ใบหน้าของกู้จวินที่ดูขุ่นเคืองและหุนหันพลันแล่นก็ค่อยๆสงบเยือกเย็นขึ้นอีกครั้งและเปลี่ยนกลับไปเป็นกู้จวินที่เจ้าเเผนการณ์ดั่งเดิม
อย่างน้อยเขาก็คลายข้อสงสัยบางอย่างเกี่ยวกับบริษัทไล่เฉิงได้ บางที…จู่ๆเขาก็นึกถึงความเป็นไปได้ที่น่ากลัว หลังจากที่พ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุ
หรือว่าเเท้จริงเเล้วบริษัทไล่เฉิงได้ส่งคนมาเฝ้าสังเกตเขาเป็นเวลาหลายปี
“ ผู้ชายคนนี้…” กู้จวินขมวดคิ้วเข้าหากันจนกลายเป็นปมเเน่น เขาขุดลึกลงไปในความทรงจำของตนเอง เพราะเขาคลับคล้ายว่าจะจำได้! ชายคนนี้เขาน่าจะเคยพานพบมาก่อน…
ในชั้นเรียนช่วงมัธยมต้น กู้จวินมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่ใส่ใจเพราะเบื่อหน่ายกับชีวิตในห้องเรียน เเละตอนนั้นเขาก็เห็นชายร่างสูงคนหนึ่งยืนอยู่ตรงข้ามถนนและหันกลับมามองเขา
ใช่ผู้ชายคนนี้หรือเปล่านะ!? กู้จวินคิดด้วยความสงสัยก่อนที่จะนึกถึงเรื่องถัดไปอีก
ตอนนั้นในสนามบาสเก็ตบอลของโรงเรียนมัธยม เขาสังเกตเห็นสมาชิกทีมบาสเก็ตบอลที่ตัวสูงและผอมคนหนึ่ง เขาคนนี้ได้รับเสียงปรบมือมากมายจากบรรดาผู้ชมทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง…หรือว่าจะเป็นเขากันเเน่นะ!?
“งั้นบริษัทไล่เฉิงคงเข้าใจในตัวฉันเป็นอย่างดี แต่ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้ว่าฉันไม่รู้เรื่องเอกสารพวกนั้นล่ะ…เเล้วทำไมตอนนี้พวกเขาถึงเอาแต่มองหาฉันได้? ทั้งๆที่เมื่อก่อนไม่เคยสนใจ…หรือมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นจนทำให้พวกเขาต้องเปิดเผยตัว”
คำถามใหม่ ๆ หลั่งไหลเข้ามาในใจของกู้จวิน ทำให้คำถามเเละข้อมูลที่อยู่ในสมองเริ่มเลือนลางเหมือนถูกกลุ่มม่านหมอกหนาค่อยๆคืบคลานเข้ามาปกคลุมอย่างเงียบเชียบ
กู้จวินพยายามใช้โทรศัพท์มือถือค้นหาชายคนนั้นบนอินเทอร์เน็ตอย่างระมัดระวัง
เเละมันก็ไม่น่าแปลกใจที่การค้นหาของเขาไม่ได้ผลลัพธ์!
เเสงเเดดสายัณห์ยามเย็นค่อยๆจางลงเเละกำลังจะเข้าใกล้ราตรีอันมืดมิด กู้จวินก็ตรงออกจากตรอกแล้วนั่งแท็กซี่กลับไปที่วิทยาลัยแพทย์มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นทันที
ระหว่างทางเขากลัมหาลัย เขามัวเเต่ยุ่งอยู่กับการขุดความทรงจำในอดีตที่พอจะนึกออกได้
เอกสาร เอกสาร!!
มันเป็นเหมือนคำร่ายที่วนเวียนอยู่ในใจของเขาตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีแม้แต่เบาะแสสักนิดปรากฏขึ้น
กู้จวินรีบเดินไปที่อาคารหอพักของเขาทันทีที่มาถึงบริเวณหอพัก
หลังจากนั้นไม่นาน กู้จวินก็เดินมาถึงหอพัก เขารีบเปิดประตูหอพักและกลับไปยังห้องพักของเขาอย่างปลอดภัย ตอนนี้นอกจากเขาแล้วยังมีไช่ฉีซวนอีกคนที่ยังคงหลับอยู่บนเตียง
“ หืม… อ้าว! เสี่ยกู้หรอกเหรอ นายกลับมาเเล้ว?” ไช่ฉีซวนเงยหน้าขึ้นปาดน้ำลายทิ้งทันที เขาเอ่ยปากพึมพำด้วยความงัวเงีย
“ คราวนี้นายเเอบไปเที่ยวที่ไหนมา เมื่อกี้ศาสตราจารย์กู้พูดในกลุ่มวีเเชทว่าคืนนี้ไม่มีซ้อม เขาบอกให้พวกเราพักผ่อนให้ดี การแข่งขันทักษะจะถูกเลื่อนมาก่อนกำหนด ดังนั้นเเล้วจริงๆมันก็คือพรุ่งนี้!”
“อ่า! เรื่องนั้นเอง ฉันเห็นแล้วล่ะ” ไช่ฉีซวนพยักหน้าเข้าใจ เสียงแจ้งเตือนของศาสตราจารย์กู้นั้นกะทันหันเเละดังมากจนเเทบขี้หูหลุด เด็กทุกคนรวมทั้งตัวเขาเองก็ร้องเหวอด้วยความประหลาดใจ
ตั้งแต่การคัดเลือกคนสำหรับเข้าชิงถ้วยฟรอนเทียร์ไปจนถึงการแข่งขันทางคลินิกทั่วเมืองตะวันออก ล้วนถูกเลื่อนมาก่อนกำหนด
ดูเหมือนว่าการขาด “ทาส” ทางการแพทย์ในองค์กรลึกลับของรัฐบาลนั้นจะน่ากลัวเเละเร่งด่วนมาก ที่ทำเเบบนี้คาดว่าพวกเขาน่าจะคาดคนเเละกำลังเร่งจัดหาคนอย่างเร่งด่วน
“ ถ้าอย่างนั้นนายควรเข้านอนเร็วๆ ใกล้จะมืดเเล้วนายไม่ควรไปเถลไถลที่ไหนอีก”
ไช่ฉีซวนบ่นพึมพำทำตัวประดุจเเม่ที่เห็นลูกชายกลับบ้านดึก เเต่ในขณะที่บ่นนั้นท้องของเขาก็ส่งเสียงดังกึกก้อง เขากระเเอมไอเล็กน้อยก่อนที่จะพูดตบท้ายว่า
“ วันนี้มีขนมปังสำหรับมื้อเย็นนะ”
ก่อนที่เสียงท้องร้องจะดังก้องไปทั่วห้องอีก
ไช่ฉีซวนไม่หิวและไม่อยากนอนหลับด้วย เขามองไปรอบ ๆ ห้องเพื่อหาอาวุธสำหรับเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเองในยามฉุกเฉิน
ที่สำคัญ…อาวุธนั้นจะต้องพกพาติดตัวไปได้ สมมุติถ้าเขาถูกโจมตีโดยบริษัทไล่เฉิงอีกรอบ กู้จวินจะไม่สิ้นไร้ไม้ตอกเหมือนวันนี้เด็ดขาด
ดูสิ! วันนี้เขาหมดทางสู้! ไม่มีปัญญาเเม้เเต่จะเอาอิฐสักก้อนมาป้องกันตนเอง
ถ้าอีกฝ่ายคิดจะเอาชีวิตขึ้นมาจริงๆ เขาคงเน่าตายอยู่ในตรอกนั่นไปเเล้ว!
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถนำมีดออกไปเดินเพ่นพ่านที่ถนนได้ ถ้าเขาทำเช่นนั้นเขาจะถูกตำรวจควบคุมตัวในฐานะผู้ที่อาจจะก่ออาชญากรรม เเละลงเอยด้วยการเข้าซังเตให้อับอายผู้คน เขาจะถึงจุดจบโดยที่ไล่เฉิงยังไม่ทันได้ทำอะไรกับเขาเเม้เเต่นิดก็เป็นไปได้!
ใช้มีดผ่าตัดดีไหม?
โอ้ว! ลืมไปเถอะ! มันสั้นเกินไป
เขาคิดอยู่พักหนึ่ง และในที่สุดเขาก็คิดหาอาวุธที่เหมาะสมกว่านี้ได้เเล้ว เเต่อนิจจา! เขาไม่มีสิทธิได้ครอบครองมัน
ไช่ฉีซวนคิดทบทวนอีกครั้งอย่างละเอียด ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา เเล้วทำใจอีกรอบ….
เขาเข้าไปในสมุดผู้ติดต่อ เเล้วมองหาชื่อ “ หวังรั่วเซียง” และรีบกดโทรออกในทันที
จริงๆ เบอร์ของหวังรั่วเซียง เขาเพิ่งเพิ่มเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
บี๊บ! บี๊บ! ติ๊ง! สายเชื่อมต่อติดอย่างรวดเร็วด้วยอิทธิฤทธิ์ของเครือข่ายระดับ 5 G
และเสียงอันไพเราะของหวังรั่วเซียงก็ดังออกมาจากลำโพงโทรศัพท์มือถือ “ฮัลโหลว….”
“ ฉันเองกู้จวิน” เสียงของกู้จวินเต็มไปด้วยความจริงจัง
“ฉันรู้เเล้ว นายมีธุระอะไรกับฉัน”
“ หัวหน้าชั้นที่เคารพดุจพระเจ้า เธอมีสเปรย์…เอ่อ อันที่เเรงๆ ที่เขียนสรรพคุณว่าป้องการการข่มขืนไหม?”
กู้จวินตัดสินใจพูดให้ตรงประเด็นทันที เพราะยิ่งโกหกมันยิ่งดูน่าสงสัย เเละเพื่อไม่ให้ขาดตอน เขาตัดสินใจขอยืมทันที
“ เธอให้ฉันยืมขวดได้ไหม? เมื่อเร็ว ๆ นี้ฉันรู้สึก … ไม่ปลอดภัยนิดหน่อย”
“ ฉัน….ไม่มี” คำตอบของหวังรั่วเซียงก็ตรงประเด็นเช่นกัน เธอก็ชิงอธิบายเหตุผลเช่นกันเหมือนกลัวกู้จวินจะหาว่าเธอโกหก“ ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน”
“ อย่างนั้นเหรอ…” กู้จวินหมดปัญญาเเล้ว ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชายคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะไปซื้อ เเต่เขาก็อธิบายเหตุผลเธอกลับไปเหมือนกัน บทสนทนามันจะได้ไม่สั้น“ ฉันรู้สึกว่าในทางทฤษฎี เธอน่าจะเป็นคนที่อาจถูกคุกคามได้ง่ายกว่าคนอื่น…เธอควรพิจารณาวิธีป้องกันตัวเองบ้างนะ”
หวังรั่วเซียงตอบอย่างเฉยเมย “ ฉันมีเข็มขัดคาราเต้สีดำ!!”
กู้จวินเงียบกริบ!
ความคิดสองอย่างแวบเข้ามาในใจของเขา
อย่างแรกไม่น่าแปลกใจที่ความแข็งแกร่งของเธอไม่ได้แย่ไปกว่าผู้ชายที่สูงกว่า 180 ซม.
อย่างที่สอง!! คือมันเป็นความโชคดีอย่างน่าอัศจรรย์ที่เสี่ยกู้ในอดีตอย่างเขาไม่ดึงดันที่จะรบกวนเธอ มิฉะนั้นเขาอาจถูกทุบเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เเละขายหน้ามากกว่าเดิม!
“ ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยสอนท่าสองสามท่าให้ฉันหน่อยได้ไหม!? เอ๊อะ! ลืมมันไปเถอะ! เอาเป็นว่าเธอช่วยมาเป็นบอดี้การ์ดของฉันหน่อยได้ไหม?” กู้จวินถามด้วยความหวั่นเกรง
“ ทำไมนายถึงต้องใช้สเปรย์กันการข่มขืน” หวังรั่วเซียงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ นายควรเป็นคนที่โดน…สเปรย์กันการข่มขืนฉีดใส่ไม่ใช่หรือไง?”
กู้จวินถอนหายใจเพราะคำพูดที่เป็นดั่งหอกเคลือบยาพิษของเธออีกครั้ง “เฮ่อ! ขออภัยที่รบกวนเเล้วกัน”
“ การแข่งขันจะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ นายได้รับข่าวหรือยัง? ทำไมนายถึงยังไม่พักผ่อนอีก” เธอถามอีกครั้ง คราวนี้กู้จวินได้ยินความปรารถนาดีจากส่วนลึกในใจของหญิงสาว
“ อ๋อ ฉันจะเข้านอนแล้ว” กู้จวินตอบและวางสายทันที
จากนั้นเขาก็มองไปรอบ ๆ ห้องนอนอีกครั้ง และสายตาของเขาก็ไปหยุดที่ไม้กวาดที่วางพิงอยู่มุมกำแพง
เขาเดินไปหยิบไม้กวาดและโบกมันไปมาอย่างแรงสองสามครั้ง
“ ฉันคิดว่าจะดีที่สุด ถ้าฉันจะหาเวลาไปซื้อไม้เบสบอลสักอัน”
กู้จวินพึมพำกับตัวเอง….ต่อให้คนอื่นจะมองเขาเป็น ‘จูนิเบียว’ เขาก็ไม่สน ขอเเค่เตรียมพร้อมเเละปลอดภัย…ทุกอย่างก็ไม่น่าห่วงอีก
******************************
จูนิเบียว…คือ จูนิเบียวเป็นศัพทที่ใช้ในการประชดกึ่งดูถูก สามารถพบเห็นการใช้คำนี้ได้ในกลุ่มนักวาดนักเขียนโดยเฉพาะนักวาดที่ได้อิทธิพลจากมังงะญี่ปุ่นและกลุ่มโรลเพลย์ โดยคำว่าจูนิเบียว (中二病) มีที่มาจากภาษาญี่ปุ่นที่แปลตรงตัวได้ว่า ‘โรคเด็กม.2’ มีที่มาพฤติกรรมที่มักเกิดในเด็กวัยรุ่นตอนต้น หรือประมาณชั้น ม.2 ที่พยายามค้นหาตัวตนของตัวเอง รวมไปถึงการพยายามสร้างคาร์แรคเตอร์ให้ตัวเองโดดเด่นและได้รับความสนใจ
อาการของผู้เป็นจูนิเบียวคือ มักจะพยายามทำในสิ่งที่ตนเองคิดว่าเท่ แต่ในสายตาของคนทั่วไปมองว่ามันขัดกับหลักตรรกะสุด ๆ ดูไม่เข้าท่า น่ารำคาญ แปลกประหลาด
อาการในขอบเขตปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น คิดว่าตัวเองมีพลังพิเศษและบอกคนอื่นเช่นนั้น, หาส่วนประกอบแปลก ๆ มาใส่เพิ่มในเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายเพราคิดว่าจะทำให้ดูเท่ขึ้น (มักเชื่อมโยงกับข้อแรก), ใช้ถ้อยคำในการพูดต่างจากปกติไป เป็นต้น
อาการดังกล่าวมักจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงอายุ 13-15 หรือประมาณม.2 ตามที่มาของชื่อ แต่ถึงจะถูกเรียกว่าโรคเด็กม.2 แต่จูนิเบียวไม่ใช่โรคทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องได้รับการรักษา แต่เป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนในช่วงวัยรุ่นตอนต้น โดยในปัจจุบันมักถูกนำมาเป็นคำเรียกคนทำตัวเพ้อเจ้อในบางวงการ แต่ถ้าหากจูนิเบียวมีอาการหนักจนแยกความเป็นจริงกับจินตนาการไม่ได้จริง ๆ ก็ควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เพื่อความปลอดภัยของทั้งตัวคนที่จูนิเบียวและคนรอบข้าง