ทันใดนั้นเหล่านักศึกษาที่กำลังเฮฮาหัวเราะโอ้อวดกันอยู่…ทันทีที่พวกเขาได้เห็น ‘บางสิ่งบางอย่าง’ ที่เจ้าหน้าที่ลากออกมาไว้ที่กลางทางเดิน…พวกเขาก็สูญเสียเสียงหัวเราะไปทันที ทั้งสนามก็มีเเต่ความเงียบ พวกเขาได้ยินเพียงเสียงลากกรงไปบนพื้นเท่านั้น
เสียงโลหะที่ขูดลากพื้นคอนกรีตทำให้ทุกคนเกิดความกลัวได้ชัดเจน!
ใบหน้าของเยาวชนรุ่นใหม่เเห่งวงการเเพทย์ทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยอีสเทิร์นหรือมหาวิทยาลัยชิงหยุนอันทรงเกียรติต่างก็แสดงอาการตื่นตระหนกจนมือและเท้ารู้สึกชา ร่างกายก็สั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ร่างกายของพวกเขาแข็งทื่อแม้แต่อาจารย์ใหญ่ผู้มีเกียรติเเละทรงคุณวุฒิอย่างหยูเฉาเหว่ย และเฟิงจิงก็ยังอ้าปากค้างเเละสำลักน้ำลายจนเงียบกริบ
พวกเขาทั้งหมดชำนาญเเละเชี่ยวชาญเรื่องส่วนใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์และการแพทย์ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถเข้าใจถึงการมีอยู่ของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้…..
เมื่อถึงเวลานี้ทุกคนได้ตระหนักเเล้ว! ว่าความเข้าใจเกี่ยวกับโลกก่อนหน้านี้ของพวกเขามันเป็นเพียงส่วนปลายของภูเขาน้ำแข็ง
พวกเขาเหมือนเด็กอมมือที่ไม่รู้เรื่องราวอะไร….
คล้ายกับเด็กที่พบ ‘สิ่งเเปลกใหม่’ เป็นครั้งเเรก!
“ …” กู้จวินเองก็เงียบกริบ สายตาของเขาคล้ายกับถูกตรึงไว้ที่สนาม เขามองดูเจ้าหน้าที่ที่พยายามยกเเละลากเพื่อเคลื่อนย้ายกรงเหล็กขนาดยักษ์มาวางไว้ที่ทางเดินด้วยความลำบาก
กรงเหล็กนั่นหนักมาก…เเม้กระทั่งพื้นปูนอย่างดี ยังโดนขูดลากจนเสียหาย
กรงเหล็กสูงมากกว่าสามเมตร หากวัดความยาวและความกว้าง จะพบว่าทุกมุมนั้นมีขนาดใกล้เคียงกัน มันมีรูปร่างเหมือนลูกบาศก์
วัสดุของกรงนั้นมีแท่งเหล็กรวมต่อกันเเละเชื่อมอย่างแน่นหนา ซี่ของลูกกรงทั้งหมดนั้นถูกทาสีด้วยสีขาวเหมือนกันกับถังเก็บศพ ด้านล่างของกรงมีรอกซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการเคลื่อนย้าย กล่าวกันว่าเเม้จะใช้เคลื่อนที่รูปปั้นก็สามารถทำมันได้ง่ายๆสบายๆโดยไม่ต้องเปลืองเเรงมากนัก…ทว่าตอนนี้พื้นปูนกลับเป็นรอย!
นั่นเดาได้ไม่ยากว่าสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนภายในกรงนั่นทำให้ทั้งกรงนั้นหนักอึ้งและทำให้มันเคลื่อนตัวได้ยากกว่าการขนรูปปั้นไม่รู้ตั้งเท่าไหร่
ดั้งนั้นเดาได้เลยว่าสิ่งที่อยู่ในกรงมันจะตั้งใหญ่โตเเละหนักอย่างมหาศาล เเละเเปลกตาจนไม่น่าเชื่อเเน่นอน…นั่นก็เพราะการเเข่งขันที่ใหญ่ขนาดนี้คงไม่มีของธรรมดาดาดดื่นปรากฎขึ้นมาหรอก!
เเละสิ่งที่อยู่ในกรงเหล็กก็ถูกเผยโฉมสู่สายตาผู้เข้าชม….
กู้จวินนั้นไม่ใช่คนที่ขาดความสามารถในการแสดงออกทางอารมณ์ เขาเคยได้รับรางวัลจากการเขียนเรียงความสมัยเด็กๆมาก่อนด้วยซ้ำ ถึงกระนั้นสำหรับเขาเเล้วมันก็ยังยากที่จะบรรยายฉากที่น่ากลัวที่เพิ่งปรากฎ
นั้นมันเป็นความลำบากในการจะบรรยายภาพเบื้องหน้าอย่างที่ไม่อาจจินตนาการได้
นี่เป็นสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียน
คล้ายสัตว์ประหลาดที่เกิดจากกลุ่มร่างที่ไม่สมประกอบ
บางทีพวกมันอาจเคยเป็นมนุษย์มาก่อน แต่แขนขาทั้งหมดมีรูปร่างผิดปกติอย่างสิ้นเชิง แขนขาของพวกมันก็บิดเบี้ยวคดเคี้ยวอย่างน่าหวาดผวา มีเพียงหัวเท่านั้นที่ยังคงมีรูปร่างคล้ายมนุษย์
ใบหน้าของแต่ละคนดูเหมือนคล้ายกับว่าพวกเขายังมีชีวิตอยู่อย่างชัดเจน เเต่ร่างกายและแขนขาที่ผิดรูปเเละบิดเบี้ยวมันได้ผูกปมเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน
พวกเขาไม่เพียงแค่พัวพันกัน แต่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างสมบูรณ์ มันเหมือนกับลักษณะของศพก่อนหน้านี้ที่กระดูกต้นแขนด้านซ้ายทั้งหมดผิดปกติจนไม่คาดเดาลักษณะก่อนหน้าได้หากไร้ตัวเปรียบเทียบ
ภาพเบื้องหน้านั้น…สิ่งตรงหน้ามันหลอมรวมกันอย่างเเนบเนียนไร้รอบต่อ
พวกเขาล้วนสังเกตได้ว่าฝ่ามือของคนหนึ่งเลื้อยไปผ่านน่องของอีกคนหนึ่ง และลำคอเขาคนนั้นกำลังผ่านหน้าท้องของอีกคนหนึ่งอย่างไม่รู้สึกรู้สา
ความซับซ้อนของการหลอมรวมที่น่าขนลุกและองค์ประกอบเบื้องหน้าที่เเต่ละส่วนเต็มไปด้วยความผิดเเปลกน่าขยะเเขยงจนเกินทน ไม่รู้ว่าต้องเป็นตัวตนที่ชั่วร้ายเเบบใดถึงสร้างสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนขนาดใหญ่และน่าเกรงขามขนาดนี้ขึ้นมาได้
ใบหน้าที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ถูกสลับไปมาท่ามกลางการหลอมรวมร่างกายที่น่ารังเกียจนี้ ใบหน้าและดวงตาจำนวนมากจ้องมองไปที่สิ่งรอบข้างอย่างเศร้าหมอง มันราวกับว่า…พวกเขายังมีชีวิตอยู่!
ในขณะที่สิ่งเบื้องหน้าดูคล้ายกับการบิดเบือนร่างกาย ความคิดเเละสามัญสำนึกของนักศึกษาเเพทย์ผู้ชาญฉลาดเเละอาจารย์ผู้ทรงเกียรติก็พลันถูกบิดเบือนจนบิดเบี้ยวเช่นกัน เเต่ละคนมีสีหน้าไม่ต่างอะไรกับกระดาษสีขาว
“ เออะ! อุเเหวะ!!…” นักศึกษาเเพทย์หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ที่ฝั่งของที่นั่งมหาวิทยาลัยจื่อหัวอาเจียนทันที ใบหน้าของเธอซีดเซียวจนเกือบเป็นสีฟ้า และร่างกายของเธอก็สั่นเทาอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีถุงอาเจียนวางอยู่ข้างที่นั่งของพวกเขาคนละใบ! เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะต้องได้ใช้!
เสียงอาเจียนของเหล่าเด็กนักศึกษาดังก้องไปในอากาศทีละคนสองคน ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง…เกือบทุกคนถ้าไม่อาเจียนก็เกือบจะเป็นลมกันทั้งนั้น
นักศึกษาพวกนี้ ไม่ใช่เด็กมือใหม่ของวงการเเพทย์! เเต่ละคนล้วนเเต่เป็น ‘ทาส’ มืออาชีพเเห่งวงการเเพทย์ทั้งนั้น พวกเขาเรียนอย่างหนีก ฝึกฝนทุกวัย นี่ยังไม่นับที่พวกเขาเผชิญกับซากศพทุกชนิดทุกๆวัน เเม้จะเเข็งเเกร่งขนาดนี้เเต่พวกเขาก็ไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองจากการอาเจียนได้
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเคยผ่าศพที่มีรูปร่างผิดปกติมาก่อนและมีการเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจมามากสักหน่อย บางทีพวกเขาก็อาจจะกลัวจนกลายเป็นคนวิกลจริตไปเเล้ว!
บางคนรู้สึกอับอายกับปฏิกิริยาของตนเองจนไม่กล้าเงยหน้าขึ้นอีก ส่วนบางคนก็แค่อยากจะเพิกเฉยต่อทุกสิ่งและวิ่งหนีกลับมหาวิทยาลัยไปซะ
ในวัยเด็กพวกเขาดูละครที่เกี่ยวกับตัวเอกที่เป็นแพทย์เพียงไม่กี่เรื่องและคิดว่าหมอนั้นทั้งหล่อ เก่ง สวยเเละเท่ห์!! พวกเขาจึงตัดสินใจเรียนแพทย์ ภายใต้ความหวังว่าวิถีชีวิตในอุดมคติของพวกเขาจะสมบูรณ์ นั่นก็คือการได้อยู่กับแพทย์หล่อเหลาเเละสวยงาม และอาศัยอยู่กับพยาบาลที่สวยเลิศล้ำ….ซึ่งมันคนละเรื่องกับภาพสยองขวัญเบื้องหน้าอย่างเทียบไม่ติด
ในเวลาเดียวกันศาสตราจารย์ฉินเฉิงเย่ และกรรมการคนอื่น ๆ กำลังสังเกตปฏิกิริยาของเหล่านักศึกษาอยู่เงียบๆ
เมื่อเห็นอาการไม่พึงประสงค์ของเหล่าเด็กๆ ใบหน้าของคณะกรรมการหลายคนก็เต็มไปด้วยความผิดหวังอย่างไม่อาจคาดเดาได้