กู้จวินคุ้นเคยกับหน้าอกของมนุษย์เป็นพิเศษเพราะเรียนวิชานี้มานานเเถมคะเเนนก็ไม่ได้เเย่อะไร อย่างไรก็ตาม…โครงสร้างที่วาดบนกระดาษแผ่นนี้ … มีบางอย่างไม่ถูกต้องนัก
น่าแปลกที่ภาพมนุษย์ส่วนหน้าอกนี้มันดูค่อนข้างน่าสงสัย บางที่ก็เหมือน….เเต่กลับไม่เหมือนเสียทีเดียว กระดูกเเละภาพบางจุดนั้นก็เป็นสิ่งที่ไม่มีในตัวมนุษย์ หรือมันจะเป็นภาพกายวิภาคของสัตว์อื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ บางทีอาจจะเป็นภาพของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีส่วนของหน้าใกล้เคียงกับมนุษย์ก็เป็นไปได้? ทฤษฎีนี้ไม่ควรทิ้งเสียทีเดียว
“ กระดูกลาเมนาร์” กู้จวินบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงบางเบาจนเเทบไม่ได้ยิน ดวงตาของกู้จวินกำลังตรวจดูกระดูกรูปเพชร มันถูกปกคลุมด้วยอะไรบางอย่างและเชื่อมต่อโดยตรงกับกระดูกสันหลัง
คิ้วของกู้จวินขมวดเป็นปมเพราะความสับสนกับภาพที่ไม่เคยปรากฏเเละไม่เคยพบเห็นมาก่อน คำอธิบายประกอบของแผนภาพเขียนด้วยภาษาลึกลับเดียวกัน
ภาษาต่างโลกนี้ถูกเขียนด้วยมือ เห็นได้ชัดว่าคล้ายกับภาษาที่ปรากฎบนกล่องยา หากเเต่มันหวัดเเละอ่านออกยากกว่าภาษาพิมพ์มาก
ทันใดนั้นกู้จวินก็เกือบร้อง ‘ยูเรก้า’ ออกมา “ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันรู้เเล้ว นี่อาจจะเป็นการวาดด้วยมือก็เป็นไปได้!”
ถูกต้อง! การวาดด้วยมือ…เส้นจะไม่ค่อยตรงเเน่นอน บางทีเส้นอาจจะคดเคี้ยวจดบิ้วเบี้ยวเเบบสมบูรณ์ ใช่! ทุกคนไม่ได้มีพรสวรรค์ในการวาด ดังนั้นผลจึงออกมาเป็นเเบบนี้
กู้จวินพบว่าแผนภาพอ้างอิงนี้ไม่ได้ถูกวาดขึ้นในช่วงที่สภาพแวดล้อมสุขสงบและเอื้ออำนวยเเก่การชมวิวเเล้วจิบชาก่อนวาด คนวาดมีแนวโน้มที่จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่วุ่นวายและเต็มไปด้วยอันตรายรอบตัว ดังนั้นคนวาดจึงรีบวาดโดยอิงเฉพาะจุดสำคัญเท่านั้น
ตามคำอธิบายประกอบที่เขียนด้วยภาษาอื่น กู้จวินก็เลือกที่จะมองภาพเเล้วเทียบอักษรเอา เขาอ่านข้อความที่ชี้ไปที่ “ Lamellar bone” เป็นครั้งแรก จากนั้นเขาก็อ่านข้อความของกระดูกอีกหลายชิ้นและพบว่าทั้งหมดประกอบด้วยสองส่วน เเล้วนี่หมายความว่าอะไร?
ภาษาทางการเเพทย์นั้น สำหรับประเทศจีนไม่ได้มีเเค่ภาษาจีนอย่างเดียว หากเเต่เเบ่งเป็นภาษาจีนเเละภาษาอังกฤษ
ดังนั้นคำศัพท์ของโครงกระดูกและกระดูกเต้านมในภาษาจีนคือ “肋骨” และ “胸骨 ” เเละสำหรับภาษาอังกฤษก็คือ “กระดูกซี่โครง” และ “กระดูกหน้าอก”
เเละคำว่ากระดูกของภาษาจีนเเละภาษาอังกฤษเเม้จะความหมายเดียวกัน เเต่ก็เขียนคนละเเบบ…ที่สำคัญ มันสลับกันไปมา เดี๋ยวเรียกกระดูกเเบบอังกฤษ อีกพักหนึ่งก็เรียกกระดูกเเบบจีน มันทำให้คนอ่านไม่เข้าใจอย่างมากว่าทำไมไม่เลือกเขียนภาษาใดภาษาหนึ่งไปเลย
เเละภาษาบนเเผนภาพดิจิทัลมันก็คล้ายกับคำอธิบายข้างต้นเลย กู้จวินเริ่มสงสัยว่า…ตกลงภาษาต่างโลกมันคงมีหลายภาษาด้วยถูกต้องไหม? หรือมันเเค่เอาสองภาษามารวมกันเฉยๆ
ตกลงคำว่ากระดูกเป็นอักขระเดียวกันกับข้อความภาษาต่างโลกที่เขียนไว้บนกล่องยาถูกไหม?…เเละมันมีความหมายเหมือนกันกับคำว่ากระดูกด้วยหรือไม่?
ขณะที่กู้จวินมอง เขาก็ตระหนักได้ว่าภาษาพวกนี้มีความหมายเดียวกัน! ในขณะที่เขาถอดรหัสคำแรกของประโยคได้ เขาก็รู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
ขอบคุณพระเจ้าที่กระบวนการทางจิตของมนุษย์ในตัวผมสามารถเข้าใจภาษานี้ได้
ต่อไปนี้ถ้าฉันเข้าใจ ฉันจะหาคำตอบปริศนาของกล่องยาได้เเล้ว!
เขายังคงถอดรหัสภาษาลึกลับนี้ต่อไป โดยใช้วิธีเทียบอักษรเเละสังเกตเหมือนเดิม จากนั้นก็ค่อยๆเเกะรหัสออกมา
เเละกู้จวนก็เอ่ยคำศัพท์ภาษาต่างโลกออกมาเรื่อยๆตั้งเเต่ “ กล้ามเนื้อ” “ เส้นประสาท” และ“ หน้าอก” เเละอื่นๆ
จากคำอธิบายประกอบ 19 รายการที่ปรากฎในไฟล์ภาพ เขาพบว่าอักษรที่เเปลว่า “หน้าอก” และ “กล้ามเนื้อ” เป็นคำที่มีการเขียนเเบบตรงๆ เหมือนกันในภาษาจีน อักขระทั้งสี่ตัวในภาษานี้มีส่วนที่เหมือนกันกับภาษาจีนของพวกเขา
“ กระดูก กล้ามเนื้อ เส้นประสาท หน้าอก…บางทีทุกอย่างที่บอกมานี้มันน่าเกี่ยวข้องกับร่างกายมนุษย์หรือเปล่า? หรือมันคืออย่างอื่น!?”
กู้จวินคิดหนัก ท้ายที่สุดจากนักเรียนหมอ ตอนนี้เขากลายเป็นนักภาษาศาสตร์ชั้นยอดไปเเล้ว เขาเข้าใจดี แม้ว่าเขาจะอ่านข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตก็หาภาษานี้ไม่เจอ จะถามคน…แต่เขาไม่รู้จักเพื่อนคนไหนที่เป็นนักภาษาศาสตร์ที่เชื่อถือได้
ในที่สุดตนย่อมเป็นที่พึ่งเเห่งตน ถามคนอื่นทำไม? ถอดรหัสเองซะก็สิ้นเรื่อง!
เขาดูคำอธิบายประกอบบางส่วนที่เขียนไว้ด้านล่างแผนภาพอีกครั้ง ข้อความนั้นมีการพิมพ์อย่างดีจำนวนสิบบรรทัดพร้อมคำพูดประกอบหลายร้อยคำ
มีประโยคบางอย่างที่แปลกประหลาดเเละโดดเด่นกว่าประโยคตัวเล็กอื่นๆ
เช่น อักษรในสี่บรรทัดสุดท้ายที่เหมือนกันทุกประการ และยังมีสัญลักษณ์เดียวกันตามหลังประโยคอีก สัญลักษณ์นี้ก็เหมือนกับ! หรือ ? ตามภาษาสมัยใหม่
บางทีนี่อาจเป็นเครื่องหมายวรรคตอนสำหรับภาษาต่างโลกนี้ เมื่อวิเคราะห์เพิ่มเติม กู้จวินก็รู้สึกว่ามันเป็นทั้งเครื่องหมายอัศเจรีย์หรือเครื่องหมายคำถามเเน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น! ประโยคนี้ซ้ำไปแล้วทั้งหมด 4 ครั้งด้วย
เเปลว่ามันต้องโครตสำคัญมากทีเดียว!
ดูเหมือนว่าผู้เขียนข้อมูลอ้างอิงทางกายวิภาคนี้ จะมีอารมณ์ที่รุนเเรงในขณะที่เขาวาดมัน….
กู้จวินดำดิ่งลงไปในความคิด “ คำอธิบายประกอบนี้หมายความว่าอย่างไรกันนะ?” ในขณะที่เขาตรวจสอบลายมือของคนเขียน ร่างกายของเขาก็เริ่มสั่นเทาด้วยความตกใจกลัวอะไรบางอย่าง และความคิดที่วิตกกังวลก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
บางทีบันทึกเหล่านี้อาจมีค่าที่สำคัญที่สุดเมื่อเทียบกับข้อความอื่น ๆ ในเอกสารอ้างอิง มันมีข้อมูลสำคัญที่สามารถเปิดเผยความหมายที่แท้จริงของสิ่งนี้ทั้งหมด
อนิจจา! เขาไม่เข้าใจจริงๆ
ยิ่งอ่านเขาก็ยิ่งเหนื่อยทั้งกายและใจ
“ โฮยยย! ฉันคิดอะไรไม่ออกเเล้ว นอนดีกว่า! เอาไว้ปึ๋งปั๋งเมื่อไหร ฉันจะเปรียบเทียบคำต่างโลกบนกล่องยากับภาพนี้ให้หมด”
กู้จวินขยี้ตาที่แดงเเล้วเเดงอีกของเขาจนเกิดระคายเคือง เขาจึงไปล้างหน้าโดยใช้กะละมังเก่าๆ ที่อยู่ริมระเบียง เขาไม่ต้องการอาบน้ำเพราะเหนื่อยมากเเล้ว
เขาจึงปีนขึ้นไปบนเตียงชั้นสองของตนเองทันทีและนอนลง ในขณะที่เขาปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งของเขานั้น เขาก็หลุดเข้าไปในหมอกสีเทาหนาแน่นในนิมิตทันที
ความเงียบไร้ส้นสุดได้โอบล้อมเขา
ภาพในห้องนอนเลือนลางเเละหายวับไปในพริบตา
ภาพเเรกที่ต้อนรับเขาคือ ต้นไม้เหี่ยวแห้งขนาดใหญ่ที่มีลำต้นที่แข็งแรงปรากฏขึ้น ด้านบนมีกิ่งก้านจำนวนมาก มันแผ่กิ่งก้านสาขาออกไปอย่างยุ่งเหยิง เเละกิ่งก้านเหล่านั้นก็ตัดผ่านหมอกสีเทาจนเป็นรอยแตก
น่าแปลกที่ไม่มีใบไม้เลยสักใบ มันคล้ายต้นไม้ผีสิงในหนังฮอลลิวูดเป็นอย่างมาก ต้นไม้นั้นมีเพียงเถาวัลย์ที่เน่าเปื่อยไม่กี่เส้น
เเละเมื่อกู้จวินเงื้อคอมองไปรอบ ๆ กู้จวินก็ตระหนักว่ารอบๆนี้ เเม้กระทั่งสายลมยังเป็นสีเทาอ่อนที่น่าหวาดเกรง
เสียงกรอบแกรบจากรอบๆ ก็ดึงดูดความสนใจของเขาทันที ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาต้นนี้ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่
เเละสิ่งนั้นก็คือ เด็ก!!
เเต่เป็นเด็กที่ตัวเล็กดูอ่อนแอ มือและขาของเขานั้นอ่อนแรงอย่างเห็นได้ชัด เเต่มือเล็กๆของเขาก็เอามาจับกับต้นไม้อย่างเเน่นหนาและปีนขึ้นไปบนต้นไม้ด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด
จากนั้นหมอกหนาก็ปกคลุมเเละบดบังการมองเห็นของกู้จวินอีกครั้ง นั่นทำให้ภาพเด็กเเละภาพต้นไม้ค่อยๆห่างไกลจากเขายิ่งขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นไม่นาน หมอกก็จางลง เขาอยู่ที่เชิงต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาดั่งเดิม ที่นี่ยังคงเป็นทะเลสีเทา บนพื้นมีศพและซากศพที่เน่าเปื่อยเกลื่อนไปทั่ว
มันดูคล้ายๆ ลานทิ้งศพที่มีเเต่ศพที่น่ากลัวจนนับไม่หวาดไม่ไหว เเม้มันจะเยอะเเต่ก็วางเรียงไม่ได้นับยุ่งยากอะไรเเละไม่รู้ว่าเพราะหมอกหรืออะไรกันเเน่
กู้จวินถึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของพวกเขาได้ เเต่อย่างน้อยกู้จวินก็มองเห็นแขน ขาทั้งสองข้างของพวกเขาถูกบิดจนผิดรูป
ทันใดนั้นร่างหนึ่งๆ ก็ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ที่เหี่ยวเฉา มันเป็นเด็กที่อ่อนแอคนนั้นนั่นเอง
เขาพยายามอย่างเต็มที่และใช้พลังงานในการปีนป่ายจนหมด เเต่โชคร้ายที่เขาปีนไม่เก่ง เเละมือก็ลื่นจนร่วงลงมา
จากภาพนั้น! เด็กดูเหมือนจะกรีดร้องด้วยความกลัว แต่ไม่มีเสียงดังใดๆเลยที่เข้าหูของกู้จวิน
บูม!
เสียงกระแทกดังก้องและได้ทำลายความเงียบที่น่ากลัว คราวนี้กู้จวินได้ยินมันดังและชัดเจน
เด็กคนนั้นก็ล้มลงบนพื้นพร้อมกับเสียงอันดัง เเละร่างกายของเด็กคนนั้นก็โดนเเรงปะทะของอะไรบางอย่างเข้าเต็มๆ เลือดของเขาก็พุ่งออกมาเปื้อนดินสีเทาหม่นจนกลายเป็นสีแดงเลือดหมู
ใบหน้าที่ซีดขาวและอ่อนโยนกลายเป็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความน่ากลัว ดวงตาของเขาเบิกกว้าง เเละไม่มีวี่แววของชีวิตอันสดใสหลงเหลืออยู่
กู้จวินเคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน มันเป็นใบหน้าเดียวกันกับศพในอาคารผ่าศพ…
มันคือใบหน้าของเด็กที่มีมือเเบบผิดปกติ เขานอนหลับใหลชั่วนิรันดร์อยู่ในถังฟอร์มาลีน