ดังนั้นเมื่อพิจารณาเเล้วศาสตราจารย์กู้ก็รู้สึกว่าหวังรั่วเซียงเเละจางห้าวหลันเหมาะสมจะลงมือผ่าก่อน นั่นก็เพราะทั้งคู่ำงานคู่กันมายาวนานเเละทักษะก็สูงทั้งคู่
โดยจางห้าวหลันมีความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ขั้นพื้นฐานและมีความเชี่ยวชาญด้านกายวิภาคศาสตร์มากเมื่อเทียบกับทักษะทางคลินิก เเบบนี้ถือว่าเหมาะสมจะเป็นตัวอย่างมากทีเดียว
หลังจากนั้นเขาก็จัดลำดับการผ่าศพครั้งนี้ทันที โดยเริ่มจากซูไห่ ไช่ฉีซวน และ เฮ่ออี้หาน สำหรับกู้จวินเขาเป็นเพียงสมาชิกธรรมดา เเต่เมื่อดูจากผลการเรียนทุกคนก็คิดว่ากู้จวินน่าจะเชื่อถือได้มากกว่าเฮ่ออี้หานที่ที่เป็นเพียงเภสัชกรเเน่
“ รั่วเซียง ห้าวหลัน พวกเธอสองคนไปก่อน” ศาสตราจารย์กู้เป็นคนตัดสินใจ เเละสั่งการเเต่ผู้เดียว“ ส่วนคนอื่น ๆ คอยช่วยเหลือพวกเขา”
ไช่ฉีซวนและอีกสามคนรู้สึกโล่งใจทันที หวังรั่วเซียงและจางห้าวหลันรีบก้าวไปข้างหน้าทันที ในขณะที่กู้จวินเฝ้าดูอยู่ด้านข้าง
บนโต๊ะนั้นมีการเตรียมมีดผ่าตัด คีมผ่า กรรไกรผ่าและเครื่องมือผ่าตัดอื่น ๆ วางไว้อย่างพร้อมเพรียง
โคมไฟไร้เงาด้านบนและกล้องถูกเปิดขึ้นเเล้วเล็งไปที่ศพบนโต๊ะ
หวังรั่วเซียงหยิบมีดผ่าตัดออกจากถาดผ่าตัด มีดผ่าตัดนี้เป็นมีดเกรดมาตรฐานที่ทำจากสแตนเลสและใบมีดเป็นสีเงินมันวาวส่องประกายสดใส
ถึงเเม้มันจะสวย เเต่หญิงสาวกลับรู้สึกว่ามีดผ่าตัดเล่มนี้ทำให้เส้นประสาทในนิ้วของเธอกระตุกเล็กน้อย และเธอก็ใจเย็นเเละนึกถึงทฤษฎีกายวิภาคศาสตร์ที่เธอศึกษาในหนังสือ เธอจำความรู้สึกของการทำแผลได้…นึกถึงความรู้สึกที่ได้ผ่าคน
จางห้าวหลันเองก็หยิบคีมผ่าตัดขึ้นมาและใช้ปลายคีมทำรอยขีดในแนวนอนที่ด้านหลังของข้อมือศพที่ผิดปกติข้างนั้น เมื่อเสร็จเเล้วจึงทำเครื่องหมายรอยบากใต้นิ้วหัวแม่มือต่อ
เเม้มือของศพจะถูกบิดจนงอในลักษณะที่ไม่สามารถอธิบายให้กระจ่างได้ เเต่เขาก็ลงมือทำตามขั้นตอนปกติ..เหมือนๆกับทุกครั้งที่เขาได้ทำ
ในขณะนี้อัตราการเต้นของหัวใจของทุกคนรวมถึงศาสตราจารย์กู้กำลังเเรงเเละเร็วขึ้น ทุกคนอยากรู้เหลือเกินว่าในมือนั่นผิดปกติอะไรกันเเน่
หวังรั่วเซียงรวบรวมสมาธิทั้งหมดจับมีดผ่าตัดอย่างแน่นหนาโดยบิดข้อมือตนเองให้เป็นเหมือนคันธนู เธอลงมือผ่าตามรอยขีดที่ด้านหลังของข้อมือทันทีและเริ่มเจาะผิวหนังเป็นมุมฉากโดยใช้มีดผ่าตัดอย่างเเคล่วคล่อง
ทันทีที่เเทงใบมีดเข้าสู่ผิวหนังลึกลงไป ความประหลาดใจและความสงสัยก็เข้าครอบงำเธอทันที
ผิวหนังที่หลังมือของศพนั้นดีมาก โดยปกติความต้านทานของใบมีดจะลดลงอย่างกะทันหันหลังจากเจาะผิวหนังเล็กน้อย นั่นหมายความว่าใบมีดไปถึงพังผืดผิวเผิน ในเวลานี้เธอควรเอียงใบมีดเป็น 45 องศาทันทีจากนั้นทำการผ่า
อย่างไรก็ตามแม้ว่าปลายใบมีดจะถูกสอดเข้าไปใต้ผิวหนังจนถึงจุดสำคัญเเล้ว แต่ก็ไม่มีความรู้สึกแปลก ๆ ว่าจะมีการต้านทานที่ลดลงเหมือนปกติที่เคยผ่ามาก่อนเลย
หวังรั่วเซียงหยุดและขมวดคิ้วทันที จากนั้นเธอก็พูดกับทุกคนรอบ ๆ “ทุกคน ฉันไม่รู้สึกว่ามีพังผืดตื้น ๆ เเถวนี้เลย….”
เอ่ออะไรนะ? ซูไห่และคนอื่น ๆ ไม่สามารถตอบสนองได้ทันทีเพราะโครงสร้างพื้นฐานของร่างกายมนุษย์ที่พวกเขารู้จักก็คือผิวหนัง พังผืดตื้นและพังผืดลึก….เเล้วไอ้ไม่มีมันคืออะไร?
“ กะความลึกด้วยวิธีธรรมดาแล้วทำการผ่าต่อไป” ศาสตราจารย์กู้สั่งอย่างเรียบเฉย เขาสังเกตเเต่ก็ไม่ใส่ใจสักนิด
หวังรั่วเซียงพยักหน้าเเล้วจับมีดผ่าตัดของเธออย่างมั่นคงและค่อยๆตัดตามเส้นที่ทำมุม 45 องศา ด้วยรอยขีดที่เเรงเกินไปนี้ทำให้เกิดแผลพุพองอย่างกะทันหันและของเหลวประหลาดสีเข้มก็ถูกพ่นกระจายออกมาเกือบจะกระเซ็นใส่ใบหน้าของเธอและจางห้าวหลัน
“ระวัง!” กู้จวินให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดในทุกขั้นตอนของการผ่าตัดและเขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานเสียงดัง และยื่นมือออกไปเพื่อดึงหวังรั่วเซียงให้หลบ เเต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น แต่ที่เเน่ๆ ทุกคนต่างตกใจกับเสียงร้องของเขาอย่างกะทันหันจนทำอะไรไม่ถูก
ศาสตราจารย์กู้ที่เห็นเเบบนั้นก็ตำหนิกู้จวินทันที “ อย่าแปลกใจกับทุกสิ่ง! เธอไม่ใช่มือใหม่เเล้วนะ!”
“ ผมขอโทษครับ…” กู้จวินกล่าวอย่างสำนึกผิด เเต่เขาก็ยังคงสังเกตอย่างเงียบ ๆ เพราะเขารู้อันตรายมักจะมาถึงก่อนที่ใครจะคาดคิดเสมอและเขาก็ภาวนาอย่างจริงจังว่าของเหลวสีดำที่ถูกพ่นกระจายออกมาจะไม่ใช่สารที่น่ากลัวในนิมิตนั่น
เเต่….เนื่องจากรัฐเป็นคนบริจาคศพนี่มาเอง เจ้าหน้าที่ของรัฐคงพิจารณาเเล้วว่าสารดังกล่าวไม่เป็นอันตรายล่ะมั้ง…
น้ำเเปลกๆยังคงไหลออกมาจากรอยกรีดและทุกคนก็รอฟังคำตอบของศาสตราจารย์กู้ ศพคนตายตามปกติจะไม่มีการไหลของน้ำออกมาใต้ผิวหนังมากนัก
“ นี่อาจเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังน่ะ” ใบหน้าของศาสตราจารย์กู้ดูแก่และซีดเซียวเป็นพิเศษ ในขณะนี้มือซ้ายของศพกำลังทำลายความรู้เเละสามัญสำนึกของเขามากขึ้นๆในทุกวินาที เเต่การผ่าก็ต้องดำเนินขึ้นต่อไป “ ผ่าต่อเลย การมีน้ำไหลใต้ผิวหนังจะทำให้ผ่าตัดได้ราบลื่นมากขึ้น”
หวังรั่วเซียงที่กำลังตกใจก็รวบรวมสติของเธออีกครั้ง ซึ่งจางห้าวหลันก็ไม่ต่างกัน พวกเขายังคงผ่าต่อและลอกผิวหนังที่หลังมือและหลังนิ้วอย่างเชื่องช้าด้วยความระมัดระวัง
ส่วนความลึกของรอยกรีดทำให้เนื้อเยื่อใต้ผิวหนังเสียหายจนไม่เจอพังผืดหรือเปล่า….เรื่องนี้ไม่มีใครรู้ อย่างไรก็ตามการไหลของน้ำใต้ผิวหนังยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่องจนน่าหวาดผวา
ดวงตาของพวกเขาเริ่มเจ็บและระคายเคืองเพราะกลิ่นเหม็นของฟอร์มาลิน ในขณะที่ผ่าน้ำตาของพวกเขาก็ไหลออกมาไม่หยุด
บางทีอาจเป็นเพราะความสงสัย ความไม่คุ้นเคยหรือความกลัวสิ่งที่ไม่รู้ ทำให้หัวใจของพวกเขาตึงเครียดขึ้นเรื่อย ๆ เเละมือเองก็เริ่มสั่น
จางห้าวหลันสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความร้อนที่เกิดจากการหายใจเข้าออกภายในหน้ากากของเขา สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกอึดอัดมาก เขาแทบจะหายใจไม่ออกและมือของเขาก็สั่นเล็กน้อยเพราะสิ่งนั้นด้วย
ด้านหวังรั่วเซียง ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดที่มือของเธอสั่น ถึงกระนั้นหน้าผากของเธอก็เต็มไปด้วยเหงื่อ และในขณะที่ผ่า บางทีเธอก็ผ่าผิดพลาด
ไช่ฉีซวนเเละซูไห่ที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ พวกเขาจะกล้าหัวเราะกับท่าทางตลกๆของพวกเขาได้อย่างไร? พวกเขารู้สึกว่ามือของสองคนนั้นสั่นจนเเม้เเต่คนอื่นเช่นพวกเขายังมองเห็น
ถ้าสลับตำแหน่งกัน ไช่ฉีซวนเเละซูไห่รู้ได้เลยว่าพวกเขาก็คงไม่ต่างจากนี้เท่าไหร่นัก…หรือไม่ก็เเย่ลงกว่านี้เเน่นอน
พวกเขาผ่าเพียงไม่นานเท่าไหร่ เเต่กลับรู้สึกว่าพวกเขาผ่าศพที่หลังมือนี้อยู่นานถึงเกือบนิรันดร์ เเละในที่สุดทั้งสองก็เสร็จสิ้นภารกิจลอกผิวหนังจากหลังมือได้สำเร็จ
“ รั่วเซียง ห้าวหลัน พวกเธอทำเสร็จแล้ว” ศาสตราจารย์กู้สังเกตเห็นว่าทั้งคู่พยายามจนสุดพลังกายเเละพลังใจ เขาจึงเอ่ยชมเล็กน้อย
“ การผ่าศพของพวกเธอไม่เลวเลย” เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ผิดปกติเช่นนี้เเต่ทักษะการผ่าศพของทั้งสองคนก็ยังคงเป็นที่น่าพอใจ
จากนั้นศาสตราจารย์กู้ก็นึกเรื่องสนุกๆได้ “ กู้จวิน ตาเธอเเล้ว ไม่ว่าศพนี้จะมีพังผืดหรือไม่ เธอก็เข้าไปตรวจสอบให้ฉัน”
ในความเป็นจริงศาสตราจารย์กู้ไม่ได้คาดหวังมากนักต่อกู้จวินในครั้งนี้
ถ้ามันเป็นศพมนุษย์ธรรมดานั่นก็ยังไม่เป็นไร อย่างไรก็ตามเมื่อผ่าศพมนุษย์ที่มีร่างกายผิดปกติ แม้แต่รั่วเซียงเเละห้าวหลันก็สามารถแสดงประสิทธิภาพการผ่าได้เพียงครึ่งหนึ่งของปกติเท่านั้น…ดังนั้นเขาจึงไ่คาดหวังว่ากู้จวินจะทำได้ดีเลิศเท่าไหร่
กู้จวินจะแสดงได้ดีแค่ไหน? นั่นไม่สำคัญ
เป้าหมายหลักของศาสตราจารย์กู้ในครั้งนี้ก็คือให้เด็กเข้าใจระยะห่างระหว่างตัวเองและเเพทย์ที่เก่งกาจ โดยหวังว่าเขาจะถ่อมตัวและพยายามอย่างหนักในอนาคต
ให้กู้จวินทำหรือ? ทันใดนั้นทุกคนก็มองกู้จวินที่กำลังยืนมองพวกเขาอยู่ พวกเขาสัมผัสได้ถึง ‘ความมุ่งร้าย’ ที่ออกมาจากเเววตาของศาสตราจารย์กู้ที่ต้องการอบรมกู้จวินให้ตระหนักถึงจุดอ่อนของตนเอง
ไช่ฉีซวนรู้สึกเห็นใจเพื่อนอย่างแท้จริง เสี่ยกู้ออกจากมหาลัยไปพักผ่อนตั้งหลายเดือน เเละเพิ่งกลับมาเมื่อไม่กี่วัน ครั้งสุดท้ายที่เขาผ่าคือเมื่อไหร่? นี่ไม่เท่ากับเอาหัวไปชนปังตอเองเหรอ?
หวังรั่วเซียงถอนหายใจด้วยความโล่งอก และใบหน้าที่อ่อนโยนของเธอสั่นไม่หยุด เหงื่อเม็ดเล็กๆได้หลั่งใหลจนชุ่มโชกไปทั่วหลังราวกับว่าเธอเพิ่งออกจากสงครามมา จากนั้นเธอยื่นมีดผ่าตัดในมือให้กู้จวิน “สารที่ดองศพมันลื่นมาก ระวังด้วย! ขอให้โชคดี”
กู้จวินยอมรับมีดผ่าตัดด้วยความยินดีและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ขอบใจ! ไว้ใจฉันได้เลย!”
ทันใดนั้นบรรยากาศก็เงียบลงทันที และดูเหมือนว่าเครื่องหมายคำถามจะถูกสลักเต็มใบหน้าของทุกคน
ไว้ใจได้เลย? ไว้ใจ!? ไว้ใจคนอย่างนายเนี่ยนะ?