆ

 

 

 

อย่างไรก็ตามเรื่องตลกเเป้กๆ ของศาสตราจารย์กู้ก็ช่วยลดความกดดันลงได้อย่างมาก

 

พวกเขาก็ยืดเอวเล็กน้อย บิดคอและคลายกล้ามเนื้อ…นั่นเป็นเพราะความยาวเฉลี่ยของชั้นเรียนกายวิภาคศาสตร์คือประมาณสามชั่วโมงเป็นอย่างน้อยและพวกเขาจะต้องยืนอยู่ข้างโต๊ะผ่าศพอยู่ตลอด เพราะพวกเขาต้องผ่าศพและสังเกตคนอื่น ๆ ผ่าเช่นกัน บางครั้งก็มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องออกกำลังกายก่อนเริ่มผ่าด้วย เเต่ส่วนใหญ่ถ้าไม่นานอะไรนัก พวกเขาก็ไม่ทำ!

 

“บริเวณหลังข้อมือและหลังเนื้อมือมีไม่มาก ให้คนเเค่หนึ่งหรือสองคนก็พอ เเล้วใครจะไปก่อน?”

 

ศาสตราจารย์กู้และคนอื่น ๆ ในห้องปฏิบัติการรู้ดีว่าทักษะในการผ่ากายวิภาคของพวกเขาอยู่ในอันดับใด…เเละเก่งเเบบไหนกันบ้าง

 

หวังรั่วเซียงมีความละเอียดอ่อนและมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม แต่จุดอ่อนของเธออยู่ที่ข้อเสียทั่วๆไปนั่นคือจุดอ่อนโดยธรรมชาติของผู้หญิง

 

การเรียนกายวิภาคสำหรับการปฏิบัติบางอย่างต้องใช้พลังงานอย่างมากเพื่อให้เสร็จสมบูรณ์ มันต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงในการทำและสิ้นเปลืองพลังงานมาก เเละนี่ก็คือข้อจำกัดของการพัฒนาของนักศึกษาแพทย์หญิงในด้านศัลยกรรม…พูดง่ายๆก็คือ ผอม บาง ไร้เรียวเเรง ยืนนานๆ ผ่าตัดนานๆไม่ไหวนั่นเอง….

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก

Score 5.9
Status: Ongoing Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ระบบศัลยเเพทย์ ในยุคสิ้นโลก เรื่องย่อ ครั้งหนึ่ง ถนนเส้นนี้เคยคึกคักครึกครื้น และเต็มไปผู้คนหัวเราะเสียงดัง ทว่าเวลาผันผ่าน..ตอนนี้ทุกอย่างกลับตาลปัตร บรรยากาศบนท้องถนนเต็มไปด้วยความเงียบที่น่าขนลุก เสียงกระซิบที่แหบแห้งและบ้าคลั่งดังก้องอยู่เหนือท้องฟ้า มีปีศาจยักษ์ใหญ่จากโบราณอันน่ากลัวจนที่ไม่อาจอธิบายได้ แฝงตัวอยู่ในเงามืดของมหาสมุทรที่ไร้ก้นบึ้ง ภัยพิบัติลึกลับได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเเละขยายตัวกระจายไปยังทั่วโลก การระบาดของโรคร้ายและความหายนะทำให้ฝูงคนทั่วโลกตื่นตระหนก ผู้คนหวาดกลัวเเละพากันอพยพหนีตายกันจ้าล่ะหวั่น..มีเพียงหนึ่งเดียวที่พวกเขาต้องการนั่นคือ ที่ซุกหัวที่อบอุ่นเเละปลอดภัยเพียงเท่านั้น หยาดฝนโลหิตไหลรินทั่วแผ่นดิน ในขณะที่มวลมหาสายฟ้าผ่าทั่วท้องนภาอย่างบ้าคลั่ง เเสงสว่างของมันส่องให้เห็นฝูงกาที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านบน “ เราจะเห็นว่าสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างผิดปกตินี้มีซี่โครงสิบสองคู่เหมือนมนุษย์ แต่ยังมี“ กระดูกขวาง” ที่มนุษย์ไม่มี…” ในโรงเรียนแพทย์ กู้จวินยังคงนำมีดผ่าตัดของเขา ผ่าลงที่ซากศพโดยแสดงให้เห็นถึงโครงสร้างทรวงอกที่ผิดปกติของซากศพ โดยรอบๆโต๊ะผ่าศพมีนักเรียนหลายคนมองดูอยู่ ช่วงเวลาที่เลวร้ายและการเเก่งเเย่งได้ใกล้เข้ามา! ความจริงและตรรกะที่พังทลายคำสั่งวิปริตเข้าสู่ความบ้าคลั่ง มนุษยชาติสามารถก้าวไปข้างหน้าได้ด้วยพลังแห่งสติปัญญาและสติปัญญาเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset