กู้จวินและทีมของเขาติดตามหลังศาสตราจารย์กู้ลงจากรถ เเละทันใดนั้นเองพวกเขาก็เห็นรถประจำทางคันอื่นกำลังเข้ามาจอดอย่างรวดเร็ว ซึ่งรถบัสเหล่านั้นเป็นรถที่ทีมจากมหาวิทยาลัยชิงหยุนและมหาลัยอื่น ๆ ที่กำลังจะเข้ามาเพื่อเเข่งขันที่นี่ด้วย
หลังจากทุกมหาลัยลงมาจากรถทั้งหมด พวกเขาก็ได้พบกัน
ช่วงเวลาที่นักศึกษามหาวิทยาลัยอีสเทิร์นได้พบหน้ากับนักศึกษามหาวิทยาลัยชิงหยุน ดวงไฟแห่งการแข่งขันก็พลันถูกจุดประกายขึ้น มันราวกับว่าศัตรูได้มาพบกัน ซึ่งจริงๆ ทั้งสองล้วนมาจากภูเขาชิงหยุนด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ใกล้กันนานๆ จากความสัมพันธ์ที่ย่ำเเย่ถูกพัฒนาเป็นเฉยเมย จนมาถึงรุ่นของกู้จวิน…ตอนนี้ทั้งสองมหาวิทยาลัยเกลียดขี้หน้ากันอย่างกับอะไรดีเเล้ว
“ หึ! คนพวกนั้นมาจากภูเขาเหรอ!? สงสัยจะเป็นลิงป่า….”
“อะไร? คนเหล่านั้นเป็นนักศึกษาของภาคตะวันออกใช่ไหม? อ้อ ที่ตรงข้ามกับตะวันตกสินะ!”
แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ห่างกันถึง 1 เมตร แต่ก็ไม่สามารถป้องกันพวกเขาทะเลาะกันได้ แน่นอนว่าส่วนใหญ่มันคือการเถียงกัน หยอกล้อกันเพื่อความสนุกสนานก่อนการเริ่มเเข่ง เเละมันจะช่วยให้ทุกคนไม่ตื่นเต้นด้วย
ทุกคนพยายามยืดหลังและเชิดหน้าหยิ่งผยองเต็มที่ สิ่งนี้จะช่วยเน้นเสื้อกาน์วสีขาวที่สง่างามบนร่างกายของพวกเขาให้โดดเด่น เเละเเน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้รับอนุญาตดูถูกทีมอื่น เเละพวกเขาก็ไม่ยอมให้คนอื่นมาดูถูกพวกเขาเช่นกัร
สำหรับทีมจากมหาลัยจื่อหัวและมหาลัยตงหยาง…เอาจริงๆ พวกเขาเป็นเเค่ตัวประกอบที่มาเพิ่มจำนวนคนให้มันดูเยอะๆก็เเค่นั้น ไม่มีใครใส่ใจพวกเขาเป็นพิเศษ
ทีมจากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นและมหาวิทยาลัยชิงหยุนได้รับความสนใจอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับทีมพิเศษที่มีเครื่องหมาย ‘ทีมพิเศษของคณะ’ นักศึกษาเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกจากอาจารย์ชั้นนำและได้รับการยอมรับจากคณะนักศึกษาในเรื่องความสามารถพิเศษสุดล้ำของพวกเขา
ทีมมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นนำโดยศาสตราจารย์หยูเฉาเหว่ย และทีมจากชิงหยุนนำโดยศาสตราจารย์เฟิงจิง ทั้งสองคนต่างก็เป็นศัลยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทางคลินิกที่ได้รับการยอมรับและการยกย่องอย่างสูง
พวกเขาเคยเป็นคณะกรรมการในการแข่งขันทักษะทางคลินิกมาหลายครั้งจนเป็นที่รู้จักกันดีในเเวดวงการเเพทย์
เมื่อเทียบกับศาสตราจารย์กู้แล้ว พวกเขาค่อนข้างมีฐานะสูงกว่าเล็กน้อย
ไม่ว่าทั้งสองทีมนี้จะแข่งขันกันอย่างไร เเต่การเเข่งขันนั่นต้องสุดยอดอย่างไม่ต้องสงสัย
“เจ้าเด็กเหม็น!!” ศาสตราจารย์กู้พูดกับกู้จวินด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม ใบหน้าที่เหี่ยวย่นของเขาแสดงถึงความรู้สึกฝืนใจอย่างมาก
“ ฉันพาเธอมาเเข่งเวทีที่ยิ่งใหญ่ วันนี้เธอจะต้องพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นว่าฉันตัดสินใจถูกต้องเเล้วที่เลือกเธอ! เข้าใจไหม!?”
“ครับผม! ผมจะชนะให้ได้ครับ” กู้จวินพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม วันนี้เขามาที่นี่เพื่อเป็นคนที่สุดยอดที่สุด ไม่สิ! เขาจะชนะ
หากมองจากมุมบนจะเป็นภาพที่งดงามมาก เพราะจะมองเห็นอาจารย์เเละนักศึกษาเเพทย์หลายร้อยคนจากมหาลัยแพทย์ชั้นนำเดินเข้ามาในสนาม
อย่างไรก็ตามตอนนี้พวกเขาไม่รู้เลยว่าการแข่งขันจะเป็นอย่างไร!? วัดผลเเบบไหน มีเกณฑ์อะไรด้วยซ้ำ!! สีหน้าทุกคนจึงเต็มไปด้วยความมึนงง
เมื่อพวกเขาเข้าไปในสนามกีฬา พวกเขาก็เห็นว่าพื้นที่กว้างใหญ่นี้มันว่างเปล่า นอกเหนือจากโต๊ะผ่าตัด โต๊ะทดลอง โต๊ะธรรมดาและเก้าอี้ที่วางอยู่ตรงกลางแล้วก็ไม่มีอะไรอื่นอีก
ไม่มีวงเชียร์หลีดเดอร์ที่จะคอยมาเชียร์พวกเขา ไม่สิ! กระทั่งรอบสนามยังว่างเปล่าขนาดที่ผีสักตัวยังไม่มาดูมาชม
ความว่างเปล่าที่กว้างใหญ่เเละเงียบสงัดนี้ สร้างความไม่สบายใจให้เกิดขึ้นภายในจิตใจของผู้เข้าเเข่งอย่างยิ่ง
คณะกรรมการจัดงานนำแต่ละทีมไปยังที่นั่งของตนเองอย่างช้าๆ โดยมหาลัยอีสเทิร์นอยู่ทางขวา และมหาวิทยาลัยชิงหยุนอยู่ทางด้านซ้าย
ส่วนมหาลัยจื่อหัวจะไปนั่งที่ด้านหลังและมหาลัยตงหยางจะต้องนั่งอยู่ด้านหน้า ส่วนที่เหลือ…หากตรงไหนว่างก็นั่งๆไป ทุกคนพยายามให้พื้นที่เต็มให้มากที่สุด ภายในไม่กี่นาทีฝูงชนก็นั่งลงบนเก้าอี้ประจำตัวด้วยท่าทางเรียบร้อย
ภายในที่นั่งของมหาวิทยาลัยอีสเทิร์น ทีมที่ศาสตราจารย์หยูเลือกไว้จะอยู่ที่นั่งด้านหน้าสุด เเละสำหรับศาสตราจารย์กู้และทีมของเขาจะนั่งอยู่ที่นั่งด้านหลัง
“อืม! ครั้งนี้จะมีการกล่าวสุนทรพจน์จากประธานก่อนไหม!?” ซูไห่กระซิบใส่ข้างหูของเฮ่ออี้หานเเล้วพูดติดตลกเล็กน้อย “ น่าจะมีมั้ง? คนระดับสูงไม่ใช่ว่าเจ้ากี้เจ้าการกับงานนี้เป็นพิเศษหรอกรึ!?”
แท้จริงแล้วเฮ่ออี้หานเป็นคนมีเหตุผลเเละมองภาพรวมได้ดีที่สุด อย่างไรก็ตามเธอก็หวังว่ามันจะไม่เป็นความจริง
ท้ายที่สุดการเเข่งขันที่นับเป็นเหตุการณ์สำคัญเช่นนี้จะทำให้บุคคลสำคัญหลายคนมารวมกัน เฮ่ออี้หานไม่ได้มาที่นี่เพื่อทนกับความทรมานในการฟังคำปราศรัยสุดน่าเบื่อเเล้วเหี่ยวเเห้งไปกับเเดดร้อนของหัววัน
“ เเต่ฉันไม่คิดอย่างนั้นนะ!” กู้จวินกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ นี่เป็นเรื่องฉุกเฉิน!!”
ฉุกเฉิน? ซูไห่และคนที่เหลือส่งเสียงพึมพำ
อะไร? เเค่เเข่งขันฉุกเฉินขนาดนั้นเลยเหรอ?
ไม่มีใครคาดคิดว่ากู้จวินจะพูดถูกเเม้เเต่คนเดียว
ทันใดนั้นชายหนุ่มคนหนึ่งก็ขึ้นมาบนเวทีโดยทำตัวเหมือนเป็นพิธีกรในงาน เขาถือไมโครโฟนและพูดกับทุกคนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ยินดีต้อนรับอาจารย์และนักศึกษาที่มีชื่อเสียง เเละขอต้อนรับคณะกรรมการของเราสำหรับวันนี้”
ด้วยเสียงปรบมือดังกึกก้องภาพลำโพง สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษหลายสิบคนก็เดินเข้ามาในงาน พวกเขาทั้งหมดสวมเสื้อคลุมสีขาวมานั่งที่เก้าอี้พิเศษที่ถูกระบุว่ามันคือที่นั่งของกรรมการ
พวกเขาเป็นชายและหญิงที่อยู่ในวัยกลางคนและบางคนก็เป็นผู้สูงอายุ เเละพิธีกรเรียกพวกเขาว่า ‘ศาสตราจารย์’
ทุกคนต่างพากันมองหน้ากันอย่างสับสน ในฐานะที่เป็นทาสทางการแพทย์ พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้กล่าวว่าตนเองคือผู้มีความรู้กว้างขวางในโลกเเห่งการเเพทย์
เเต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครรู้จักศาสตราจารย์เหล่านี้เเม้เเต่นิดเดียว!
เเละคนที่ไม่รู้จักเหล่านี้ก็คือผู้ตัดสิน!
กู้จวินไม่รีรออะไรทั้งสิ้น เขารีบมองเเละจดจำใบหน้าของคณะกรรมการทุกคนโดยพยายามจำหน้าชนิดฝังลึกลงไปในความทรงจำของเขาเลย
คนเหล่านี้มาจากอุตสาหกรรมลึกลับนั่นเเน่นอน กู้จวินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เป็นลางร้ายเเละความชิบหายจากตัวพวกเขา
“ ฉันเชื่อว่าคุณทุกคนคงได้ยินว่าการแข่งขันในวันนี้เป็นการคัดเลือกกลุ่มนักศึกษาเเพทย์ผู้มีความสามารถใหม่ ๆ เเละเป็นดาวเด่นทางการแพทย์โดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ฉันไม่แน่ใจว่าคุณเข้าใจความหมายของประโยคนี้หรือไม่!?”
ศาสตราจารย์ที่เป็นประธานคณะการที่ชื่อ ฉินเฉิงเย่ เขาพูดผ่านไมโครโฟนเเล้วเว้นวรรคสักครู่หนึ่ง ก่อนที่จะกล่าว “ เเต่อีกไม่นานคุณจะเข้าใจ”
ศาสตราจารย์ฉินดูคล้ายเศรษฐีเฒ่าหิวเงิน ด้วยศีรษะที่เต็มไปด้วยผมสีขาวและใบหน้าซีดขาวเกือบจะเท่าสีของกระดาษ ทำให้เขาดูมีอายุมากกว่าเจ็ดสิบปี มันดูจะอาวุโสกว่าศาสตราจารย์กู้ และศาสตราจารย์คนอื่น ๆ ด้วยซ้ำ!
อย่างไรก็ตามเมื่อดวงตาของศาสตราจารย์ฉินกวาดไปมองเด็กหนุ่มสาวทุกคนๆ พวกเขาก็รู้สึกถึงความน่ากลัวของศาสตราจารย์คนนี้ เเววตาของเขานั้นบ่งบอกได้ถึงประสบการณ์มหาศาลที่ล้ำค่าเเน่นอน
นี่เป็นจุดแข็งที่คนหนุ่มสาวเเบบพวกเขายังไม่มี ด้วยสายตาเช่นนี้พวกเขาสามารถตัดสินได้อย่างง่ายดายว่าชายคนนี้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่สุดยอดผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์อย่างไม่ต้องสงสัย เเละเขาน่าจะเป็นศัลยแพทย์ระดับเทพเจ้าอวตารที่ผ่านการผ่าตัดสาหัสสากรรย์มาหลายร้อยครั้ง
สายตาของศาสตราจารย์ฉินกวาดไปทั่วใบหน้าของเหล่านักศึกษาที่นั่งอยู่แถวหน้าทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าเขาคงได้รับการแจ้งว่าเด็กที่นั่งหน้าๆนั้นเก่งที่สุดในบรรดาเด็กทั้งหมด
เมื่อรู้สึกถึงความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ในสายตาของศาสตราจารย์ฉินและคณะกรรมการคนอื่น ๆ นักศึกษา“ ทีมพิเศษ!” ก็ต้องเผชิญกับความตึงเครียดมากขึ้น และพวกเขารู้สึกถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาจะต้องฟันฝ่า
“ การทดสอบทักษะตามปกติ” ศาสตราจารย์ฉินกล่าวอย่างเรียบง่าย จากนั้นก็เว้นวรรคเเล้วพูดต่อไป
“ เช่น การให้ยาทางหลอดเลือดดำ การใส่ท่อช่วยหายใจ การใส่ท่อช่วยหายใจเเบบยากทั้ง 4 ครั้ง ทั้งหมดนี้จะเป็นการทดสอบเบื้องต้น พวกคุณสามารถส่งใครก็ได้จากทีมของคุณมาเพื่อทดสอบสิ่งเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม เราจะทำการทดสอบในเช้าวันนี้หวังว่าจะพยายามให้เต็มที่กัน ตอนนี้ประเทศกำลังต้องการความสามารถของพวกคุณเป็นอย่างมาก พวกคุณคือ บุคคลที่จะเป็นเสาหลักของการเเพทย์เเห่งอนาคต จงเเสดงฝีมือออกมาให้โลกนี้ได้เห็นคุณ…จงละทิ้งวัยเยาว์ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานเเละก้าวเข้าสู่โลกการเเพทย์เถอะ! เทพเเห่งความหวังจะอวยพรให้เเก่พวกคุณ”
ข้อความนั้นชัดเจน! การทดสอบในเช้านี้เป็นจุดมุ่งหมายเริ่มต้นของการแข่งขันทั้งหมด
กู้จวินบอกตัวเองด้วยความมั่นใจ ‘ฉันต้องหาวิธีที่จะโดดเด่นท่ามกลางทุกคน’ ให้ได้!
หวังรั่วเซียงเเละไช่ฉีซวนก็ได้บอกตนเองให้พยายามอย่างเต็มที่เช่นกัน ไม่มีใครอยากเป็นตัวสำรองหรือตัวตลกในงานเป็นเเน่!
“เอาล่ะ” ศาสตราจารย์กวาดสายตาหันไปมองเหล่าเด็กๆอีกครั้ง
“ ฉันหวังว่าในหมู่ของพวกคุณ เราสามารถเลือกเพชรเเท้หนึ่งหรือสองได้!”
อะไรนะ?!?
คำกล่าวนี้สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ในหมู่ของนักศึกษาเเพทย์ นักศึกษาหลายคนไม่สามารถสรุปคำพูดสุดท้ายนั้นได้อย่างชัดเจน บางคนถึงกับหลุดงง
ที่นี่รวมนักศึกษาแพทย์ที่เก่งที่สุดในจังหวัดภาคตะวันออกไว้เเล้ว แต่เขากลับบอกว่าต้องการเลือกเเค่สองหรือสามคน?
เมื่อศาสตราจารย์ฉินพูดจบ ทีมงานก็ยกอะไรบางอย่างมาวางไว้ที่ทางเดิน ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องและเสียงเฮฮาก็ดังขึ้นทันที
เมื่อกู้จวินเห็นสิ่งนั้น หัวใจของเขาก็เต้นรัวจนเเทบตัวสั่นและดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ!